“น้องเอียน เชิญ!” ด้านนอกประตู ดังขึ้นด้วยเสียงของเฉินกั๋วเหลียง

“คุณท่านเฉินเกรงใจไปแล้ว ผมเป็นคนรุ่นหลัง เรียกผมว่าหม่านชวนก็พอ” เสียงที่หนักแน่นและอ่อนน้อมถ่อมตนของเอียนหม่านชวนดังขึ้น

ในห้องโถง สายตาของทุกคนได้หันมองไปทางประตู

ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมบางผิวเหลือง ได้พาหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยในชุดขาวผมยาว เดินเข้ามาช้าๆ พร้อมกับผู้อาวุโสทั้งสามของตระกูลเฉิน

ทันทีที่หญิงสาวก้าวเข้ามาในห้องโถงของตระกูลเฉิน เธอก็เหมือนกับพระจันทร์เต็มดวงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน แสงที่เย็นชาและห่างไกล ได้ทะลุผ่านหัวใจของทุกคน ให้ความรู้สึกที่ศักดิ์สิทธิ์และจับต้องไม่ได้ ทำได้เพียงแหงนมองเท่านั้น

คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ในตระกูลเฉิน ล้วนมองจนตะลึง และไม่สามารถละสายตาไปจากเอียนชิงเฉิงได้ แม้แต่เฉินตงหวาและคนรุ่นที่สองของตระกูลเฉิน ต่างก็ตกตะลึงในความงามนี้

หญิงสาวมากมาย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเอียนชิงเฉิง ต่างก็มีความรู้สึกที่ด้อยกว่า ต่อให้คนที่มีชื่อเสียงเป็นถึงสาวงามของหนานซูอย่างเย่เฟยเออร์ก็อดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกพ่ายแพ้

“บนโลกนี้ยังมีผู้หญิงที่สวยงามขนาดนี้!”

เฉินเข่อซินนั้นรู้เรื่องของยานจิงเป็นอย่างดี เมื่อเห็นเอียนชิงเฉิง เธอก็เดาได้ว่า “เธอน่าจะเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของยานจิงเอียนชิงเฉิง!”

นอกจากสาวงามอันดับหนึ่งของยานจิงแล้ว เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถมีใบหน้าที่งดงามแบบนี้ได้อีกแล้ว

เฉินธงกับเฉินเหล่ยและคนอื่นๆก็นึกขึ้นได้ถึงสถานะของเอียนชิงเฉิง

เฉินธงอดไม่ได้ที่จะอุทาน “สาวงามอันดับหนึ่งของยานจิง สวยสมคำร่ำลือจริงๆ!”

เฉินโม่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองเอียนชิงเฉิงไปแวบหนึ่ง ในใจเกิดความสงสัย ตอนนี้เอียนชิงเฉิงน่าจะกำลังฝึกฝนพลังอยู่ที่อู่โจวในทะเลสาบกลับคืนรังไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้มาตระกูลเฉินในหนานซูกับคนของตระกูลเอียน?

ขณะที่ครุ่นคิด เฉินกั๋วเหลียงก็พาเอียนหม่านชวนกับเอียนชิงเฉิงเดินมาที่กลางห้องโถง

“น้องเอียน เชิญขึ้นนั่ง!” เฉินกั๋วเหลียงผายมือเชิญ พร้อมพูดกับเอียนหม่านชวน

“คุณท่านเฉิน ทำแบบนี้ไม่ได้ เชิญคุณนั่งเลย!” เอียนหม่านชวนพูดอย่างหวาดกลัว

เฉินกั๋วเหลียงยังคงถ่อมตัว “น้องเอียนไม่ต้องเกรงใจ ขึ้นไปนั่งเถอะ!

“คุณท่านเฉิน คุณกำลังจะทำให้ผมอายุสั้น คุณรีบนั่งเถอะ!” เอียนหม่านชวนโค้งตัวกล่าว

เฉินธงที่ยืนอยู่ด้านข้าง อดไม่ได้ที่จะมองไปทางเฉินโม่ มีแสงเย็นในแววตา “ที่คุณปู่ต้องให้เกียรติคนรุ่นหลังขนาดนี้ แม้มันจะเกี่ยวกับตระกูลเอียนที่มีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา แต่สาเหตุส่วนใหญ่ก็เพราะนาย เฉินโม่ หากนายฟังฉันตั้งแต่แรก คุณปู่ก็ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้!”

คนอื่นๆในตระกูลเฉิน เมื่อเห็นเฉินกั๋วเหลียงที่ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนขนาดนี้ ต่างก็ขมวดคิ้ว

ต่อให้ตระกูลเอียนนั้นจะมาหาเฉินโม่ แต่ในฐานะผู้นำตระกูลเฉิน หากถ่อมตนขนาดนี้ ไม่เท่ากับทำให้ตระกูลเฉินอับอายเหรอ?

เฉินกั๋วต้งกล่าว “พี่รอง พี่ก็ไม่ต้องถ่อมตนแล้ว พี่ไม่นั่ง ท่านผู้นำตระกูลเอียนก็ไม่มีทางนั่งอยู่แล้ว!”

เอียนหม่านชวนพยักหน้า “คำพูดของคุณกั๋วต้งมีเหตุผล คุณท่านเฉินเป็นผู้อาวุโส อยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสผมจะกล้ากำเริบสืบสานได้อย่างไรกัน? เชิญคุณท่านเฉินเถอะ!”

เฉินกั๋วเหลียงหัวเราะ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผมก็ไม่เกรงใจแล้ว”

เมื่อเฉินกั๋วเหลียงนั่งลงแล้ว เอียนหม่านชวนถึงได้นั่งลงด้านข้าง เอียนชิงเฉิงยืนอยู่ข้างกายของเอียนหม่านชวนอย่างเงียบๆ สายตามองไปทางเฉินโม่

ทุกคนในตระกูลเฉินกลั้นหายใจ สายตาไปรวมอยู่ที่ร่างของเอียนหม่านชวน รอการถามหาความผิดของเขา

วินาทีที่เอียนหม่านชวนนั่งลง บรรยากาศในห้องโถงก็ตึงเครียดเล็กน้อย

เฉินกั๋วเหลียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าควรที่จะเป็นคนพูดก่อน ครั้นจึงมองไปทางเอียนหม่านชวนแล้วกล่าว “น้องเอียน วันนี้เป็นวันตรุษจีน หากมีเรื่องอะไรที่ไม่พึงพอใจ ฉันจะส่งคนไปขอโทษตระกูลเอียนเป็นการส่วนตัวในวันอื่น ดังนั้นฉันหวังว่าน้องเอียนจะอนุโลมผ่อนผัน อย่าพูดในสิ่งที่ไม่พึงพอใจในวันนี้เลย”