ตอนที่ 442 เงื่อนไขสามข้อ (1) โดย Ink Stone_Fantasy
แม้ว่าซ่งเฮ่าเทียนจะได้รับบริการบำรุงรักษาทางการแพทย์อย่างดีที่สุดในประเทศ แต่ถึงอย่างไรก็มีอายุแปดสิบปีแล้ว เมื่ออวัยวะภายในร่างกายเสื่อมถอยลง จึงทำให้สุขภาพของเขาย่ำแย่กว่าที่เคยเป็น
เดิมทีหากทำตามคำแนะนำของหมอที่ดูแลรักษา ซ่งเฮ่าเทียนอย่าหวังจะได้ดื่มเหล้าถ้วยนี้ลงท้อง แต่เพราะวันนี้ได้พบกับสหายสนิทเก่าแก่ที่คบหากันมากว่าครึ่งศตวรรษ เขาจึงปล่อยเลยตามเลย และยังเตรียมตัวเมามายอย่างเต็มที่
แต่ซ่งเฮ่าเทียนคิดไม่ถึงว่า หลังจากเหล้าหนึ่งถ้วยลงท้องไปแล้ว สมองของเขากลับแจ่มใสขึ้นอีกหลายส่วน ขณะเดียวกันก็สังเกตเห็นจุดที่แตกต่างไปในเรือนสี่ประสาน แม้ว่าภายนอกจะมีลมหนาวพัดหวีดหวิว แต่ทว่าภายในเรือนนั้นกลับอบอุ่นราวฤดูใบไม้ผลิ
“ฉันสร้างค่ายกลไว้ในบ้านหลังนี้ อากาศก็จะอุ่นกว่าข้างนอกสักหน่อย น้องเหวินซวน ฉันแก่กว่านายเกือบสิบปี แต่ไม่ได้ชราอย่างเห็นได้ชัดเหมือนนายหรอกนะ”
เมื่อได้ยินคำถามของซ่งเฮ่าเทียนแล้ว โก่วซินเจียก็เหมาเป็นเรื่องของตัวเอง เขาอยู่ที่นี่ก็เพื่อคุ้มกันเยี่ยเทียน เนื่องจากบางครั้งคนหนุ่มมักชอบสำแดงความสามารถจนเกินไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีนัก
“วิธีการของพี่หยวนหยางนั้นช่างลึกลับยากคาดเดา หากสามารถพักอยู่ที่นี่ไปนานๆ คงจะมีความสุขอย่างยิ่ง.……”
ด้วยสถานภาพของซ่งเฮ่าเทียน สำหรับเขาแล้วความลับบนโลกนั้นมีเหลืออยู่เพียงน้อยนิด เขารู้ถึงการมีตัวตนของสำนักคาถาอาคม แต่ว่าหลายสิบปีที่ผ่านมารัฐบาลมีเจตนาแบ่งแยกทำลาย วงการสำนักคาถาอาคมจึงไม่รุ่งเรืองเฟื่องฟูเหมือนก่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจ
ดังนั้นซ่งเฮ่าเทียนจึงไม่นึกสงสัยใดๆ ในตัวโก่วซินเจีย เขารู้ว่าโก่วซินเจียเป็นผู้วิเศษในโลกยุคปัจจุบัน กระทั่งในอดีตคุณเจียงยังเคยพึ่งพาอาศัยเขามากมายหลายอย่าง ที่เขาสามารถสร้างค่ายกลได้อย่างนี้ จึงไม่รู้สึกประหลาดใจ
“พักอยู่ที่นี่ไปนานๆ เหรอ? ถ้าคุณไม่กลัวตายไว จะลองเข้ามาอยู่ดูไหมล่ะ?”
เมื่อสิ้นเสียงคำพูดของซ่งเฮ่าเทียน เสียงเย็นเยียบของเยี่ยเทียนก็ลอยตามมา ค่ายกลของเขาสามารถขจัดภัยรักษาโรคยืดอายุยืนนานได้จริง แต่หากบำรุงมากไปกลับช่วยเกื้อหนุนให้คนตายเร็วขึ้น
“เจ้า…เจ้าเด็กคนนี้…”
ซ่งเฮ่าเทียนจะร้องไห้หรือหัวเราะก็ไม่ออกกับคำพูดนี้ของเยี่ยเทียน ตัวเองช่างเป็นคุณตาที่ล้มเหลวจริง ถึงกับโดนหลานแท้ๆ แช่งให้ตาย หรือว่าเขาโดดเดี่ยวบนโลกนี้เสียแล้ว
แต่เมื่อคิดๆ ดู เหมือนว่านอกจากได้ชื่อว่าเป็นคุณตาแล้ว ซ่งเฮ่าเทียนก็ไม่ได้มีความเกี่ยวพันใดๆ กับเยี่ยเทียนอีกเลย
แม้ว่าเขาจะรู้ถึงการมีตัวตนของเยี่ยเทียนมานาน แต่เพราะเวลานั้นมัวแต่ยุ่งกับเรื่องของประเทศชาติ จึงไม่ได้นำมาใส่ใจ ตอนนี้เยี่ยเทียนมีท่าทีต่อเขาเช่นนี้ ทุกอย่างเป็นเพราะซ่งเฮ่าเทียนหาเรื่องเอง
เห็นท่าทีอย่างนี้ของเยี่ยเทียน โก่วซินเจียเองก็ถอนใจ แล้วจึงพูดออกมาอย่างเหลืออด “เยี่ยเทียน คุณธรรมร้อยอย่างกตัญญูสำคัญที่สุด น้องเหวินซวนแม้มีหลายอย่างที่ผิด แต่ก็มีสาเหตุที่มาที่ไปของเรื่องราว เธอเองก็อย่าถือสาให้มากนัก มีเรื่องอะไรกันวันนี้เปิดใจคุยเสียให้หมด!”
เยี่ยเทียนส่ายหน้ากล่าว “ศิษย์พี่คนให้กำเนิดผมคือแม่ คนเลี้ยงดูคือพ่อ แล้วเกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ? “
พอคำพูดนี้ของเยี่ยเทียนหลุดออกมา สีหน้าของซ่งเฮ่าเทียนก็กระอักกระอ่วนขึ้น แม้ว่าชีวิตนี้ของเขาจะเคยตกต่ำ แต่ส่วนใหญ่แล้วมีสถานะสูงส่ง ยังไม่เคยถูกคนกล่าวโทษอย่างนี้มาก่อนเลย
โดยเฉพาะถูกหลานแท้ๆ ของตัวเองตำหนิต่อหน้า ยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดออกมาว่าอึดอัดใจแค่ไหน แต่คำกล่าวหาของเยี่ยเทียนล้วนเป็นความจริงทุกถ้อยคำ ทำให้ซ่งเฮ่าเทียนยากจะเอ่ยคำพูดโต้เถียง
ซ่งเฮ่าเทียนถอนหายใจยาวหนึ่งเฮือก ถึงกับลุกขึ้นยืนโค้งให้เยี่ยเทียนหนึ่งที แล้วเอ่ยปากว่า “เยี่ยเทียน ในอดีตฉันทำผิดต่อพวกเธอสองคนพ่อลูก ฉันขอโทษเธอที่ตรงนี้ก็แล้วกัน!”
เขาเคยได้รับความร่ำรวยรุ่งเรืองในสังคมมนุษย์ อีกทั้งยังเคยไต่เต้าจนมีอำนาจถึงจุดสูงสุด แต่หลายเดือนมานี้หลังจากเกษียณซ่งเฮ่าเทียนจึงเข้าใจขึ้นมาก แม้ว่าจะไม่อาจเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปเมื่อในอดีต แต่ในใจก็รู้สึกละอายต่อเยี่ยเทียนอยู่หลายส่วน
อีกทั้งที่ซ่งเฮ่าเทียนน้อมตัวขออภัยเยี่ยเทียนโดยไม่เห็นแก่สถานะตัวเองนั้น ยังมีสาเหตุอื่น นั่นก็คือคำที่โก่วซินเจียพูดถึงเมื่อครู่ จึงกระตุ้นให้เขานึกอยากลบล้างความโกรธเคืองของเยี่ยเทียนให้หมดสิ้นไป
ความรุ่งเรืองของวงการสำนักคาถาอาคมในยุคก่อนปฏิรูปเศรษฐกิจ ซ่งเฮ่าเทียนก็เคยได้ทำความรู้จักกับสังคมนั้น จึงรู้ซึ้งว่าวิธีการของคนมีคาถาอาคมลึกลับแยบยล หากถูกคนเช่นนี้จดจำฝังใจ ไม่ว่าใครก็นอนหลับไม่เป็นสุข
เหมือนกับคำพูดของโก่วซินเจีย หากเยี่ยเทียนเกิดอารมณ์ร้อนวู่วามขึ้นมา ไปเล่นเล่ห์อะไรที่สุสานตระกูลซ่งสักอย่างเข้า มีหวังซ่งเฮ่าเทียนตายไปแล้วคงไม่มีหน้าไปพบรากเหง้าบรรพบุรุษอย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่าการโค้งคำนับของซ่งเฮ่าเทียนครั้งนี้ กลับทำให้ทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์ถึงกับหน้าถอดสี โดยเฉพาะโจวเซี่ยวเทียน ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าในชีวิตจะมีวันที่ได้เห็นภาพอันแปลกประหลาดอย่างนี้?
ซ่งเฮ่าเทียนเป็นคนใคร? คือหนึ่งในผู้นำสูงสุดซึ่งมีสิทธิ์ตัดสินใจแนวทางการพัฒนาของประเทศ หากนับกันในยุคสมัยโบราณ ไม่เป็นฮ่องเต้ก็ต้องเป็นขุนนางใหญ่ในห้องอาลักษณ์ เขาถึงกับก้มคำนับขออภัยเยี่ยเทียนเชียวหรือ? เรื่องนี้ถึงกับทำให้ความคิดของโจวเซี่ยวเทียนขัดข้องเลยทีเดียว
“อย่าเลยครับ ผมรับไม่ไหวหรอก!”
แม้เยี่ยเทียนจะอัดอั้นไปด้วยความโกรธ แต่ก็คาดไม่ถึงว่าซ่งเฮ่าเทียนจะแสดงท่าทางอย่างนี้ออกมา รีบเคลื่อนตัวหลบจากการคำนับของซ่งเฮ่าเทียน
ที่เยี่ยเทียนไม่รับน้ำใจครั้งนี้ แน่นอนว่ามีเหตุผลเรื่องสถานะของทั้งสองฝ่ายอยู่ภายใน แต่เขาเองก็ไม่อยากจะอภัยให้กับซ่งเฮ่าเทียนง่ายๆ อย่างนี้ด้วย ไม่อย่างนั้นด้วยสถานภาพของซ่งเฮ่าเทียน ต่อให้โมโหเดือดดาลยิ่งกว่านี้ ก็คงลบล้างไปได้ด้วยการคำนับเพียงครั้งเดียว
“เยี่ยเทียน เธอต้องการให้ฉันทำยังไง ถึงจะยอมยกโทษให้ฉัน?”
เห็นเยี่ยเทียนปัดผ่านการคำนับนี้ ซ่งเฮ่าเทียนเองจะยิ้มเจื่อนไม่หยุด เขาอายุปูนนี้แล้ว ลดตัวต่ำถึงขั้นนี้ แต่เยี่ยเทียนกลับยังไม่ยอมยกโทษให้ตัวเอง
แต่ว่าซ่งเฮ่าเทียนไม่เคยคาดคิดว่าตนเองสร้างความเจ็บช้ำให้กับเยี่ยเทียนอย่างร้ายกาจ เขาทำให้เด็กคนหนึ่งต้องสูญเสียแม่ไปตั้งแต่จำความได้ สูญสิ้นความรักของแม่
เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่า เยี่ยเทียนวัยเด็กที่ดูเหมือนเข้มแข็ง เคยฝันเห็นภาพของแม่ในความฝันนับครั้งไม่ถ้วน ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาน้ำตาล้วนเปียกหมอนจนชุ่ม เรื่องนี้สำหรับเด็กแล้ว เป็นเรื่องสุดแสนโหดร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย
ความโกรธแค้นหลายต่อหลายปี คิดจะใช้คำพูดประโยคเดียวหรือการโค้งคำนับเพื่อลบล้างให้หมดสิ้น คงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน อีกทั้งเมื่อเยี่ยเทียนเองก็ไม่ใช่คนใจกว้างอะไร ตลอดมาเขาเพียงยอมรับกฎภายในสำนักที่ว่าเมื่อคนมอบความเคารพเท่าหนึ่ง ย่อมตอบแทนกลับคืนเป็นสิบเท่า
“อดีตก่อเหตุอะไรไว้ วันนี้ได้รับผลเช่นนั้น คุณซ่ง สำหรับตัวผม ชีวิตนี้ไม่ขอข้องเกี่ยวใด ๆ กับคุณอีก”
เยี่ยเทียนส่ายหน้ากล่าวอย่างช้าๆ “ตระกูลซ่งของคุณจะมีอำนาจล้นฟ้าก็ดี จะร่ำรวยมหาศาลก็ช่าง แต่ไม่เกี่ยวกับผมแม้แต่นิดเดียว ส่วนเรื่องจะให้ผมอภัยให้คุณนั้น ไม่ต้องพูดอีกแล้ว!”
“เยี่ยเทียน ในอดีตที่ส่งเวยเวยไปต่างประเทศนั้น เป็นความผิดของฉันเอง เธอต้องการอะไรก็ขอให้พูดออกมาเถอะ”
ซ่งเฮ่าเทียนนึกไม่ถึงว่าเยี่ยเทียนจะเป็นคนดื้อรั้นถึงขนาดนี้ จึงถอนหายใจกล่าวว่า “ทรัพย์สินที่เวยเวยเคยก่อร่างสร้างเอาไว้ที่ต่างประเทศ ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลซ่งเท่าไหร่นัก เงินทองพวกนั้นให้เธอสืบทอดทั้งหมด แล้วตระกูลซ่งจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีกต่อไป!”
หากเทียบกับการลบล้างความโกรธแค้นในใจของเยี่ยเทียน ทรัพย์สินจำนวนหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเวลานี้ก็ไม่มีค่าอีกต่อไป ในอดีตซ่งเฮ่าเทียนเคยบริจาคอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลแก่ประเทศชาติเป็นจำนวนแสนล้าน จึงเห็นเงินทองเป็นแค่เพียงตัวเลขมานาน
อีกทั้งหลายปีมานี้ซ่งเฮ่าเทียนดูแลจัดการเศรษฐกิจภายในประเทศ และประเทศยิ่งใหญ่ที่มีประชากรนับพันล้านอย่างประเทศจีนนั้น อย่าว่าแต่หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเลย ต่อให้แสนล้านดอลลาร์สหรัฐก็ไม่อยู่ในสายตาเขา
“เงินเหรอ? ผมลืมไปเลย ว่าคนตระกูลซ่งชอบใช้เงินมาชั่งน้ำหนักกับความรู้สึก”
เยี่ยเทียนแค่นหัวเราะ “ตั้งแต่เล็กพ่อสอนผมว่าให้อาบเหงื่อของตัวเอง กินข้าวของตัวเอง เงินของคุณนายซ่งเป็นของเธอ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเช่นกัน!”
ด้วยความสามารถของเยี่ยเทียน อยากจะหาเงินนั้นง่ายเพียงแค่พลิกฝ่ามือ ทรัพย์สินวงศ์ตระกูลจะหมื่นล้านหรือแสนล้าน ความจริงแล้วก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ ก็แค่มีเลขศูนย์เพิ่มขึ้นอีกตัวบนบัญชีธนาคารก็เท่านั้น
“เธอ…เธอไม่ต้องการทรัพย์สมบัติพวกนั้นเหรอ? เธอรู้ไหมว่า นั่น…นั่นน่ะหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเชียวนะ!”
เมื่อเห็นสีหน้าของเยี่ยเทียนไม่ได้เสแสร้ง จึงทำให้ซ่งเฮ่าเทียนประหลาดใจขึ้นมาอย่างจริงจัง เขามีชีวิตอยู่มาเจ็ดถึงแปดสิบปี สามารถมองเรื่องใดๆ ได้ทะลุปรุโปร่ง แต่ว่าเยี่ยเทียนอายุเพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้น กลับสามารถมองข้ามชื่อเสียงเงินทองขั้นนี้ไปได้อย่างไรกัน?
เยี่ยเทียนมองซ่งเฮ่าเทียนเหมือนจะยิ้มได้แต่ไม่ยิ้ม แล้วเอ่ยปากว่า “ผมให้คุณสักสองสามหมื่นล้าน แล้วคุณซื้อแม่แท้ ๆ กลับมาให้ได้หรือเปล่าล่ะ?”
เมื่อคำพูดนี้ของเยี่ยเทียนเอ่ยออกไป พลันทำให้คนรอบข้างเบิ่งตาโต แต่เมื่อคิดถี่ถ้วนแล้ว คำพูดนี้รุนแรงทว่าไม่หยาบคาย เพราะเรื่องบางเรื่องก็ไม่อาจใช้เงินซื้อมาได้จริง ๆ
“ผมรู้ว่าคุณกังวลเรื่องอะไร ผมจะบอกอะไรให้”
บทสนทนาของซ่งเฮ่าเทียนตอนเข้าเรือนสี่ประสานมากับโก่วซินเจีย ในเวลานั้นก็ไม่ได้รอดพ้นไปจากหูเยี่ยเทียนเช่นกัน ท่าทีตอนนี้ที่เขามีต่อซ่งเฮ่าเทียนก็เป็นเพราะรู้อยู่แก่ใจ ว่าฝ่ายตรงข้ามกลัวว่าเขาจะทำลายฮวงจุ้ยของตระกูลซ่ง
“คุณซ่ง ความบาดหมางระหว่างตระกูลเยี่ยและซ่งสองตระกูล เหตุเกิดขึ้นกับอาของคุณ ในอดีตตระกูลซ่งถอนการตกลงเรื่องสินบนจากตระกูลเยี่ย บรรพบุรุษผมตกลงรับคำ แต่ภายหลังเมื่อเกิดเรื่องขึ้นคุณเองก็รู้ดี ว่าไม่ใช่บรรพบุรุษของผมไม่รักษาสัญญา แต่ว่าเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้!
แต่ว่าตระกูลซ่งของพวกคุณกลับเกลียดชังบรรพบุรุษตระกูลเยื่ยด้วยเหตุนี้ ตอกย้ำซ้ำเติมจนทำให้ตระกูลเยี่ยของผมตกต่ำมาจนถึงปัจจุบัน ล้วนมีเหตุจากความใจแคบของตระกูลซ่งอย่างพวกคุณ
ถ้าหากคิดถึงความบาดหมางระหว่างสองตระกูลเยี่ยและซ่ง ผมคงจะสลายพลังแผ่นดินของบรรพบุรุษคุณ ทำลาย ฮวงจุ้ยของตระกูลซ่งไปนานแล้ว คุณควรจะดีใจนะ ที่ให้กำเนิดลูกสาวดีๆ มาคนหนึ่ง!”
เยี่ยเทียนยกนิ้วชี้ขึ้นมา กล่าวว่า “ข้อแรก ความแข็งแกร่งของตระกูลซ่งมาจากชื่อเสียงของตระกูล ตีพิมพ์คำขอขมาต่อตระกูลเยี่ยบนหนังสือพิมพ์เกาะฮ่องกง จึงจะเป็นวิธีเดียวที่สามารถขจัดความบาดหมางร้อยปีจากตระกูลซ่งของพวกคุณได้!”
ความบาดหมางระหว่างเยี่ยเทียนและเยี่ยตงผิงที่มีต่อตระกูลซ่งนั้น เป็นเพียงเรื่องส่วนตัว แต่ตระกูลเยี่ยนั้นเริ่มถูกตระกูลซ่งบีบบังคับตั้งแต่ปี 1920-1930 ในศตวรรษนี้ ความเจ็บแค้นนี้…เยี่ยเทียนจำต้องระบายออกมา
“ข้อเรียกร้องนี้ฉันยอมรับ เธอยังมีเงื่อนไขอะไรอีก พูดออกมาให้หมดเลย!”
ซ่งเฮ่าเทียนพึมพำอยู่สักครู่ แล้วพยักหน้าตกปากรับคำ ครั้งนี้ที่เขามาเคาะประตูบ้านตระกูลเยี่ย เดิมทีก็เพื่อสะสางความบาดหมางระหว่างตระกูลเยี่ยและซ่งทั้งสองตระกูล
เยี่ยเทียนยกนิ้วขึ้นมาอีกหนึ่งนิ้ว กล่าวว่า “ข้อสอง ทรัพย์สมบัติของคุณนายซ่งเวยหลัน ผมจะไม่รับสืบทอด แต่ว่าคนในตระกูลซ่งก็ห้ามมีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน และทรัพย์สินส่วนนั้นจะต้องให้คุณนายซ่งจัดการด้วยตัวเอง ถ้าหากผมรู้ว่าพวกคุณใช้วิธีการใดแทรกแซงล่ะก็ อย่ามาโทษว่าผมยังอายุน้อยจนวู่วามกับเรื่องเล็กๆ ก็แล้วกัน!”
“ได้ ฉันรับปาก ต่อให้เวยเวยบริจาคเงินทั้งหมดนั้น ตระกูลซ่งก็จะไม่มีใครกล้าออกความเห็นแม้แต่ประโยคเดียว!” ได้ยินเงื่อนไขของเยี่ยเทียนแล้ว ในใจซ่งเฮ่าเทียนยังอดรู้สึกไร้สาระขึ้นมาไม่ได้
ด้วยสถานภาพผู้นำประเทศอันยิ่งใหญ่ของตน แต่ทำไมกลับต้องมาเจรจากับอันธพาลตัวเล็ก ๆ แห่งชิงปังเหมือนอย่างเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้เมื่อในอดีตด้วย? อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามจะทำอะไรก็ข่มขู่เขาได้ไปซะหมด!
……