บทที่ 1233 จัดการลูกสมุน

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

คำพูดของหลิงหยุนนั้นไม่เพียงบ่งบอกถึงความยะโสโอหังแต่ยังบ่งบอกว่าเขาไม่เห็นหน่วยนภาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่คิดที่ไว้หน้าเหล่าสมาชิกของหน่วยนภาด้วย..
  “หลิงหยุน..นี่เจ้า!”
  หลังจากที่ได้ฟังคำประกาศของหลิงหยุนอาวุโสแห่งหน่วยนภานามว่าเฉียวเปียว ก็ได้แต่ยกมือที่สั่นเทานั้นขึ้นชี้หน้าหลิงหยุน พร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความคั่งแค้นใจ เขาเพิ่งจะประมือกับหลิงหยุนไปหลายหมัด และเวลานี้ก็กำลังหายใจกระหืดกระหอบ..
  เฉียวเปียวพูดได้เพียงแค่นั้นก็ไม่สามารถสรรหาคำพูดใดมาตอบโต้หลิงหยุนได้..
  ในขณะที่หลี่เจิ้งเฟิงเองก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ในเวลานี้เพราะกำลังรับมือกับกระบี่ธาราทั้งสิบสองเล่มของหนิงหลิงยู่อยู่..   เวลานี้อาวุโสแห่งหน่วยนภาทั้งสองคนต่างก็รู้สึกว่าการมาตระกูลหลิงในครั้งนี้ของพวกตน ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้เสียแล้ว เพราะตระกูลหลิงได้เปลี่ยนไปมากจริงๆ และมาถึงขั้นที่พวกเขาทั้งคู่ก็คิดไม่ถึงว่าจะมีคนตระกูลหลิงสามารถใช้กระบี่เหินฟ้ายู่เจี้ยนได้เช่นนี้!
  “หลี่เจิ้งเฟิง..เฉียวเปียว.. ฟังคำพูดของข้าให้ดี!”
  หลิงหยุนประกาศกร้าวอีกครั้ง“ตี๋ยั่วถังถูกข้าจับตัวมาจริงๆ และเวลานี้มันก็ถูกขังอยู่ที่คุกใต้ดินตระกูลหลิง”
  “ที่ข้าจับตัวตี๋ยั่วถังมาในครั้งนี้ล้วนเป็นเรื่องส่วนตัวของข้าหลิงหยุนเพียงผู้เดียว เรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหลิงแม้แต่น้อย รวมทั้งไม่เกี่ยวข้องกับสมาชิกคนใดในตระกูลหลิงด้วย..”
  “ฉะนั้น..เรื่องนี้ข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว!”
  การที่หลิงหยุนตัดสินใจประกาศตัดตระกูลหลิงออกจากเรื่องของตี๋ยั่วถังและเลือกที่จะรับผิดชอบเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียวนั้น ก็เพื่อไม่ให้หน่วยนภาใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างมาสร้างปัญหาให้กับตระกูลหลิงในวันข้างหน้าอีก!
  และอีกหนึ่งเหตุผลที่หลิงหยุนจำต้องประกาศเช่นนั้นก็เพราะว่าตระกูลหลิงกับสำนักกระบี่เทียนซานไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ตระกูลหลิงจะต้องกักตัวตี๋ยั่วถังไว้เช่นนี้..
  “ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
  หลังจากที่เฉียวเปียวหายจากอาการสั่นเทิ้มและกระหืดกระหอบแล้ว ในที่สุดเขาก็เข้าสู่สภาพปกติ และเริ่มหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนเช่นกัน
  “เจ้าเด็กโอหัง!”
  “ในการประลองคืนนั้น..หากนับเฉินจิ้งเฉวียนด้วยแล้ว เจ้าได้สังหารสมาชิกของหน่วยนภาตายไปถึงสี่คน และยังจับตัวตี๋ยั่วถังมาขังไว้ด้วย มิหนำซ้ำเจ้ายังเป็นเหตุให้ไต้ซือหลู่หมิงฉู่ต้องออกจากหน่วยนภา เจ้ากล้าฉีกหน้าหน่วยนภาเช่นนี้ คิดหรือว่าเจ้าคนเดียวจะสามารถรับความผิดใหญ่โตนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียวได้!”
  “ข้าจะบอกอะไรให้..เจ้าไม่เพียงได้สร้างความไม่พอใจให้กับหน่วยนภา แต่การที่เจ้าสังหารไต้ซือจื้อกงนั้น ย่อมเป็นการประกาศตัวเป็นศัตรูกับวัดเส้าหลิน และการที่เจ้าสังหารนักบวชเลี่ยหั่ว ก็เท่ากับประกาศตัวเป็นปรปักษ์กับสำนักเขาหลงหู่เช่นกัน..”
  “เท่านั้นยังไม่พอ..เจ้ายังสังหารจื่อยู่วซึ่งกระบี่คุนหลุนต้องไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ และการที่เจ้าจับตัวตี๋ยั่วถังมาขังไว้เช่นนี้ ก็ได้สร้างความไม่พอใจให้กับสำนักกระบี่เทียนซานอย่างมากด้วยเช่นกัน!”
  หลิงหยุนนิ่งฟังเฉียวเปียวพล่ามถึงอยู่นานโดยไม่ตอบโต้แม้แต่คำเดียว..
  “เวลานี้มีเจ้าได้สร้างศัตรูให้กับตระกูลหลิงไว้มากมาย..
  “แม้ตระกูลหลิงของเจ้าจะเป็นฝ่ายชนะการประลองและสามารถทำลายตระกูลซันกับตระกูลเฉินลงได้ แต่ดูท่าความภาคภูมิใจและความดีอกดีใจในครั้งนี้ คงจะอยู่กับตระกูลหลิงและตัวเจ้าได้เพียงไม่นาน เพราะเมื่อใดที่ศัตรูทั้งหมดบุกมาตระกูลหลิงพร้อมกัน ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าเจ้ายังจะสามารถรับมือได้อีกหรือไม่!”
  หลิงหยุนยังยืนนิ่งไม่ตอบโต้เฉียวเปียวทำให้เฉียวเปียวยิ่งได้ใจ และในที่สุดก็พูดขึ้นว่า “หลิงหยุน.. ข้ารู้มาว่าโจวเหวินอี้ต้องการรับเจ้าเข้าร่วมเป็นสมาชิกในหน่วยนภา เพื่อเป็นการสร้างฐานะ และความน่าเชื่อถือให้กับเจ้า แต่เจ้าอย่าด่วนดีอกดีใจไป..”
  “เพราะตราบใดที่ข้าเฉียวเปียวยังอยู่ในหน่วยนภาตระกูลหลิงจะไม่มีวันได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของหน่วยนภาแน่!”
  “นี่เจ้าพล่ามจบหรือยัง”
  หลิงหยุนที่อดทนฟังเฉียวเปียวพล่ามมานานในที่สุดก็ถามขึ้นอย่างหมดความอดทน..
  เฉียวเปียวทำสีหน้างุนงงเมื่อจู่ๆหลิงหยุนก็ถามแทรกขึ้นมาเช่นนั้น จึงได้ถามออกไปว่า “ทำไมรึ!”   หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“เรื่องของข้าหลิงหยุน และตระกูลหลิง ใช่ว่าเจ้าจะพล่ามไร้สาระอะไรก็ได้..”
  “สำหรับการเข้าร่วมเป็นสมาชิกในหน่วยนภานั้นหากข้าบอกว่าต้องการที่จะเข้าร่วม ข้าก็ต้องเข้าร่วมให้ได้! และในเมื่อเจ้ากล้าประกาศตัวว่าจะเป็นผู้ที่ขัดขวางข้า เช่นนั้นแล้วก็มีเพียงหนทางเดียว..”
  “คือเจ้าต้องตายเท่านั้น!”
  แววตาของหลิงหยุนเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่งและจากนั้นก็ใช้พลังจิตบังคับกระบี่กังฉีให้พุ่งออกมา!
  กระบี่กังฉีพุ่งออกมาจากจุดตันเถียนของหลิงหยุนอย่างรวดเร็วลักษณะของมันนั้นบางเบาคล้ายกับใบหลิว แต่ก็แข็งแกร่งยิ่งนัก และเวลานี้กระบี่กังฉีของหลิงหยุนก็กำลังพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของเฉียวเปียว..
  เฉียวเปียวเองก็ได้เปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองไว้แล้วเพราะหลังจากที่ได้ประมือกับหลิงหยุนเมื่อครู่ ก็ทำให้เขาไม่กล้าประมาทอีก  เฉียวเปียวกระโดดตรงเข้าไปในกลุ่มสมาชิกของหน่วยนภาและหยิบเอาบางสิ่งบางอย่างติดมือออกมา มันคือขวานขนาดใหญ่สองด้าม เฉพาะด้านที่เป็นคมขวานนั้นยาวถึงสองฟุต เรียกได้ว่าหากนำคนสองคนมานอนเรียงกัน ขวานด้ามนี้จะสามารถตัดคอของทั้งสองคนขาดได้พร้อมกันเลยทีเดียว..
  ขวานขนาดใหญ่ทั้งสองด้ามนี้ไม่รู้ว่าทำจากโลหะชนิดใดจึงได้มีสีดำเป็นเงาสะท้อนแสง มีเพียงแค่ช่วงที่เป็นคมเท่านั้นจึงจะมีสีเงินแวววาว ซึ่งบ่งบอกถึงความคมของขวานทั้งสองด้าม..
  เฉียวเปียวรับรู้ได้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นกับตนเองจึงได้รีบกระโดดไปหยิบขวานคู่ซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวของตนออกมา จากนั้นจึงได้กวัดแกว่งขวานทั้งสองด้ามในมือเข้าปัดป้องกระบี่กังฉีของหลิงหยุน
  เคร้ง..เคร้ง..
  เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง..   หลิงหยุนยังคงใช้พลังจิตควบคุมกระบี่กังฉีโดยที่ตนเองยังไม่ได้ขยับไปไหนเลยแม้แต่น้อยแต่กระบี่กังฉีก็ราวกับมีตา เพราะสามารถพุ่งเข้าจู่โจมเฉียวเปียวได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ จนเฉียวเปียวแทบจะต้านไม่ไหว และกำลังเดือดดาลอย่างมากด้วย..
  “เด็กหลิงหยุนนั่นสามารถใช้พลังจิตควบคุมกระบี่ได้ถึงสองด้ามเชียวรึ!”
  เสียงร้องตะโกนดังออกมาจากเหล่าสมาชิกของหน่วยนภาเมื่อได้เห็นว่าหลิงหยุนกำลังควบคุมทั้งกระบี่เหินเงาธนูให้จู่โจมหลี่เจิ้งเฟิง อีกทั้งยังควบคุมกระบี่กังฉีไปพร้อมกันด้วย ทุกคนที่ได้เห็นต่างก็รู้สึกตกใจอย่างที่สุด!
  แต่ความอัศจรรย์และน่าตกตะลึงของหลิงหยุนยังไม่จบอยู่เพียงเท่านั้น!
  “พวกเจ้าเตรียมตัวตาย!”
  ระหว่างที่จู่โจมกับหลี่เจิ้งเฟิงและเฉียวเปียวอยู่นั้นหลิงหยุนก็ได้ใช้วิชาเงาลวงตาเคลื่อนที่เข้าหาเหล่าสมาชิกของหน่วยนภาทันที พร้อมกับใช้มือเปล่าซัดเข้าที่ร่างของทุกคน!
  หลิงหยุนรู้ว่าคืนนี้คงต้องเป็นศึกใหญ่จึงต้องการที่จะจัดการกับยอดฝีมือของหน่วยนภาคนอื่นๆก่อน หลังจากนั้นจะได้มีเวลาหันไปเล่นงานหลี่เจิ้งเฟิงกับเฉียวเปียวได้อย่างเต็มที่..
  “อ๊าก..”
  ยอดฝีมือที่เหลืออีกสิบเอ็ดคนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นลูกน้องของหลี่เจิ้งเฟิงและเฉียวเปียวทั้งสิ้น ทุกคนต่างก็ติดตามอาวุโสแห่งหน่วยนภาทั้งสองมา และไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์จะกลับกลายเป็นผลร้ายต่อตนเองเช่นนี้!
  หลิงหยุนบุกเข้าไปกลางวงศัตรูเช่นนี้ไม่ต่างจากพยัคฆ์ที่บุกเข้าไปในฝูงสุนัข หลิงหยุนใช้ทั้งหมัดปีศาจเถียนกัง และฝ่าเท้าวายุเข้าจัดการกับเหล่าสมาชิกที่เหลือของหน่วยนภา จนล้มระเนระนาดไปทั้งยวง..
  เวลานี้ไม่เพียงหลิงหยุนได้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นซานฉางชี่เท่านั้นแต่เขาเพิ่งจะดูดซับปราณมังกรอายุกว่าห้าร้อยปีในพระราชวังต้องห้ามเข้าไปมากมาย อีกทั้งภายในร่างกายยังมีพลังอมตะสีม่วงอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด ทำให้ทั้งพลังจิต และพละกำลังของหลิงหยุนเวลานี้แข็งแกร่งถึงขีดสุด!
  อีกทั้งที่นี่ก็คือคฤหาสน์ตระกูลหลิงซึ่งมีทั้งค่ายกลหลุมพลังค่ายกลนวสังหาร และมียอดฝีมือตระกูลหลิงอีกมากมายที่พร้อมรบอยู่ด้วย..
  มิหนำซ้ำในสวนชั้นที่หกของตระกูลหลิงก็ยังมีต้นหลิวเทวะวิญญาณ อีกทั้งยังมีดวงจิตของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ที่พร้อมสื่อสารกับเขาอยู่ด้วย ทำให้หลิงหยุนยิ่งฮึกเหิม และไม่เกรงกลัวแม้จะต้องประมือกับสองยอดฝีมือระดับอาวุโสของหน่วยนภาพร้อมกัน..
  หนึ่งในสิบเอ็ดคนเมื่อถูกหลิงหยุนจู่โจมก็รีบยกแขนขึ้นต่อสู้ป้องกัน หลิงหยุนจึงได้ทำการหักแขนของเขาทั้งสองข้าง และชกเข้าที่หน้าอกอีกครั้ง ส่งผลให้กระดูกหน้าอกแตกละเอียด และร่างกระเด็นลอยละลิ่วออกไปก่อนจะร่วงลงกับพื้น แล้วกระอักออกมาเป็นเลือด ได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที!
  ในเวลานั้น..เสียงกระดูกหัก เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ดังสลับกันไปไม่หยุด และในเวลาเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว หลิงหยุนก็สามารถจัดการกับฝ่ายตรงข้ามได้โดยที่ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งเขาได้เลย..
  เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นภายในเวลาที่รวดเร็วอย่างมากเรียกได้ว่าไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำไป!
  และตอนนี้..ยอดฝีมือทั้งสิบเอ็ดคนของหน่วยนภานั้น ทุกคนต่างก็กระดูกหัก แต่อย่างน้อยมีเจ็ดหรือแปดคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงกับนอนหมดสติไป!
  หลิงหยุนกระโดดกลับมายืนที่เดิมพร้อมกับปัดมือทั้งสองข้างไปมาและพูดขึ้นว่า “ข้าเตือนพวกเจ้าแล้วว่าหากจะมาหาเรื่องตระกูลหลิง ก็ให้ประเมินตัวเองเสียก่อน!”   นี่นับว่าหลิงหยุนได้ปราณีกับคนของหน่วยนภามากแล้ว..เพราะหากเขาใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ หรือกระบี่เหินเงาธนู คนเหล่านี้จะไม่มีทางรอดชีวิตไปได้เลย!
  หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ที่ข้าสั่งสอนพวกเจ้าเล็กน้อยเพียงแค่นี้ ก็เพราะเห็นแก่หน้าโจวเหวินอี้!”
  หลังจากที่จัดการกับลูกน้องของยอดฝีมืออาวุโสทั้งสองคนแล้วหลิงหยุนก็หันไปพูดกับเฉียวเปียวที่ยังคงตวัดขวานคู่ในมือไปมา
  “เอาล่ะ..คราวนี้ก็ถึงคราวของเจ้าแล้ว!”
  ในเวลานั้น..เฉียวเปียวกำลังควงขวานคู่ในมือของตนปัดป้องกระบี่กังฉีของหลิงหยุนอยู่ สีหน้าของเขานั้นเคร่งเครียด และพยายามหลบหลีกการจู่โจมของกระบี่กังฉี!
  ภายใต้การควบคุมด้วยพลังจิตที่ทรงพลังของหลิงหยุนในเวลานี้กระบี่กังฉีจึงสามารถจู่โจม และหลบหลีกได้เป็นอย่างดี สร้างความลำบากให้กับเฉียวเปียวเป็นอย่างมาก..   และนี่คือข้อได้เปรียบของกระบี่ที่บังคับควบคุมด้วยพลังจิตเพราะจะสามารถเคลื่อนไหว พลิกไปพลิกมาได้รวดเร็วกว่าการใช้ข้อมือ และสามารถควบคุมให้จู่โจมคู่ต่อสู้จากมุมไหนก็ย่อมได้ จะให้เร็วหรือช้าก็แล้วแต่ใจสั่ง จึงยากที่อีกฝ่ายจะปัดป้องได้ทัน..
  เคร้ง..เคร้ง..
  เวลานี้คงจะมีเพียงเฉียวเปียวเท่านั้นที่รู้ว่ากระบี่กังฉีทำให้เขารู้สึกกดดัน และเคร่งเครียดมากเพียงใด เพราะกระบี่กังฉีนั้นแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถเจาะทำลายขวานที่แข็งแกร่งของเขาไปแล้วทีละเล็กทีละน้อย และตอนนี้ที่คมขวานของเฉียวเปียวก็มีรู้ทั้งเล็กและใหญ่เกิดขึ้นมากมาย..
  ในช่วงระยะเวลาเพียงแค่สั้นๆขวานด้ามใหญ่ของเฉียวเปียวที่ทำด้วยเหล็กจากใต้ท้องทะเล ก็ได้กลายเป็นรูพรุนไปหมด..
  นี่เป็นการยืนยันความคมของกระบี่กังฉีและเป็นการยืนยันพลังจิตที่แข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้!   แต่ถึงกระนั้น..เฉียวเปียวเองก็เป็นถึงยอดฝึมือระดับห้าขั้นพลังเหนือธรรมชาติ แม้เขาจะรู้สึกหนักใจกับการจู่โจมของกระบี่กังฉี แต่ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกตกใจ ขวานใหญ่ทั้งสองด้ามยังคงกวัดแกว่งไปมาราวกับพายุเพื่อป้องกันการจู่โจมของกระบี่กังฉี ในขณะเดียวกันก็ใช้วิชาตัวเบาหลบหลีกไปด้วย..
  “หลิงหยุน..เจ้ากินดีหมีดีมังกรเข้าไปหรืออย่างไร! จึงได้กล้าทำร้ายสมาชิกของหน่วยนภาทั้งสิบสองคนบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้?!”
  ระหว่างที่ปัดป้องกระบี่กังฉีนั้นเฉียวเปียวก็ก็ร้องตะโกนถามออกไปด้วยความโมโห เพราะคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะกล้าทำถึงเพียงนี้!
  แต่ที่น่าตกใจอย่างมากคือ..เฉียวเปียวคิดไม่ถึงว่ายอดฝีมือจากหน่วยนภาทั้งสิบสองคนนั้น แต่ละคนล้วนอยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติตั้งแต่ระดับหนึ่งไปจนถึงระดับสาม แต่ทั้งหมดกลับไม่สามารถเอาชนะหลิงหยุนเพียงคนเดียว และใช้มือเปล่าเป็นอาวุธได้!   ยิ่งไปกว่านั้น..หลิงหยุนยังใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีในการจัดการกับยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติทั้งสิบสองคน!
  หลิงหยุนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“หึ.. ในเมื่อพวกเจ้าทั้งสิบสี่คนกล้าบุกตระกูลหลิงเช่นนี้ นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าต้องรับผิดชอบ!”