บทที่ 895 เรือวิญญาณ!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

เซี่ยไห่หยางอาจกุมความลับมากมายเอาไว้อย่างภาคภูมิ แต่ชายหนุ่มเองก็ไม่รู้เลยว่าเพิ่งปล่อยให้โอกาสทองในการได้รับความช่วยเหลือหลุดมือไป หากเขาเล่าทุกอย่างให้หวังเป่าเล่อฟังตอนที่อีกฝ่ายเอ่ยถามและเอ่ยปากขอความช่วยเหลือแลกกับเงินไป… ย่อมมีโอกาสที่หวังเป่าเล่อจะอยากทำข้อตกลงด้วย เพราะอย่างไรเสีย หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้สนใจหากเซี่ยไห่หยางจะล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขาและศิษย์พี่ เป็นเซี่ยไห่หยางเองต่างหากที่กำลังร้อนรนเพราะเป็นคนที่มีปัญหากับศิษย์พี่ของเขาอยู่

มีโอกาสมากที่หวังเป่าเล่อจะยอมยื่นมือมาช่วยเหลือในเวลาที่เหมาะสม

ยิ่งไปกว่านั้น การช่วยเหลือของหวังเป่าเล่อก็ไม่น่าจะแพงนัก นั่นเพราะ…หวังเป่าเล่อคงไม่คิดเรียกราคาให้สูงมากมายตามประสบการณ์ในอดีตที่เคยมีกับผลึกสีชาด อย่างมากสุดเขาก็คงเรียกแค่ไม่กี่ล้านผลึกเท่านั้น

แน่นอนว่า…ใดๆ ทั้งหมดนี้คือก่อนหวังเป่าเล่อจะย่างกรายเข้าไปในตลาด!

แม้ว่าชายหนุ่มจะเคยเดินตลาดมาบ้างในอดีต แต่ก็ไม่เคยรู้ค่าของผลึกสีชาดเลย จึงไม่ได้สนใจว่าราคาสิ่งของที่ซื้อขายด้วยผลึกสีชาดเป็นเท่าไร หลังกลับมาจากภารกิจของปรมาจารย์แห่งไฟ หวังเป่าเล่อก็ใช้ผลึกสีชาดซื้อวัตถุดิบไปจำนวนหนึ่ง แต่ชายหนุ่มในตอนนั้นยังไม่บรรลุขั้นจิตวิญญาณอมตะ เขาจึงไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่เฉพาะของหลายๆ ร้านที่จำกัดไว้ให้ลูกค้าพิเศษได้ ของที่ขายในพื้นที่เฉพาะเหล่านั้นมีราคาแพงระยับสำหรับผู้ฝึกตนทั่วๆ ไป แต่ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงคงไม่สะทกสะท้านกับราคาเหล่านั้น

ทว่าครั้งนี้…ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

ขณะนี้ เมื่อหวังเป่าเล่ออยู่ในขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลาย เขาจึงไม่สนใจวัตถุดิบที่ซื้อไปก่อนหน้านี้ อันที่จริงแล้ว ชายหนุ่มคิดว่าตนเองก็นับว่าเป็นคนรวยคนหนึ่ง เมื่อเดินเข้าไปในร้านที่ดูมีชื่อเสียงและมีสินค้าประมาณหนึ่ง เขาก็เชื่อว่าการปลดปล่อยพลังปราณของเขาคงจะพาให้เจ้าของร้านกุลีกุจอออกมาดูแลเป็นพิเศษ จากนั้นก็คงต้อนรับตัวเขาให้เข้าไปยังพื้นที่ในร้านที่ผู้ฝึกตนทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป

หวังเป่าเล่อทำทีเป็นสงบเสงี่ยมขณะที่ยืนอยู่ในพื้นที่หวงห้ามของร้าน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชายหนุ่มต้องตื่นตะลึงหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่ที่เดินเข้าไปในพื้นที่นั้น…

วิญญาณอัสนีสวรรค์เก้าดวง…หนึ่งแสนห้าหมื่นผลึกสีชาด!

ไอน้ำสายธารศักดิ์สิทธิ์…สองแสนเจ็ดหมื่นผลึกสีชาด!

เรือวิญญาณเหนือจรดใต้…สามแสนเก้าหมื่นผลึกสีชาด นี่มันบ้าบออะไรกัน

หวังเป่าเล่อผงะด้วยความตกตะลึง ชายหนุ่มคงไม่รู้หากไม่ได้มองป้ายราคาเหล่านั้น เขาไม่รู้สึกร่ำรวยอีกต่อไป กลับกันตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกยากจนเป็นอย่างยิ่ง

โชคดีที่หวังเป่าเล่อยังควบคุมตนเองได้ สีหน้าของชายหนุ่มยังนิ่งเฉยอยู่ และทำทีเป็นไม่พอใจเป็นบางครั้งด้วยซ้ำ ราวกับว่าไม่ได้สนใจราคาของสินค้าเท่ากับคุณภาพ หวังเป่าเล่อรักษามาดเอาไว้ขณะที่เดินเข้าออกพื้นที่หวงห้ามของร้านค้าจำนวนหนึ่ง หลังจากได้แวะเวียนร้านเหล่านั้น ชายหนุ่มก็ยืนนิ่งอยู่บนถนน ก่อนจะทอดถอนใจด้วยใบหน้าหม่นหมอง

*ข้ายากจนเหลือเกิน…*หวังเป่าเล่อตบกระเป๋าคลังเก็บของตน ความรู้สึกยากจนนั้นทำให้ชายหนุ่มเศร้าสร้อยเป็นพิเศษ เขาหมายตาเรือบินเอาไว้ แต่มันมีราคาถึงเจ็ดหลัก เพียงนึกถึงป้ายราคาก็ทำเอาหวังเป่าเล่อขนลุกขนชัน

จู่ๆ แหวนคลังเก็บระดับดาวพระเคราะห์ที่หวังเป่าเล่อเหลือบมองอยู่ก็ปรากฏขึ้นมาในศีรษะของเขา ชายหนุ่มจำขวดปริศนาที่เคยเห็นและคำว่า “คนร่ำรวย” ที่เขียนไว้บนกระดาษในขวดแก้วใบนั้นได้ หวังเป่าเล่อเข้าใจในวินาทีนั้นเอง

ในขวดนั้นมีพลังทำให้เป็นคนรวยได้อย่างนั้นหรือหวังเป่าเล่อคิดอย่างตื่นเต้น ลมหายใจของเขาถี่เร็วขึ้น ชายหนุ่มคิดจะยกแหวนคลังเก็บขึ้นมาดูอีกครั้ง แต่ที่นี่อาจไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น ตำแหน่งของเขาจะถูกเปิดโปงทุกครั้งที่เขาเปิดใช้แหวน ไม่มีวิธีหลบเลี่ยงได้นอกจากชายหนุ่มจะทำลายผนึกบนแหวนคลังเก็บนั้นออกโดยสมบูรณ์ เพื่อทำให้อันตรายจากการเปิดแหวนคลังเก็บหายไป

แต่ระดับปราณปัจจุบันของชายหนุ่มยังไม่เพียงพอ สิ่งนี้ยังเกินกำลังของเขาอยู่

หวังเป่าเล่อเดินคอตกออกจากตลาดด้วยความเศร้าสร้อย ความสงสัยเกี่ยวกับการรีบรุดจากไปของเซี่ยไห่หยางเริ่มจะเข้มข้นขึ้น

เขากลัวว่าข้าจะขอกู้เงินอย่างนั้นหรือ เพราะเหตุนี้จึงต้องหาเหตุผลแปลกๆ เพื่อหนีไปหวังเป่าเล่อพ่นลมออกมาทางจมูกก่อนจะฝังเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ ชายหนุ่มซื้อศิลาวิญญาณมาจำนวนมากด้วยผลึกสีชาดในกระเป๋าก่อนจะเดินออกมาจากตลาดแล้วมุ่งหน้าไปยังอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์

ชายหนุ่มไม่ได้ใช้เรือบินรบเวทในการเดินทางกลับ ความเร็วของเรือบินรบเวทนั้นไม่เท่าฝีเท้าของตัวเขาเอง ด้วยเหตุนี้หวังเป่าเล่อจึงซื้อศิลาวิญญาณมา เพื่อจะได้เติมพลังตัวเองได้ระหว่างเดินทางกลับ เกราะมหาจักรพรรดิของเขาก็ต้องการกินศิลาวิญญาณเพื่อฟื้นฟูพลังเช่นกัน

ชายหนุ่มสามารถกลืนกินผลึกสีชาดแทนได้ แต่ผลึกเหล่านั้นมีพลังงานมากเกิน หวังเป่าเล่อต้องใช้พลังงานของตัวเองเพื่อปรับพลังงานของผลึกให้เหมาะสมกับเกราะมหาจักรพรรดิ เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ขณะที่เขาเดินทางผ่านห้วงอวกาศ

ผ่านไปสองสัปดาห์ที่หวังเป่าเล่อเดินทางด้วยความเร็วคงถี่โดยไม่ลดความเร็วลง ชายหนุ่มผ่านอารยธรรมที่เคยสนใจแล้วก็ผ่านไปโดยไม่แวะดู เห็นได้ชัดว่าจิตใจของชายหนุ่มขณะนี้จดจ่ออยู่กับสงครามที่อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ เขาไม่รู้เลยว่าสถานการณ์เป็นเช่นไรบ้าง

*ข้าติดกับของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และราชวงศ์ดวงเนตรสวรรค์ไปครั้งหนึ่ง…แม้ว่าปรมาจารย์สำนักมหาทัณฑ์สวรรค์อาจไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ข้าก็ยังต้องระวังตัวเมื่อพบกับเขา!*ประกายเยือกเย็นส่องสะท้อนอยู่ในดวงตาของหวังเป่าเล่อขณะที่ใช้ความคิด กับดักอันแล้วอันเล่าทำให้ชายหนุ่มหัวเสียเป็นอย่างยิ่ง และยังทำให้เขาระมัดระวังตัวขึ้นมากอีกหลายเท่าตัว

*ข้าจะไม่ทำผิดเช่นเดิมซ้ำสองแน่นอน!*หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ชายหนุ่มรู้ดีว่าสิ่งที่ทำให้เขาติดกับศัตรูคือความโลภ เขามุ่งมั่นอยู่กับการปล้นอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์และการไม่ยอมให้โอกาสนี้ตกไปอยู่ในมือใครคนอื่น

ชายหนุ่มเปลี่ยนวิธีคิดไป การได้ครอบครองทรัพยากรของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เป็นเรื่องดี แต่การไม่ได้ครอบครองก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่!

เพราะเหตุนี้ข้าจึงต้องลอบกลับเข้าไป ข้าต้องหลบเลี่ยงสายตาของผู้คนและเริ่มปฏิบัติการในเงามืด…ข้าจะได้ล่วงรู้ความลับของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เสียที… พอหวังเป่าเล่อคิดเรื่องนี้ ชายหนุ่มก็นึกขึ้นได้ว่าเขามักขาดความรู้สำคัญไปเสมอเมื่อเป็นเรื่องของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ เขารู้สึกว่า…เรื่องนี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับปรมาจารย์สำนักมหาทัณฑ์สวรรค์

หวังเป่าเล่อไม่แน่ใจเรื่องรายละเอียดเท่าใดนัก ชายหนุ่มยังคงเร่งความเร็วต่อเนื่องพลางคิดเรื่องนี้ไปด้วยขณะที่เหาะผ่านเส้นเขตแดนของอารยธรรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง

หวังเป่าเล่อกำลังคิดเพลินๆ เมื่อเหาะผ่านอารยธรรมนั้น…จู่ๆ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ไม่ใช่เพราะนึกอะไรขึ้นมาได้…แต่เพราะการสั่นไหวอย่างรุนแรงจากกระเป๋าคลังเก็บของเขา ที่แรงจนวิญญาณของชายหนุ่มสั่นไหว!

การสั่นไหวนั้นจู่ๆ ก็เกิดขึ้นชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่ได้มาจากแผ่นหยกสื่อสาร แต่มาจาก…แหวนคลังเก็บที่ถูกเก็บอยู่ภายใต้ผนึกหลายชั้นที่อยู่ในกระเป๋าคลังเก็บของเขานั่นเอง!

แหวนคลังเก็บนั้นเคยเป็นของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นคนหนึ่ง!

เกิดอะไรขึ้นกัน ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นคนนั้นหรือ เขามาตามล่าข้าหรือหวังเป่าเล่อตื่นตัวสุดขีด ชายหนุ่มรีบเรียกดวงจิตเทพออกมาแล้วส่งมันเข้าไปดูในแหวนคลังเก็บปริศนา ขณะที่มันสั่นไหวอย่างรุนแรง ผนึกหลายต่อหลายชั้นที่หุ้มอยู่ก็ขาดยุ่ยราวกับเป็นกระดาษ ไม่อาจผนึกแหวนคลังเก็บเอาไว้ได้อีก มีแสงสว่างเจิดจ้าส่องออกมาจากแหวนวงนั้น

ไม่จบเพียงแค่นั้น สิ่งที่ทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตะลึงและหน้าถอดสีคือภาพของแหวนคลังเก็บ…ที่กำลังเปิดออกเอง!

ศีรษะของกระดาษรูปมนุษย์โผล่ออกมาจากแหวนคลังเก็บ ดวงตาของมันส่องแสงประหลาด ดูเหมือนมันกำลังจับจ้อดวงจิตเทพของหวังเป่าเล่อ และเชื่อมต่อกับดวงวิญญาณของชายหนุ่มทันที

ก่อนที่หวังเป่าเล่อจะทันได้ทำอะไร เสียงหัวเราะเยือกเย็นน่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้นในใจเขา

เป็นเสียงหัวเราะที่ทำให้วิญญาณสั่นไหว หวังเป่าเล่อตัวสั่นขณะที่ดวงจิตเทพเริ่มไม่มั่นคง เขารู้สึกราวกับว่าดวงวิญญาณเทพถูกฉีกเป็นชิ้นๆ โชคยังดีที่ความทรมานนั้นไม่ได้คงอยู่นานนัก เสียงหัวเราะนั้นจางหายไปภายในไม่กี่วินาที

เวลาไม่กี่วินาทีนั้นให้ความรู้สึกราวชั่วกัปชั่วกัลป์สำหรับหวังเป่าเล่อ เสื้อผ้าของชายหนุ่มเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขารู้สึกราวกับว่าเพิ่งปีนออกมาจากนรกและหนีรอดความตายมาได้ สีหน้าของเขาซีดขาว ก่อนจะขวับไปมองอารยธรรมนั้นทันที แต่ไม่ว่าจะเพ่งพิศเพียงใด หวังเป่าเล่อก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ

กระดาษรูปมนุษย์นั้น…ทำไมจู่ๆ ถึงทำเช่นนั้นหวังเป่าเล่อผงะด้วยความตื่นตระหนก ชายหนุ่มค่อนข้างมั่นใจว่าหากเจ้าสัตว์ร้ายนั่นยังหัวเราะต่อไปอีกไม่กี่วินาที ดวงวิญญาณเทพของเขาคงจะต้องยอมจำนนต่อเสียงนั้นเป็นแน่

หลังรอดจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันนั้นมากได้ หวังเป่าเล่อก็เริ่มใคร่ครวญว่าจะทิ้งแหวนคลังเก็บเพื่อหลบหลีกอันตรายที่อาจเกิดขึ้นอีกดีหรือไม่ ขณะที่ชายหนุ่มลังเลใจอยู่นั่นเอง…นัยน์ตาของเขาก็เบิกโพลง

เขามองเห็นเรือลำหนึ่ง!

เรือลำนั้นเป็นสีดำขนาดย่อมๆ แต่ก็ใหญ่พอนั่งได้ราวร้อยคน มันไหลมาตามห้วงอวกาศคล้ายเรือวิญญาณ และเข้ามาหาหวังเป่าเล่ออย่างช้าๆ

เรือนั้นดูเก่าโทรม ร่องรอยที่กาลเวลาได้ฝากเอาไว้ชัดเจนอยู่บนพื้นผิวของมัน ราวกับว่าเรือนี้อยู่มานานแสนนานแล้ว แม้จะอยู่ไกลออกไป ก็อาจยังสัมผัสได้ถึงรัศมีของเรือที่เก่าแก่โบราณเป็นอย่างยิ่งลำนี้ได้

มีคนมากกว่าสามสิบคนนั่งอยู่บนเรือนั้น ทั้งบุรุษและสตรี ทุกคนดูยังเยาว์ยิ่ง ดวงหน้าของพวกเขาดูหยิ่งยโสแม้ว่าจะปิดตาอยู่ ความแวววาวของชุดแต่งกายก็แสดงให้เห็นถึงสถานะอันใหญ่โต!

แต่พวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่สาเหตุความตกใจของหวังเป่าเล่อ ที่ตาของชายหนุ่มเบิกโพลงและความกลัวเพิ่มพูนขึ้นในใจ…คือสิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าเรือ…ที่ถือพายกระดาษและกำลังแจวเรืออยู่ มันคือกระดาษรูปมนุษย์!