เฉินตงหวาที่อ้าปากค้างตั้งนานก็ยังหุบไม่ลง

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ตระกูลเอียนไม่ได้มาหาเรื่องเฉินโม่ แต่มาหารือเรื่องหมั้น มันเป็นไปได้ยังไง!”

“แม้ว่าเฉินโม่จะชนะการแข่งขันในตระกูล แต่ดูเหมือนว่าตระกูลเอียนไม่มีทางที่สนใจเงินแค่นั้น!”

“นอกจากนี้แล้ว บนตัวของเฉินโม่ไม่มีของมีค่าที่จะทำให้ตระกูลเอียนต้องเดินทางไกลมาเพื่อหารือเรื่องหมั้นหมายเลยนะ?”

เฉินหวาตงคิดไม่ออก คิดจนสมองระเบิดก็คิดไม่ออก

คนอื่นๆในตระกูลเฉินต่างก็ตกใจเช่นกัน รู้สึกว่าเรื่องนี้มันเหลือเชื่อ แม้แต่เฉินจิงเย่ก็มองเอียนหม่านชวนด้วยสีหน้าที่ล่องลอย ไม่กล้าเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง

เฉินควางที่มองเฉินโม่ ในแววตานอกจากตกใจแล้ว ที่เหลือล้วนมีแต่ความอาฆาตแค้น “มันเป็นไปได้ไง คนไร้ประโยชน์อย่างเฉินโม่มีอะไรดีนะ? มีสิทธิ์อะไรที่ทำให้ตระกูลเอียนมองเขาด้วยสายตาที่น่าทึ่ง!แค่เพียงเพราะเขาชนะการแข่งขันในตระกูลเหรอ?”

“ฉันยอมรับว่าเขานั้นมีความสามารถมาก ยังเรียนไม่จบ ก็มีความมั่งคั่งที่คนทั่วไปหาหลายชาติยังไม่สามารถหาได้ แต่เงินแค่นั้นในสายตาของคนในตระกูลเอียน ไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเลย ตระกูลเอียนนั้นชอบเฉินโม่ตรงไหนกันแน่?”

ความโอหังบนใบหน้าของเฉินหลี้ค่อยๆหายไป สายตาที่มองเฉินโม่ เต็มไปด้วยความกลัว

“เดิมทีคิดว่าเขานั้นแค่โชคดี สามารถได้รับชัยชนะจากการแข่งขันของตระกูล คิดไม่ถึงตอนนี้แม้แต่ตระกูลเอียนยังต้องการเขา บนตัวเขานั้นซ่อนอะไรไว้กันแน่?”

ความเชื่อมั่นบนใบหน้าของเฉินเหล่ยหายไปแล้ว ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังของเขาก็หุบปากไปแล้ว แม้กระทั่งเย่เฟยเออร์ก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

ตอนนี้สิ่งเดียวที่เฉินเหล่ยสามารถใช้โจมตีเฉินโม่ก็คือการพึ่งพาเย่เฟยเออร์ แต่ตอนนี้เมื่ออยู่ตรงหน้าของเอียนชิงเฉิง ตัวช่วยอย่างเย่เฟยเออร์ไม่ได้มีความพิเศษอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นความสวยของเอียนชิงเฉิง หรือชาติตระกูลล้วนเหนือกว่าเย่เฟยเออร์ทุกด้าน

“พี่เหล่ย ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ตระกูลเอียน ตระกูลเอียนคิดอะไรอยู่เนี่ย?” เฉินฉีถามอย่างไม่เข้าใจ

เฉินเหล่ยที่ใบหน้าไร้ความรู้สึก แต่ในแววตายังคงแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ “เฉินโม่ ถือว่านายโชคดีไป!”

ส่วนสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลเฉินที่ตั้งใจดูเฉินโม่ถูกถามหาความผิด แต่ละคนต่างก็นิ่งงัน เรื่องราวมันกลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิง

ตระกูลเอียนไม่เพียงแต่ไม่มาถามหาความผิดกับเฉินโม่ กลับได้มอบข่าวดีข่าวใหญ่ให้กับเฉินโม่

หลังจากตกใจไปชั่วขณะ เฉินกั๋วเหลียงมองไปที่เอียนหม่านชวน และถามว่า “น้องเอียน นายแน่ใจที่จะให้ให้การหมั้นหมายนี้คงอยู่ต่อไปเหรอ?”

เอียนหม่านชวนหัวเราะ “คุณท่านเฉิน การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ล้อเล่นได้เหรอ? ครั้งนี้ผมซึ่งมาในนามของตระกูลเอียน มาหาคุณท่านเฉินก็เพื่อหารือเรื่องนี้อย่างจริงจัง!”

เฉินกั๋วเหลียงพยักหน้า “ก็ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเราก็มาฟังความคิดเห็นของเจ้าตัวดีกว่า อย่างไรเสีย เด็กสมัยนี้ไม่เหมือนกับสมัยก่อนแล้ว เมื่อก่อนการแต่งงานล้วนทำตามคำสั่งของพ่อแม่ ฟังคำพูดแม่สื่อ แต่ตอนนี้ ส่วนใหญ่มีอิสรเสรีในการเลือก พวกเราควรฟังคำคิดเห็นของพวกเขา”

สีหน้าของเอียนหม่านชวนไม่เปลี่ยน แต่แววตาแฝงไว้ด้วยความลังเล เหลือบมองเอียนชิงเฉิงที่อยู่ด้านข้างไปแวบหนึ่ง เอียนหม่านชวนยิ้มแล้วกล่าว “ชิงเฉิง หนูมีความคิดเห็นอย่างไร ช่วยบอกคุณปู่เฉินด้วย”

เอียนชิงเฉินมองพ่อของตัวเองไปแวบหนึ่ง สายตาห่างเหิน ลุกขึ้นยืน ทำความเคารพเฉินกั๋วเหลียง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “คุณปู่เฉิน ในเมื่อมีการหมั้นหมายไว้แล้ว ชิงเฉิงก็จะทำตามสัญญา เพียงแต่ว่าหนูได้ไหว้เฉินโม่เป็นอาจารย์แล้ว ไม่กล้าที่จะคิดเป็นอย่างอื่น ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของคุณปู่!”

“อะไรนะ!”

เธอบอกว่าเธอได้ไหว้เฉินโม่เป็นอาจารย์แล้ว ฉันฟังไม่ผิดใช่มั้ย

สมาชิกในตระกูลเฉินเกือบจะสำลักเพราะคำพูดนี้

“ สาวงามอันดับหนึ่งของยานจิงไหว้เฉินโม่เป็นอาจารย์? สวรรค์ สวรรค์กำลังเล่นตลกกับพวกเขาใช่มั้ย?”