ตอนที่ 313 ท่านหญิงเหยาฉือ

เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1]

ฮ่องเต้ทรงใช้พระเนตรนิ่งขรึมมองนาง ตรัสถามว่า “อย่างนั้น เพราะอะไรข้าต้องปล่อยให้เจ้าไปด้วย เหยาฉือ เจ้าเป็นอัจฉริยะหญิงอันดับหนึ่งของเป่ยเฉิน ข้าเชื่อว่าเจ้าเองก็เป็นสตรีที่ฉลาด!”

 

 

มู่หรงเหยาฉือฟังแล้ว พลันมุ่นคิ้ว มองนายเหนือหัวอย่างระวัง กำมือที่อยู่ในแขนเสื้อแน่น “ฝ่าบาทก็ทรงตรัสแล้วว่า หม่อมฉันเป็นสตรีฉลาด ดังนั้นขอเพียงพระองค์ทรงอนุญาตให้หม่อมฉันไปอยู่ข้างกายองค์ชายสี่ นอกเสียจากเรื่องเป็นอันตรายต่อชีวิตขององค์ชายสี่แล้ว เรื่องอื่นๆ หม่อมฉันยินยอมทำเพื่อพระองค์ทั้งหมด!”

 

 

เมื่อนางเสนอออกมา ฮ่องเต้หรี่พระเนตรลง “หืม? คำพูดนี้จริงหรือไม่”

 

 

“ย่อมเป็นความจริง!” มู่หรงเหยาฉือรับปากทันที เอ่ยต่อว่า “ฐานะท่านหญิงของหม่อมฉันในวันนี้ ล้วนเป็นฐานะที่ฝ่าบาทประทานให้ สิ่งที่หม่อมฉันมีทุกอย่างในยามนี้ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ฝ่าบาททรงประทานให้ หม่อมฉันรู้ว่า ฐานะท่านหญิงนี้เป็นฐานะเดียวที่หม่อมฉันพึ่งพาได้ หม่อมฉันย่อมไม่มีทางเป็นปรปักษ์กับฝ่าบาท ยิ่งไม่กล้าทำเรื่องผิดต่อพระองค์เพคะ!”

 

 

ในปีนั้นบิดาของมู่หรงเหยาฉือจบชีวิตในสนามรบ พลีชีพเพื่อชาติ ตระกูลมู่หรงแต่ละรุ่นล้วนจงรักภักดี สร้างคุณงามความชอบอย่างต่อเนื่อง ทว่าก็มีคนตายในสนามรบไม่ขาดเช่นกัน ดังนั้นบุตรหลานของตระกูลมู่หรงจึงมีน้อยมาโดยตลอด

 

 

จนมาถึงรุ่นของมู่หรงเหยาฉือ หลังจากบิดานางตายในสนามรบ มารดาก็ตรอมใจตาย เหลือนางทิ้งไว้เพียงคนเดียว ฮ่องเต้เห็นแก่ความจงรักภักดีของตระกูลมู่หรง จึงแต่งตั้งมู่หรงเหยาฉือเป็นท่านหญิง เติบโตขึ้นอย่างสูงศักดิ์มั่งคั่ง

 

 

แน่นอนว่าสิ่งที่ฮ่องเต้ทรงประทานให้นั้นคือเกียรติยศทั้งหมดในชีวิตนาง

 

 

ฮ่องเต้พยักหน้า ตรัสเสียงขรึม “ในเมื่อเจ้าเป็นคนฉลาด เชื่อว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง เพียงแต่เรื่องของซือถูเฉียง…”

 

 

ครั้นคิดถึงเรื่องซือถูเฉียง ฮ่องเต้ยังรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้านัก พระองค์หาได้กังวลว่า มู่หรงเหยาฉือไปแล้วจะขาขาดด้วนกลับมาอีกคน ความจริงแล้วท่านหญิงนางหนึ่ง จะเป็นหรือตายก็ไม่ส่งผลกระทบต่อพระองค์เท่าไหร่นัก

 

 

แต่สิ่งที่พระองค์กลัวก็คือจะก่อเรื่องวุ่นวายอย่างครั้งก่อนมากกว่า ยังทำให้พระองค์ต้องหาวิธีใช้เสินเซ่อเทียนเป็นข้ออ้างเพื่อรักษาชีวิตคนพวกนั้นไว้

 

 

มู่หรงเหยาฉือยิ้มอย่างมั่นใจ เอ่ยเสียงอ่อนว่า “ฝ่าบาท ขอให้พระองค์เชื่อใจหม่อมฉัน ท่านหญิงจวนซือถูถูกพะเน้าพะนอเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก ทั้งยังเติบโตขึ้นมาภายใต้ความโปรดปรานของฮองเฮา จึงมีนิสัยเอาแต่ใจ ทำให้องค์ชายสี่ไม่พอใจนาง หม่อมฉันมั่นใจว่าตัวเองรู้จักขอบเขตมากกว่านางนัก!”

 

 

เมื่อนางยืนยัน ฮ่องเต้ก็ทรงวางพระทัย พยักหน้า “ในเมื่อเจ้าเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็ไม่คิดมากอีก! หลังจากเจ้าไปแล้ว เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ขอเพียงเจ้าสืบได้ ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ต้องรายงานให้ข้าฟังทั้งหมด เข้าใจไหม”

 

 

มู่หรงเหยาฉือหัวใจกระตุก เข้าใจแล้วว่าฮ่องเต้คิดให้นางเป็นสายลับคนหนึ่ง แต่ว่าขอเพียงได้เข้าใกล้คนผู้นั้น นางก็ไม่สนใจอะไรมากแล้ว

 

 

เดิมทีนางไม่เห็นเรื่องที่ซือถูเฉียงวิ่งไปถึงชายแดนอยู่ในสายตาเลยสักนิด แต่ว่าช่วงนี้ค่อยๆ ได้ฟังข่าวว่า องค์ชายสี่มีคนในดวงใจแล้ว จนถึงกระทั่งเรื่องที่ซือถูเฉียงเกิดเรื่อง ก็เป็นเพราะคนในดวงใจเขาเช่นกัน

 

 

ยังมีคนบอกว่าองค์ชายสี่หมั้นหมายแล้ว ชาวเมืองหลวงจำนวนไม่น้อยยังรู้ว่าเยี่ยเม่ยผู้นั้นสร้างความชอบในสนามรบ เล่าเรื่องของเยี่ยเม่ยราวกับเทพเทวา สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้มู่หรงเหยาฉือเริ่มนั่งไม่ติดลงเรื่อยๆ

 

 

หากเรื่องทั้งหมดเป็นความจริง นั่นไม่เท่ากับว่าคนที่เฝ้าคะนึงถึงในดวงใจมาหลายปี ถูกคนอื่นแย่งไปแล้วหรือไง

 

 

ดังนั้น ยามนี้นางไม่อาจใส่ใจอะไรอีกแล้ว

 

 

เป็นสายลับก็สายลับเถอะ

 

 

เมื่อคิดได้ นางก็โขกศีรษะที่ให้ฮ่องเต้หนึ่งที เอ่ยปาก “ฝ่าบาทโปรดวางใจ หม่อมฉันจะไม่ทำให้พระองค์ผิดหวังอย่างแน่นอน! หากหม่อมฉันมีบุญได้ปรนนิบัติองค์ชายสี่ หม่อมฉันจะต้องโน้มน้าวให้องค์ชายสี่เชื่อฟังฝ่าบาท ไม่ทำให้ฝ่าบาทผิดหวังอีกแน่นอน!”

 

 

เมื่อนางเสนอออกมา พระเนตรของฮ่องเต้ทอดประกายวาววับ

 

 

คำพูดของมู่หรงเหยาฉือพูดได้กระแทกปมในใจของพระองค์นัก หากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนสงบเสงี่ยมลงได้จริงๆ ยอมทำงานให้พระองค์ เมื่อมีทั้งเสินเซ่อเทียนและยังมีบุตรชายที่โดดเด่นผู้นี้อยู่ พระองค์เป่ยเฉินเซี่ยวยังมีอะไรที่ต้องกลัวอีกกัน

 

 

เมื่อคิดได้พระองค์ก็ทอดพระเนตรมองมู่หรงเหยาฉือตรัสว่า “ดี! ขอเพียงเจ้าเกลี้ยกล่อมเขาได้ ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นพระชายาองค์ชายสี่ ข้ากับราชวงศ์เป่ยเฉินจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี!”

 

 

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” มู่หรงเหยาฉือรับคำ ในใจโลดแล่นเบิกบาน

 

 

เยี่ยเม่ยนับเป็นตัวอะไร ต่อให้อีกฝ่ายทำศึกเป็นแล้วจะทำไม อีกฝ่ายรู้จักใจคนเหมือนนางหรือเปล่า เยี่ยเม่ยไม่เข้าใจว่าฮ่องเต้คิดอะไร อย่างนั้นอีกฝ่ายก็ไม่อาจได้รับคำสัญญาจากฮ่องเต้ได้ง่ายเหมือนนาง

 

 

หลังจากรับคำแล้ว นางยังเสริมต่อ “หม่อมฉันย่อมไม่มีทางทำให้ฝ่าบาทผิดหวัง หม่อมฉันทูลลา!”

 

 

“ไปเถอะ ข้าจะให้คนไปส่ง!” ฮ่องเต้ทรงกำชับ

 

 

สีหน้าของมู่หรงเหยาฉือเผยแววยินดี “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตาเพคะ!”

 

 

เมื่อมีคนของฮ่องเต้คุ้มกัน ยิ่งบ่งบอกว่านางไม่เหมือนกับคนอื่น ไม่เพียงแค่นางจะได้หน้าในเมืองหลวงไม่น้อย ต่อให้ไปถึงชายแดน ครั้นคนทั้งหลายเป็นขบวนคุ้มกันของฝ่าบาท ก็ไม่กล้าละเลยนางง่ายๆ

 

 

มู่หรงเหยาฉือลุกขึ้น แล้วหมุนกายจากไป

 

 

ไม่นาน

 

 

ฮ่องเต้ตรัสด้วยสุรเสียงเย็นชา “ไสหัวออกมา!”

 

 

เมื่อสิ้นคำสั่ง เป่ยเฉินเสียงเดินออกมาจากฉากกั้นลม เมื่อครู่มู่หรงเหยาฉือขอเข้าเฝ้าอย่างกะทันหัน ฮ่องเต้จึงให้เขาหลบอยู่หลังฉากกั้นลม คิดไม่ถึงว่าจะได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด

 

 

ยามนี้สีหน้าของเป่ยเฉินเสียงยิ่งไม่น่าดู ความจริงสตรีเช่นมู่หรงเหยาฉือ ฉลาดและอ่อนโยน รูปโฉมสติปัญญาไม่มีใครเทียบได้ ถึงเป็นตัวเลือกพระชายาองค์ใหญ่ในใจเขา ซือถูเฉียงที่สามหาวเอาแต่ใจ หาได้อยู่ในสายตาเขาไม่

 

 

หากมิใช่เพราะเบื้องหลังนางมีขุมพลังของตระกูลซือถู เขาก็ไม่คิดจะมองซือถูเฉียงเลยสักน้อย ยิ่งไม่ต้องคิดถึงเรื่องทำตามความต้องการของเสด็จแม่ใคร่ครวญเรื่องการเชื่อมสัมพันธ์ของเขากับนางเลย ส่วนจงรั่วปิงที่ถูกกำหนดให้เป็นพระชายาในตอนแรก ก็แค่สตรีที่รู้จักแต่ดำรงคุณธรรม ไม่รู้จักเอาใจสามี ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดในใจเขา

 

 

แต่คิดไม่ถึงว่ามู่หรงเหยาฉือตัวเลือกที่เขาถูกใจมากที่สุด คนในใจนางกลับเป็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ท่านหญิงคนหนึ่งยอมเป็นสายลับอย่างไม่เสียดาย เพื่อไปอยู่ข้างกายเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ยิ่งคิดถึงเยี่ยเม่ยที่เคยทำให้เขาหวั่นไหว ทว่าก็แค้นนางเป็นอย่างยิ่ง ซ้ำนางยังอยู่กับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน

 

 

เขาเคียดแค้นเสียจนขบฟันแน่นจนแทบแตก

 

 

เขาเดินไปคุกเข่ากลางตำหนัก “เสด็จพ่อ!”

 

 

“เจ้าได้ยินแล้วหรือยัง” ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองเขาด้วยพระพักตร์เย็นชา เอ่ยด้วยความขัดใจว่า “ในเมืองหลวงนี้ บุคคลที่อยู่ในใจสตรีที่เพียบพร้อมอย่างมู่หรงเหยาฉือคือน้องสี่ของเจ้า ซือถูเฉียงแห่งตระกูลซือถูที่ครอบครัวทรงอิทธิพลมากที่สุดในเมื่อหลวงก็ชมชอบน้องสี่ของเจ้า จงรั่วปิงแห่งตระกูลจงขอถอนหมั้นหมายกับเจ้าโดยไม่คำนึงถึงชีวิต เจ้าคิดหรือไม่ว่า เจ้าตกอยู่ในสภาพอย่างทุกวันนี้ล้วนเป็นเพราะอะไร”

 

 

เป่ยเฉินเสียงกำหมัดใต้แขนเสื้อแน่น สีหน้าคล้ำเอ่ยว่า “ขอเสด็จพ่อทรงชี้แนะด้วย!”

 

 

“นั่นก็เพราะ เจ้ายังเข้มแข็งไม่พอ ทั้งยังโง่งมจนเกินเหตุ!” ฮ่องเต้วิจารณ์ออกมาด้วยเสียงเย็นเยียบ