ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีจึงหันไปถามแม่นมฮวาว่า “แม่นมฮวา ท่านอ๋องอยู่ที่ใด”
“ท่านอ๋องอยู่ข้างนอกเพคะ กำลังหารือเรื่องการทหารกับท่านแม่ทัพหลานและคนอื่นๆ ”
“โอ้! ”
ซูจิ่นซีลุกขึ้นยืน นางเดินไปที่หน้าต่าง และมองออกไปเห็นเยี่ยโยวเหยานั่งอยู่ภายใต้แสงแดดอบอุ่น รวมทั้งมีแม่ทัพใหญ่หลาน และแม่ทัพนายกองแคว้นจงหนิงอีกจำนวนหนึ่ง ทุกคนกำลังนั่งเจรจาหารือกันอย่างจริงจัง
บุรุษผู้นี้ จริงๆเลย
ไม่ว่าจะนั่งอยู่ที่ใดหรืออยู่ในสถานการณ์แบบใด
จะอยู่ในท้องพระโรงอันวิจิตรงดงามก็ดี หรือท้องทุ่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้ก็ดี ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด บุคลิกอันสูงส่งและสง่างามของเขาก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสภาพเช่นไร เขาก็ดูดีมีเสน่ห์อย่างมาก
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวพิงหน้าต่าง มองเยี่ยโยวเหยาอย่างตั้งใจ
ในอดีต นางก็นั่งมองบุรุษผู้นี้จากบนเรือนอวิ๋นไค เรือนชิงโยวเช่นกัน
ทว่าในตอนนั้น นางค่อนข้างขี้กลัวและเขินอาย ใจไม่กล้าพอเหมือนเช่นเวลานี้
แม่นมฮวามองไปตามสายตาของซูจิ่นซี และแย้มยิ้มไม่หุบ นางไม่คิดจะอยู่รบกวนซูจิ่นซี จึงลากตัวลวี่หลีออกไปทำงานต่อ
เยี่ยโยวเหยาที่กำลังหารือเรื่องทางการทหารกับเหล่าแม่ทัพ เงยหน้ามาเห็นสตรีที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เขาหยุดมองนางครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกลับมาสนใจกับการหารืออีกครั้ง
บุรุษที่กำลังทำงานช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก
ซูจิ่นซีรู้สึกเช่นนี้เสมอ
ทว่าภายในใจของเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซีจะเป็นเช่นไรก็ล้วนงดงาม ไม่ว่านางจะอยู่ในสถานการณ์จริงจัง หรืออยู่ระหว่างการทำภารกิจอันหนักหน่วงดังเช่นเมื่อคืนนี้ก็ตาม
เมื่อเยี่ยโยวเหยารู้สึกว่าแววตาอันอ่อนโยนลึกซึ้งนั้น หยุดอยู่บนร่างของตนเป็นเวลานาน เยี่ยโยวเหยาจึงต้องการหารือเรื่องงานที่อยู่ตรงหน้าให้เสร็จโดยเร็ว และวิ่งเข้าไปหาสตรีผู้นั้น เพื่อแสดงความรักอย่างลึกซึ้งอีกสักครั้ง
ยามที่นางมีความสุขจนควบคุมตนเองไม่ได้ ยามที่นางสำราญไปกับภารกิจส่วนตัวด้วยกัน ความอ่อนโยนของนางราวกับสายน้ำที่อบอุ่น นางมีเสน่ห์เย้ายวนเกินห้ามใจ ภาพนั้นยังตราตรึงอยู่ในใจของเขา
เป็นครั้งแรกที่การหารือเรื่องการทหารเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว เยี่ยโยวเหยารีบสั่งให้แม่ทัพทั้งหลายออกไป
ก่อนจะเดินไปหาซูจิ่นซีที่ห้อง
เดิมที ซูจิ่นซีคิดว่าเยี่ยโยวเหยาหารือเรื่องงานเสร็จสิ้นตามปกติ แต่เมื่อนางเห็นดวงตาแดงก่ำของเขา เห็นความใคร่ในดวงตาที่ไม่สามารถปิดบังไว้ได้ นางจึงตอบสนองอย่างรวดเร็ว และรีบบอกแม่นมฮวาว่า “แม่นมฮวา รีบปิดประตูเร็ว! ”
“อ๋า? ”
แม่นมฮวายังไม่ทันได้สติจากคำสั่ง ซูจิ่นซีก็รีบวิ่งไปปิดประตูก่อนแล้ว
เยี่ยโยวเหยาที่เพิ่งเดินมาถึงประตู ถูกประตูปิดใส่หน้าอย่างจัง จึงมีท่าทางขุ่นเคืองเล็กน้อย
“ซูจิ่นซี เจ้า… ช่างกล้ายิ่งนัก! ”
ซูจิ่นซียืนเท้าสะเอวอยู่ด้านใน และพูดว่า “เยี่ยโยวเหยา ท่านพอได้แล้ว! ”
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยังไม่พอ! ”
“เยี่ยโยวเหยา ท่านรู้หรือไม่ ความพอดีคืออันใด? ”
แววตาของเยี่ยโยวเหยาปรากฏความขึงขัง “ข้ารู้เพียงว่ามันเป็นของข้า ดังนั้นข้ามีสิทธิ์โดยชอบธรรม เปิดประตูเดี๋ยวนี้! ”
เมื่อครู่ แม่นมฮวาไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น อย่างไรก็ตาม หากในตอนนี้นางยังไม่เข้าใจอีก การอยู่ในวังหลวงมาหลายปีก็คงเปล่าประโยชน์
แม่นมฮวายิ้มแห้งและพูดกับซูจิ่นซีว่า “พระชายา พระองค์และท่านอ๋องยังเยาว์วัย ทั้งยังไม่ได้พบกันนานถึงเพียงนี้ พระองค์ไม่ควรทำให้ท่านอ๋องต้องลำบากพระทัย!
พระชายา ฟังคำแนะนำของบ่าวสักครั้ง เปิดประตูให้ท่านอ๋องเข้ามาเถิด บ่าวกับลวี่หลีจะรีบหลบไปให้ห่างเพคะ! ”
เขายังไม่อิ่มอีกหรือ?
ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ นางตามใจเยี่ยโยวเหยามาตลอด เขายังไม่พอใจหรือ?
เขาต้องคิดถึงนางบ้าง!
ซูจิ่นซียังไม่ทันได้พูดอันใด เสียงของเยี่ยโยวเหยาก็ดังขึ้นจากด้านนอก เห็นได้ชัดว่าเขาขุ่นเคืองเล็กน้อย
“ซูจิ่นซี เจ้าจะเปิดประตูหรือไม่? หากเจ้าไม่เปิดประตู ข้าจะพังเข้าไปเดี๋ยวนี้! ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น นางเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเยี่ยโยวเหยาต้องทำตามที่พูดแน่นอน
ทว่า…
หากเปิดประตูตอนนี้ เยี่ยโยวเหยาต้องถลกหนังนางจนไม่เหลือชิ้นดีอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม นางเข้าใจดี การเผชิญหน้ากับเยี่ยโยวเหยานั้น แข็งข้อไปก็ไร้ประโยชน์
ไม่เพียงเท่านั้น ผลลัพธ์ที่ตามมาคงเลวร้ายเป็นแน่
ดังนั้น…
ดวงตาสุกกสาวงดงามของซูจิ่นซีกลอกกลิ้งไปมา นางตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่าควรใช้วิธีนุ่มนวลดีกว่า
นุ่มนวลสยบแข็ง ไม่ควรใช้ไม้แข็งกับเยี่ยโยวเหยา
ซูจิ่นซีปรับสภาวะอารมณ์อย่างรวดเร็ว และปรับน้ำเสียงของนาง
นางพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ท่านอ๋องเพคะ จิ่นซีผิดไปแล้ว ทว่าวันนี้จิ่นซีไม่สบายจริงๆ ท่านอ๋องโปรดอภัยให้จิ่นซีด้วยเพคะ! ”
นางพูดพลางเปิดประตู และจงใจกะพริบตาให้เยี่ยโยวเหยา
ทันทีที่พูดจบ ซูจิ่นซีก็รู้สึกสันหลังเย็นวาบ ไม่รู้ว่านานเท่าใดแล้วที่นางไม่ได้แสดงมารยาหญิง
“โอ้ เช่นนั้นหรือ? ”
เยี่ยโยวเหยายังคงมีท่าทางขึงขัง เขาเหลือบมองไปที่แม่นมฮวากับลวี่หลี
แม่นมฮวาคว้าตัวลวี่หลีและเดินออกไปด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ซูจิ่นซีคิดจะรั้งตัวแม่นมฮวาไว้ ทว่าแม่นมฮวาผู้มากประสบการณ์กลับเดินเร็วกว่าผู้ใด
เยี่ยโยวเหยาเดินเข้ามาหาซูจิ่นซีทีละก้าวด้วยใบหน้าขึงขัง
เพื่อรักษาระยะห่างให้ปลอดภัยจากเงื้อมมือของเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซีจึงทำได้เพียงถอยหลัง
“โอ้ จริงหรือ? ” เยี่ยโยวเหยาชักสีหน้าถาม
ซูจิ่นซียังส่งสายตาอ่อนโยน “ใช่เพคะ ท่านอ๋อง ปล่อยจิ่นซีไปเถิด! ”
เยี่ยโยวเหยายกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ เขารุกไล่จนซูจิ่นซีไม่มีทางให้ถอยอีกแล้ว ร่างของนางกระแทกเข้ากับขอบเตียง เยี่ยโยวเหยาจึงขึ้นไปบนเตียงและกดทับร่างของซูจิ่นซีไว้
“ชายาที่รักรู้สึกไม่สบายหรือ? ข้าควรดูแลชายาที่รักให้ดีกว่านี้ ชายาที่รักคิดเห็นเช่นไร? ”
เยี่ยโยวเหยาพูดพลางขมวดคิ้วแน่น มือข้างหนึ่งวางไว้ข้างตัวซูจิ่นซี ปิดทางหลบหนีของนาง ส่วนมืออีกข้างลุกล้ำเข้าไปในสะโพกของซูจิ่นซี
เมื่อเห็นไฟแห่งความปรารถนาที่ครุกรุ่นในดวงตาของเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซีก็เข้าใจในทันที
การแสร้งทำเป็นอ่อนแอและอ่อนโยน ในขณะที่บุรุษกำลังกลายร่างเป็นหมาป่าที่เต็มไปด้วยไฟราคะนั้น ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย ไม่เพียงเท่านั้น นางยังล่อให้หมาป่าเข้ามาในห้องอีกด้วย
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น ความอ่อนโยนในดวงตาค่อยๆ เลือนหายไป แทนที่ด้วยความเจ้าเล่ห์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ก่อนที่เยี่ยโยวเหยาจะทันได้ตอบสนอง มือข้างหนึ่งของซูจิ่นซีก็คว้ามือของเยี่ยโยวเหยาที่วางไว้ด้านข้าง ส่วนมืออีกข้างก็พลิกไปจับข้อมือของเยี่ยโยวเหยาที่กำลังอยู่ไม่สุข
“ท่านอ๋อง หากทำเช่นนี้อีกครั้ง อย่าโทษที่จิ่นซีหยาบคายกับท่าน! ”
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาชั่วร้ายและมีเสน่ห์ของเขายิ่งปรากฏชัดเจน
เขาไม่รีบสลัดมือของซูจิ่นซีออก ในทางกลับกัน เขายิ่งโน้มตัวลงมา ดวงตาดำขลับคมเข้มอยู่ใกล้ซูจิ่นซีมากขึ้น
“โอ้ ใช่หรือ? ดูเหมือนว่าระยะหลัง ฝีมือของชายาที่รักจะพัฒนาไปมากทีเดียว! ข้าอยากเห็นเช่นกันว่า ชายาที่รักร้ายกาจ หรือฝีมือของสวามีอย่างข้าแข็งแกร่งกว่า?
ชายาที่รัก คิดจะหยาบคายอย่างไรหรือ? ”
เขาพูดพลางขบไปที่ใบหูของซูจิ่นซี