ฮ่องเต้ตรัสต่อในทันที “เจ้าไม่มีความสามารถเท่าน้องสี่เจ้า สตรีเหล่านั้นต่างชื่นชอบบุรุษเข้มแข็งเช่นน้องสี่ของเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สิ่งที่เจ้าโง่เขลาที่สุดก็คือ ในยามที่เจ้ายังไม่เข้มแข็งอย่างที่สุดนั้น เจ้ากลับล่วงเกินตระกูลของจงซาน ทำให้จงรั่วปิงถอนหมั้น”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ฮ่องเต้ถอนพระทัยยาว “เดิมทีข้าคิดว่า ซือถูเฉียงจะเป็นหรือตายก็ไม่ยอมแต่งงานกับเจ้า ก็ปล่อยนางไป ให้จงรั่วปิงแต่งงานกับเจ้า ผูกสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับจงซานที่ดำรงตำแหน่งต้าซือคงไว้ ตำแหน่งเจ้าในราชสำนักจะมั่นคงขึ้น ต่อให้เจ้าหาใช่คู่มือของน้องสี่เจ้า ก็มีจงซานหนุนหลัง เจ้าก็จะไม่พ่ายแพ้อย่างอนาถนัก แต่เจ้าเล่า”
พูดไป ฮ่องเต้เกิดโทสะ “เจ้าทำลายสถานการณ์ที่ข้าช่วยสร้างขึ้นมาอย่างลำบากลำบนให้เจ้าจนหมด เรื่องแต่งงานกับจงรั่วปิงก็ช่างเถอะ เจ้ายังล่วงเกินจงซาน ได้ยินว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เจ้ายังล่วงเกินเสินเซ่อเทียนที่ตำหนักหลิงซานอีก…”
“เสด็จพ่อ ลูกเปล่านะพ่ะย่ะค่ะ!” เป่ยเฉินเสียงฟังก็ตกใจจนเหงื่อแตก ฐานะของเสินเซ่อเทียนในใจของเสด็จพ่อคนทั่วไปไม่มีใครเทียบเคียงได้
เดิมทีเขายังมีน้องห้าอีกคน แต่เพราะตอนนั้นเขาไม่เคารพเสินเซ่อเทียน เสด็จพ่อไม่ฟังคำทัดทานจากใครทั้งนั้น เนรเทศเขาไปเฝ้าชายแดน
หากปล่อยให้เสด็จพ่อคิดว่าเขาล่วงเกินเสินเซ่อเทียนล่ะก็ เขาต้องจบเห่แน่! เขารีบแก้ต่าง “เสด็จพ่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดพ่ะย่ะค่ะ! ต่อให้ลูกมีขวัญกล้าเพียงใด ลูกก็มิกล้าทำผิดต่อจวินซ่างแน่ จวินซ่างกล่าวอะไรแล้วหรือ หากจวินซ่างเข้าใจผิดไป ลูกยินดีไปขอโทษเขาด้วยตัวเอง!”
เป่ยเฉินเสียงไม่พูดเสียยังดีกว่า เมื่อเขาแก้ตัวออกมา เพลิงโทสะของฮ่องเต้ยิ่งโหมแรงขึ้น “เสินเซ่อเทียนพูดถึงเจ้าว่าอย่างไรหรือ เจ้ามีค่าให้เขาเอ่ยถึงหรือ เขาไม่ใส่ใจเจ้าเลยสักน้อย เจ้าไม่อยู่ในสายตาเขาเลยสักนิด ทั่วทั้งราชวงศ์เป่ยเฉิน คนที่เสินเซ่อเทียนมองก็มีแค่เป่ยเฉินอี้กับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเท่านั้น เจ้าคิดว่าเขาจะนินทาเจ้าลับหลังอย่างนั้นหรือ”
เมื่อฮ่องเต้ตรัสออกมา เป่ยเฉินเสียงยิ่งโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ถึงเขารู้ว่าคำพูดของเสด็จพ่อล้วนเป็นความจริง เสินเซ่อเทียนดูแคลนเขาจริงๆ แต่เมื่อได้ฟังเสด็จพ่อเอ่ยเช่นนี้ เขารู้สึกเสียดแทงหัวใจเป็นอย่างมาก
มีแต่เป่ยเฉินเสียเยี่ยน!
คนทั้งหมดต่างเห็นว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนดีกว่า แม้กระทั่งเสด็จพ่อที่ตรัสเองว่าจะยกบัลลังก์นี้ให้เขา ความจริงแล้วในใจพระองค์ก็ดูแคลนเขาเป่ยเฉินเสียง ตัวเลือกที่ดีที่สุดในใจของเสด็จพ่อยังเป็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยน!
ชั่วชีวิตของเขาเป่ยเฉินเสียงประสบการดูแคลนและลบหลู่ รวมถึงสตรีเหล่านั้นที่ไม่เห็นเขาในสายตา ล้วนเป็นเพราะเป่ยเฉินเสียเยี่ยน…
เห็นเขามีสีหน้าไม่น่าชมมากขึ้น ฮ่องเต้ทรงปรายพระเนตรเย็นชามองเขา เอ่ยว่า “ทำไม เจ้าคิดว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนขวางทางเดินของเจ้า ข้าถึงตำหนิเจ้าอย่างนั้นหรือ”
“ลูกไม่กล้า!” เป่ยเฉินเสียงก้มหน้า ไม่กล้ามองฮ่องเต้ตรงๆ
ฮ่องเต้กลับทรงพิโรธ “ที่เจ้าไม่ได้รับความสำคัญทุกวันนี้ ล้วนเป็นเพราะเจ้ามันไม่ได้เรื่อง! หากไม่ใช่เพราะเซี่ยโหวเฉินไม่ใช่ลูกของข้า ไม่อย่างนั้นข้าคงสนับสนุนเขาให้เป็นรัชทายาทแล้ว ไม่มีทางใช้งานเจ้าตัวไร้สามารถอย่างเจ้า!”
“ลูก…” อย่างไรเสียเป่ยเฉินเสียงก็เป็นคนรักศักดิ์ศรี เขาถูกฮ่องเต้บริภาษเสียจนกระบอกตาแดงก่ำ
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นท่าทางน่าสงสารของเขา รู้อยู่แก่ใจว่าคำพูดของพระองค์รุนแรงมาก ทรงถอนพระทัย “เอาล่ะ เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ข้าไม่อยากเอ่ยถึงอีก! หลายวันก่อนเสนาบดีซือถูปรึกษากับข้าแล้ว ในเมื่อซือถูเฉียงเป็นเช่นนี้ก็มิอาจเป็นพระชายาได้ เขาจะสนับสนุนธิดาที่เกิดจากอนุ แต่งเป็นชายาเจ้า”
“เสด็จพ่อ ลูกจากภรรยาหลวงกับอนุมีข้อแตกต่าง!” เป่ยเฉินเสียงรีบเงยหน้า เอ่ยอย่างไม่พอใจ
เขาเป็นถึงองค์ชายจะแต่งลูกอนุที่มีมารดาเป็นพระชายาได้อย่างไร ไม่ได้เด็ดขาด!
ฮ่องเต้ทรงถลึงตามองเขา เอ่ยเสียงเย็น “ตอนนี้ใจเจ้าเอาแต่คิดเรื่องลูกภรรยาหลวง ลูกอนุอีกหรือ ข้าจะบอกเจ้าไว้ นางจะเป็นลูกอนุหรือภรรยาหลวงก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือความหมายของการแต่งงานระหว่างนางกับเจ้า! เท่ากับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลซือถูจะกลายเป็นเกราะกำบังให้เจ้าในอนาคต เจ้าสูญเสียการสนับสนุนจากจงซานไปแล้ว เจ้าไม่อาจขาดการสนับสนุนจากซือถูจ้าวได้อีก!”
ครั้นเป่ยเฉินเสียงฟังประโยคนี้ ก็สงบนิ่งลง
ฮ่องเต้ตรัสต่ออีกว่า “ไม่ว่านางจะเป็นลูกอนุหรือไม่ แต่นอกจากนางแล้ว ซือถูจ้าวก็ไม่มีบุตรสาวอื่นอีก ดังนั้นเขาก็จะไม่หนุนหลังใครคนอื่นอีกทั้งนั้น ระหว่างซือถูเฉียงกับนางเจ้าต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง ข้าคิดว่า เมื่อเทียบกับซือถูเฉียงที่ขาพิการไปแล้ว นางเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเจ้า!”
“แต่ลูก…” เป่ยเฉินเสียงเกิดมาก็มีนิสัยโอหัง ให้เขาแต่งลูกอนุเป็นชายา อย่าว่าแต่ตัวเขาไม่อาจข้ามผ่านปมในใจนี้ไปได้ หากให้น้องชายทั้งสองคนของเขารู้เข้า เกรงว่าจะถากถางเขาไม่น้อย
ฮ่องเต้ตรัส “เป่ยเฉินเสียงจะให้ข้าบอกเจ้าอีกกี่รอบเจ้าถึงเข้าใจ ตอนนี้เจ้าต้องการการสนับสนุนจากซือถูจ้าว ส่วนเรื่องนางเป็นลูกอนุ หากเจ้าไม่ชอบ เจ้าก็แสดงละครไปก่อน รอภายหน้าเมื่อเจ้าสามารถยืนได้มั่นคงโดยไม่มีซือถูจ้าว ค่อยปลดนางก็ยังไม่สาย หนทางของกษัตริย์ต้องรู้จักรุกถอย ไม่เช่นนี้ชัยชนะที่สมควรอยู่ในมือ อาจจะกลายเป็นความพ่ายแพ้ไปได้”
เมื่อฮ่องเต้เอ่ยจบ ในที่สุดเป่ยเฉินเสียงก็ก้มหน้ารับ “ลูก…รับพระบัญชาของเสด็จพ่อ!”
“เสียงเอ๋อ เจ้าต้องเข้าใจ โลกนี้ผู้เข้มแข็งถึงเป็นใหญ่ หากเจ้าไม่เข้มแข็งพอ เจ้าก็ต้องการพันธมิตร เจ้าต้องเข้าใจใช้แผนการชั่วคราว!” ฮ่องเต้ตรัสสั่งสอนอย่างทนไม่ไหว
เป่ยเฉินเสียงรีบพยักหน้า “เสด็จพ่อทรงวางพระทัย ลูกจะไม่ทำให้พระองค์ผิดหวัง!”
“อืม!” ฮ่องเต้พยักหน้า พลันถามขึ้นว่า “ครั้งก่อนที่เจ้าไปเหิมเกริมบนตำหนักเขาหลิงซาน เป็นสายที่ข้าวางไว้ที่นั่นรายงาน เรื่องเช่นนี้ข้าไม่อยากได้ยินอีกเป็นครั้งที่สอง! ไม่ว่าจะมองจากน้ำหนักในใจของข้าที่มีต่อเสินเซ่อเทียน หรือการที่เขาเป็นเกราะของราชสำนักเป่ยเฉิน เจ้าล่วงเกินเขา ล้วนเป็นตัวเลือกที่ไม่ดีนัก!”
ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ ฮ่องเต้ยังเสริมต่อ “เจ้าต้องเข้าใจว่า หากหลังจากข้าจากไป เจ้าขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็ยังต้องการให้เสินเซ่อเทียนช่วยเหลือเจ้า โดยเฉพาะช่วยเจ้าต่อกรกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน!”
เมื่อฮ่องเต้ตรัสเช่นนี้ เป่ยเฉินเสียงเงยหน้าขึ้น “เสด็จพ่อ จวินซ่างจะยอมช่วยข้าหรือ”
“แน่นอน! จากความจงรักภักดีของเขา ขอเพียงก่อนตาย ข้าฝากฝังเจ้าไว้กับเขา เขาต้องไม่ปฏิเสธแน่ ดังนั้น เจ้าเข้าใจหรือยัง คำพูดที่ข้าเอ่ยล้วนทำเพื่อเจ้า เจ้าอย่าทำให้ข้าผิดหวังเช่นนี้อีก!” ฮ่องเต้ถอนใจเอ่ย
เป่ยเฉินเสียงรีบก้มหน้า “พ่ะย่ะค่ะ! ลูกเข้าใจแล้ว!”
……
ชายแดน
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนและจิ่วหุนยืนรออยู่ด้านนอกได้ไม่นาน ซือหม่าหรุ่ยก็เดินออกมา บอกกับพวกเขาว่า “เยี่ยเม่ยฟื้นแล้ว!”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้วยังคงยืนอยู่ที่เดิม
เดิมทีซือหม่าหรุ่ยคิดว่าเขาต้องเข้าไปดูเยี่ยเม่ยแน่ คิดไม่ถึงว่าเขาเพียงแค่ผงกหัว จากนั้นค่อยๆ กล่าว “ดูแลนางให้ดี!”
แล้วเขาก็เดินจากไป