หวงฝู่อี้เซวียนยังคงไม่ปล่อยมือ แอบด่าหวงฝู่อวี้ในใจว่ามาขัดจังหวะ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวผลักเขาเบาๆ “อวี้เอ๋อร์มาแล้ว”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกลับกอดนางแน่นขึ้น “ให้เขารอข้างนอกไปก่อน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มส่ายศีรษะ

 

 

ในห้องยังคงไม่มีเสียง ชิงหลวนและจูหลีจึงไม่กล้าปล่อยให้หวงฝู่อวี้เข้าไป พูดเสียงเบาว่า “คุณชายรอง โปรดรอสักครู่เจ้าค่ะ”

 

 

หวงฝู่อวี้เงยหน้ามองฟ้า เบิกตาโต ถามอย่างตกใจว่า “อย่าบอกนะว่าเวลานี้พี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่กำลังดูดดื่มกันอยู่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพรวดออกมา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนทำหน้าหงุดหงิด ปล่อยเมิ่งเชี่ยนโยวออก ประคองนางกลับไปนั่งบนตั่ง แล้วสั่งเสียงเย็นชาว่า “ไสหัวเข้ามา!”

 

 

หวงฝู่อวี้เดินเข้าไปในห้องยิ้มอย่างร่าเริง ถามอย่างไม่กลัวตายว่า “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ พวกท่านไม่ได้ยุ่งกันอยู่หรือขอรับ”

 

 

“อยากถูกแขวนก็บอก ข้าจะได้ช่วยตอบสนอง”

 

 

เสียงของหวงฝู่อี้เซวียนเย็นชาราวกับน้ำแข็ง หนาวจนหวงฝู่อวี้สะดุ้งโหยง รีบโบกมือพูดว่า “ข้าผิดไปแล้ว พี่ใหญ่”

 

 

“มีเรื่องอะไร” หวงฝู่อี้เซียนถามเสียงเย็นชา

 

 

หวงฝู่อวี้เก็บรอยยิ้ม พูดจริงจังว่า “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าอยากรีบตบแต่งกับเยียนเอ๋อร์ขอรับ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนลืมเปลือกตาขึ้น “เรื่องนี้เจ้าควรไปปรึกษาเสด็จแม่ พี่สะใภ้ใหญ่เจ้ามีครรภ์ ไม่สะดวกมาเป็นทุกข์เป็นร้อนให้”

 

 

“ตอนนี้ทุกเรื่องในจวนพี่สะใภ้ใหญ่เป็นคนตัดสินใจหมด ขอแค่พี่สะใภ้ใหญ่เห็นด้วย เสด็จแม่ย่อมไม่คัดค้านแน่นอนขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว “อวี้เอ๋อร์ เจ้าหมายความว่าอย่างไร อย่างไรเสด็จแม่ก็เป็นผู้อาวุโส เรื่องใหญ่เช่นนี้จะข้ามหน้าข้ามตาท่านได้อย่างไร”

 

 

หวงฝู่อวี้รีบโบกมือ “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้เข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น วันนี้ข้าและเยียนเอ๋อร์ไปพบเสด็จแม่ ข้าเห็นเสด็จแม่ไม่ค่อยพอใจเยียนเอ๋อร์นัก ก็เลยไม่กล้าไปหานางโดยตรง จึงมาขอร้องให้พี่สะใภ้ใหญ่ช่วยขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจ้องมองสีหน้าของเขา ถามเสียงเย็นชาว่า “นี่คือความคิดของเจ้าหรือความคิดของคุณหนูหลิน”

 

 

“ความคิดของข้าขอรับ เยียนเอ๋อร์เอาแต่ร้องไห้อย่างคับข้องใจ ไม่ได้พูดอะไรเลย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจับประเด็นในคำพูดของเขา ถามกลับอย่างไม่พอใจว่า “คับข้องใจหรือ วันนี้ที่เรือนของเสด็จแม่ ข้าเป็นคนพูดกับพวกเจ้าอยู่คนเดียว เสด็จแม่ไม่ได้พูดอะไรเลย ที่คุณหนูหลินคับข้องใจนี่ คับข้องใจต่อเสด็จแม่หรือต่อข้ากันล่ะ”

 

 

หวงฝู่อวี้ร้อนใจจนกระทืบเท้า เหงื่อก็ซึมออกมาบนหน้าผาก “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้าพูดผิดเอง พี่สะใภ้อย่าถือสากับข้ามากเลยนะขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดอย่างเนิบช้าว่า “จะไม่ถือสาก็ได้ แต่สำหรับคุณหนูหลินนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง”

 

 

เมื่อฟังเมิ่งเชี่ยนโยวพูดจบ หวงฝู่อวี้ชะงัก แล้วถามกลับอย่างไม่เข้าใจว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ พวกพี่เป็นอะไรกันแน่ เยียนเอ๋อร์ไม่ดีตรงไหน เหตุใดพวกพี่ถึงไม่ตกลงให้ข้าตบแต่งกับนางขอรับ”

 

 

“เราเคยบอกว่าไม่ตกลงให้เจ้าตบแต่งกับนางหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวถามกลับ

 

 

หวงฝู่อวี้ถอนหายใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ช่วยกำหนดวันแต่งงานของเราเถอะ ข้าอยากรีบตบแต่งกับเยียนเอ๋อร์”

 

 

“คนก็อยู่ในเรือนของเจ้า ไม่ต้องจัดพิธีตามธรรมเนียมแต่งงาน แค่เลือกฤกษ์งามยามดีให้พวกเจ้าไหว้ฟ้าดินก็พอแล้ว เหตุใดต้องให้เราออกตัวช่วยเจ้าอีกล่ะ”

 

 

“ไม่ได้หรอกขอรับ” หวงฝู่อวี้โต้แย้ง “ข้าสัญญากับเยียนเอ๋อร์ไว้แล้วว่าจะตบแต่งนางเข้าเรือนอย่างเปิดเผยแสดงถึงความตั้งใจจริง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มเยาะ “คุณชายรองช่างกล้าหาญ เจ้าลืมราชโองการของไทเฮาไปแล้วหรือ”

 

 

เมื่อนางพูดจบ ความรู้สึกของหวงฝู่อวี้ก็เหมือนลูกโป่งที่แฟ่บลง “ข้าก็เลยมาหาพี่สะใภ้ใหญ่ ขอร้องให้ช่วยพวกเราขอรับ”

 

 

“คุณชายรองมองข้าสูงส่งไปแล้ว อย่าว่าแต่ข้าเลย แม้จะเป็นเสด็จแม่เองก็ไม่กล้าขัดขืนราชโองการของไทเฮาหรอก ข้าว่าเจ้าทำตามแบบเดิมเถอะ ไม่ต้องโจ่งแจ้ง รับคุณหนูหลินไว้เงียบๆ”

 

 

“ไม่ได้!” หวงฝู่อวี้พลันมีอารมณ์ร้อนขึ้นมาอีกครั้ง พูดปฏิเสธทันที “ข้าจะให้เยียนเอ๋อร์อยู่กับข้าด้วยสถานะแบบนี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นต่อไปนางคงไม่กล้าพบหน้าใครอีก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยกมือทำท่าทางช่วยไม่ได้ “อย่างนั้นข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะ คุณชายรองคิดหาทางออกเองเถอะ”

 

 

เมื่อได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจ หวงฝู่อวี้ก็ดื้อรั้น หากหวงฝู่อี้เซวียนไม่นั่งมองอยู่ข้างๆ เขาคงคุกเข่าลงไปขอร้องและกอดขาเมิ่งเชี่ยนโยวไว้แล้ว “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่คนดี ช่วยเราหน่อยเถอะขอรับ บุญคุณของพี่สะใภ้ น้องจะไม่มีวันลืมแน่นอน ภพชาติหน้าขอเกิดเป็นวัวเป็นควายตอบแทนพี่สะใภ้เลย…”

 

 

“พอเถิด!” เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกไป ห้ามไม่ให้เขาพูดต่อ “ข้าคงใช้วัวใช้ควายที่สถานะสูงส่งอย่างคุณชายรองไม่ได้หรอก”

 

 

“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้จะไม่ช่วยเราเลยจริงๆ หรือขอรับ” หวงฝู่อวี้ถาม

 

 

“ไม่ใช่ไม่ช่วย แต่แค่ช่วยไม่ได้”

 

 

หวงฝู่อวี้เว้าวอนไม่เลิก เขานั่งลงบนเก้าอี้ “หากพี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ไม่ตกลงช่วยข้าเรื่องนี้ ข้าจะอยู่ในห้องพวกพี่ไม่ไปไหนแล้ว”

 

 

“โจวอัน!” หวงฝู่อี้เซวียนเรียก

 

 

โจวอันเดินเข้ามา “ขอรับ!”

 

 

“ส่งคุณชายรองกลับไปที่เรือนของเขา ต่อไปอย่าให้เขาเหยียบย่ำเข้ามาในเรือนข้าอีกแม้เพียงก้าวเดียว”

 

 

โจวอันขานรับ ทำท่าเชิญ “คุณชายรอง เชิญขอรับ”

 

 

หวงฝู่อวี้ตั้งท่าเตรียมสู้ “ข้าไม่ไป”

 

 

“คุณชายรอง ขออภัยขอรับ” โจวอันเดินขึ้นไปข้างหน้า กำลังจะจับหวงฝู่อวี้ให้เดินออกไปข้างนอก

 

 

หวงฝู่อวี้จะให้เขาทำตามใจได้อย่างไร จึงกันมือเขาไว้อย่างฉับไว

 

 

เสียงเย็นชาของหวงฝู่อี้เซวียนดังขึ้น น้ำเสียงขู่เข็ญว่า “หากเจ้าทำพี่สะใภ้ใหญ่เจ้าตกใจ ข้าจะส่งคนนำตัวหลินหันเยียนออกจากจวนทันที”

 

 

หวงฝู่อวี้ชะงักเล็กน้อย โจวอันได้โอกาสจับตัวหวงฝู่อวี้ไว้ได้ แบกเขาพาดไหล่แล้วเดินออกไป

 

 

หวงฝู่อวี้ยังคงไม่ตายใจ ร้องเอะอะเสียงดัง “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ขอร้องล่ะ ช่วยข้าคิดหาวิธีหน่อยเถอะ”

 

 

เสียงร้องยิ่งไกลออกไป แล้วก็ค่อยๆ หายไป

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหันศีรษะมาถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าเรื่องเมื่อเช้าให้เขาฟังอย่างละเอียด พูดว่า “คุณหนูหลินเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน อ่อนแอยิ่งนัก ร้องไห้เป็นอย่างเดียว แต่อวี้เอ๋อร์ยังสนใจแต่นาง วันนี้ข้าแค่อยากเตือนให้นางได้สติ ให้นางรู้ว่าแม้ไม่มีคนคอยหนุนหลัง นางได้เข้าเรือนที่นี่ จวนอ๋องของเราก็ไม่เมินเฉยนางหรอก แต่ตอนนี้ดูแล้วที่ข้าพูดไปนั้นจะเสียเปล่าหมด เกรงว่านางจะไม่ใช่เคืองแค่เสด็จแม่ แต่คงเคืองข้าด้วยแล้วล่ะ”

 

 

“เดี๋ยวข้าจะสั่งพ่อบ้านไว้ ให้คุณหนูหลินอยู่ในเรือนของอวี้เอ๋อร์ไม่ต้องออกไปไหนแล้ว จะทำเจ้ารำคาญใจเสียเปล่า เดี๋ยวจะกระทบทระเทือนลูกในท้องเอาได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้องหรอก เกรงว่าจะสร้างความร้าวฉานระหว่างเราและอวี้เอ๋อร์ ขอแค่เราไม่เห็นอกเห็นใจนาง เมื่อเวลาผ่านไปนางอาจจะคิดได้บ้าง อย่างน้อยนางก็ไม่ใช่คนประสงค์ร้าย แค่ประสบเคราะห์ร้าย ไม่มีครอบครัวคอยเกื้อหนุน จึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรน่ะ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้พูดอะไรอีก สำหรับหลินหันเยียนแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกดีด้วย แต่ก็ไม่ได้รังเกียจ หากหวงฝู่อวี้ชอบพอ ก็แค่ตบแต่งกับนาง แต่หากนางกล้าคิดร้าย ทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขา จวนอ๋องแห่งนี้ก็คงไม่มีที่ยืนสำหรับนาง เขามีพันล้านวิธีให้นางหายไป

 

 

หลังจากหวงฝู่อวี้ถูกโจวอันเชิญกลับเรือนไป ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสียใจที่เมิ่งเชี่ยนโยวบอกว่าจะไม่ช่วยเขา หรือว่าคิดอะไรขึ้นได้ เขาไม่ได้มารังควานเมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนอีกหลายวันเลย เอาแค่อยู่ในเรือนของตนกับหลินหันเยียน แม้แต่กิจการของจวนก็ไม่สนใจ

 

 

ตั้งแต่ที่เมิ่งเชี่ยนโยวตั้งครรภ์ ท้องก็ใหญ่ขึ้นทุกวัน หวงฝู่อี้เซวียนคอยเฝ้านางทุกวัน

 

 

เมิ่งซื่อก็มาหาถี่ขึ้นทุกวัน และพาเซิ่งเอ๋อร์และเยว่เอ๋อร์มาตามคำสั่งของพระชายาฉีด้วยทุกครั้ง จวนอ๋องจึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

 

 

วันนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวคุยกับพระชายาฉีและเมิ่งซื่ออยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกเหนื่อย หลังจากคุยกับทั้งสองแล้ว ก็กลับห้องของตนพักผ่อนครู่หนึ่ง หวงฝู่อวี้เดินเข้ามาในเรือนอย่างรีบร้อน ตะโกนเสียงดังว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ เยียนเอ๋อร์ไม่สบาย พี่สะใภ้ช่วยไปดูนางหน่อยเถอะขอรับ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเสียงดัง “เข้ามาเถอะ บอกมาซิว่าเกิดอะไรขึ้น”

 

 

โจวอันปล่อยมือที่ห้ามเขาไว้ หวงฝู่อวี้เดินจ้ำอ้าวเข้าไปในห้อง

 

 

“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รีบไปดูหน่อยเถอะขอรับ เยียนเอ๋อร์ป่วยหนักมาก อาเจียนตลอดเวลา แม้แต่น้ำก็ดื่มไม่ลง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนสบตากันครู่หนึ่ง ก็พอคาดเดาได้ พวกเขายืนขึ้นช้าๆ “เจ้าไม่ต้องรีบ ข้าจะไปดูพร้อมเจ้า”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็ลุกขึ้นยืน กำลังจะตามไปด้วย

 

 

“ข้าจะรีบกลับมา เจ้ารอในห้องเถอะ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ฟังเมิ่งเชี่ยนโยว นั่งกลับไปที่เก้าอี้

 

 

หวงฝู่อวี้ใจร้อน จึงเดินด้วยความรวดเร็ว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามหลังอย่างไม่รีบไม่ร้อน

 

 

“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้เร็วหน่อยสิขอรับ” หวงฝู่อวี้เร่งอย่างร้อนรน “เยียนเอ๋อร์ไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

 

 

“ข้าเร็วสุดแล้ว หากเจ้ายังว่าช้าอีก เจ้าก็ไปอุ้มคุณหนูหลินมาสิ ข้าจะได้ช่วยนางจับชีพจรได้เลย” ฝีเท้าเมิ่งเชี่ยนโยวเหมือนเดิม จังหวะการพูดก็เหมือนเดิม

 

 

“ไม่ได้หรอก ร่างกายเยียนเอ๋อร์อ่อนแอเกินไป ออกจากห้องไม่ได้ พี่สะใภ้ใหญ่เดินเร็วขึ้นหน่อยเถอะขอรับ”

 

 

ชิงหลวนพูดขึ้นอย่างทนไม่ได้ว่า “คุณชายรอง ท่านก็รู้ว่านายหญิงของเรากำลังตั้งครรภ์ นี่ก็เดินเร็วที่สุดแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

หวงฝู่อวี้เหลือบมองท้องเมิ่งเชี่ยนโยว คำพูดที่จะเร่งนางอีกก็กลืนลงไป เขาอดกลั้นความร้อนใจของตนไว้และรอจนเมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ เดินไปจนถึงเรือนของตน

 

 

ยังไม่ทันเข้าห้อง ก็ได้ยินเสียงอาเจียนอย่างทุกข์ทรมานของหลินหันเยียน

 

 

หวงฝู่อวี้เดินก้าวใหญ่เพียงสองสามก้าวก็เข้าไปถึงในห้อง “เยียนเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”

 

 

สิ่งที่ตอบกลับเขามีเพียงเสียงอาเจียนอีกระลอกหนึ่งของหลินหันเยียน

 

 

“พวกเจ้ารับใช้กันอย่างไร ไม่เห็นว่านางอาเจียนอยู่หรือ ไม่รีบเข้ามาช่วยตบหลังนางอีก!” เห็นนางทรมานแบบนี้ หวงฝู่อวี้ก็นำความโกรธไปลงที่สาวใช้ในห้องหมด เขาตะคอกใส่พวกนางอย่างรุนแรง

 

 

สาวใช้ที่คอยรับใช้อยู่รีบเดินขึ้นไปทันที บ้างช่วยตบหลัง บ้างก็ช่วยเทน้ำ จนเบียดหวงฝู่อวี้ออกไปด้านข้าง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องก็เห็นสภาพวุ่นวายไปทั่วห้อง

 

 

“พี่สะใภ้ใหญ่มาแล้ว พวกเจ้าลงไปเถอะ ไม่ต้องเข้ามาหากข้าไม่ได้สั่ง” หวงฝู่อวี้สั่งสาวใช้ในห้อง

 

 

สาวใช้ถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบเดินทยอยออกจากห้องไปราวกับหนีเอาชีวิต

 

 

เมื่อได้ยินเสียงของเมิ่งเชี่ยนโยว หลินหันเยียนก็ยกศีรษะขึ้น อยากจะส่งยิ้มให้นาง แต่อาการคลื่นไส้ก็เล่นงานนางอีกครั้ง นางจึงรีบก้มศีรษะลงไปอาเจียนอีก

 

 

หวงฝู่อวี้ตบหลังนางด้วยความสงสาร

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ มองดูนางเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร

 

 

ผ่านไปนาน หลินหันเยียนจึงหยุดอาเจียน ทิ้งตัวพิงหวงฝู่อวี้อย่างไร้เรี่ยวแรง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้นว่า “คุณหนูหลินนอนลงเถอะ ข้าจะช่วยเจ้าจับชีพจรดู”

 

 

“ข้าอาเจียนจนเหนื่อยมาก ข้าอยากดื่มน้ำเจ้าค่ะ” หลินหันเยียนพูดอย่างอ่อนแอ

 

 

สาวใช้ถูกหวงฝู่อวี้ไล่ออกไปหมดแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวจึงส่งสัญญาณให้ชิงหลวนรินน้ำให้หลินหันเยียน

 

 

ชิงหลวนเดินไปที่โต๊ะ รินน้ำใส่แก้วใบหนึ่งยื่นให้หลินหันเยียน

 

 

อาจจะเป็นเพราะนางเหนื่อยโทรมจนไม่มีแรง หลินหันเยียนไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ แต่กลับเป็นหวงฝู่อวี้ที่รับไว้แทน แล้วส่งแก้วไปจนถึงปากนางอย่างอ่อนโยน

 

 

หยินหันเยียนก้มหน้าดื่มไปคำหนึ่ง แล้วบ้วนปาก จากนั้นก็บ้วนน้ำใส่กระโถน ทำเช่นนี้อยู่สองสามครั้ง แล้วดื่มน้ำจนหมดแก้ว นางยกศีรษะขึ้น ยิ้มอย่างเหนื่อยล้าให้ชิงหลวนทีหนึ่ง “ขอบคุณนะ”

 

 

ชิงหลวนไม่ได้พูดอะไร รับแก้วเปล่าจากมือของหวงฝู่อวี้ แล้วกลับไปข้างกายเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

หวงฝู่อวี้นำผ้าเช็ดหน้าของตนออกมา ช่วยเช็ดปากให้นาง แล้วค่อยๆ ประคองนางนอนลงไป จากนั้นก็หันมาเร่งเมิ่งเชี่ยนโยว “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รีบดูให้เยียนเอ๋อร์หน่อยเถอะขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนิ่ง ไม่ได้พูดอะไร เหลือบตามองกระโถนบนพื้นแวบหนึ่ง

 

 

หวงฝู่อวี้ไม่ทันเข้าใจนาง หลินหันเยียนกลับเข้าใจความหมายของนาง ยิ้มพูดว่า “พี่อวี้ พี่ให้สาวใช้นำกระโถนออกไปเถอะ กลิ่นอบอวลไปทั่วห้องแล้ว”

 

 

หวงฝู่อวี้เพิ่งคิดได้ รีบสั่ง “ใครก็ได้!”

 

 

หงเอ๋อร์เดินเข้ามา ถอนสายบัวคารวะ “เจ้าคะ คุณชาย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว

 

 

“ทำความสะอาดที่นี่ที”

 

 

หงเอ๋อร์ขานรับ เดินขึ้นไปโค้งลำตัวลงและนำกระโถนออกไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เดินไปข้างเตียง

 

 

ชิงหลวนยกเก้าอี้วางไว้ด้านหลังนาง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลง ยื่นมือไปแตะข้อมือของหลินหันเยียนที่ยื่นออกมา ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ปล่อยออก แล้วส่งสัญญาณให้หลินหันเยียนยื่นมืออีกข้างหนึ่งมา

 

 

หลินหันเยียนทำตาม

 

 

ผ่านไปอีกครู่ใหญ่ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงปล่อยมือออก จ้องมองนาง พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ดูจากสัญญาณชีพจรแล้ว หลินหันเยียนน่าจะกำลังตั้งครรภ์”