บทที่ 412

เขาสิ้นหวังเหมือนชีวิตพังทลายลง ร้องไห้แล้วกล่าวว่า “ไม่! ผมจะไม่ไป! ผมไม่อยากไปขุดโสมในสถานที่ผีห่าบนภูเขาฉางไบ!”

หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่เย่เฉิน ก้มกราบแล้วกล่าวว่า “อาจารย์เย่ โปรดปล่อยผมไปเถอะ ผมเต็มใจที่จะออกจากประเทศจีนแล้วจะไม่กลับมาอีก จะไม่หาเรื่องเว่ยเลี่ยงอีก โปรดอย่าให้ผมไปภูเขาฉางไบเลย”

เย่เฉินไม่ให้โอกาสพวกเขาเลย และออกคำสั่งให้คนอื่น ๆ ในตระกูลเว่ยที่เหลือโดยตรงว่า “พวกคุณตระกูลเว่ยฟังผมให้ดี จากนี้เป็นต้นไป พวกคุณมีทางเลือกเพียงสองทาง คือให้ความร่วมมือในการทำงานกับเว่ยเลี่ยง เว่ยเลี่ยงสามารถรักษาผลประโยชน์ให้พวกคุณได้ หรือไม่ ก็ตามพวกเขาสองคนไปขุดโสมที่ภูเขาฉางไบ!”

พูดจบ เย่เฉินแสดงท่าทางเย็นชา เขาตะโกนว่า “ฉันจะให้เวลาพวกคุณสิบวินาที คิดให้ดีว่าจะตามใคร ถ้าตัดสินใจจะตามใครก็ไปยืนอยู่ข้างหลังเขา!”

เมื่อเย่ฉินพูดจบ คนของตระกูลเว่ยทุกคนก็เคลื่อนไหวขึ้นมาทันที

อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดแย่งชิงเพื่อเป็นคนแรก เพราะกลัวว่าตนเองจะรั้งท้าย โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทุกคนต่างไปยืนอยู่ข้างหลังเว่ยเลี่ยง

เว่ยหย่งเจิ้นและเหว่ยฉางหมิงโกรธแล้วด่าว่า “พวกแกมันไอ้คนอกตัญญู ไม่รู้คุณคน ตระกูลเว่ยของเราเลี้ยงพวกแกเสียข้าวสุกจริง ๆ!”

ทุกคนเพิกเฉยต่อคำด่าของสองพ่อลูกอย่างสิ้นเชิง เมื่อตกต่ำลงพวกที่ใกล้ชิดก็พากันตีจาก มิหนำซ้ำยังมีพวกที่ฉวยโอกาสซ้ำเติม สองพ่อลูกสูญเสียอำนาจแล้ว ถึงจะโง่อย่างไรก็ไม่ยืนอยู่ข้างพวกเขาแน่นอน ไม่มีใครอยากไปขุดโสมที่ภูเขาฉางไบตลอดชีวิต!

เว่ยฉางหมิงร้องไห้เสียงดัง ส่วนเว่ยหย่งเจิ้งที่อยู่ข้าง ๆ ร่างกายก็ชักกระตุกขึ้นมา

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์จบลงแล้ว เว่ยฉางหมิงได้มองไปที่เว่ยเลี่ยง ร้องไห้และขอร้องว่า “เลี่ยงจื่อ น้องชายที่แสนดีของพี่ แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้เกิดมาจากแม่เดียวกัน แต่เราก็มีพ่อคนเดียวกัน! เลือดครึ่งหนึ่งในร่างกายของเราเหมือนกัน คุณได้โปรดสงสารพี่ชายด้วยเถอะ ช่วยพี่ชายขอร้องอาจารย์เย่ ปล่อยพี่ไปเถอะ! จากนี้ไปตระกูลเว่ยจะเป็นของคุณ พี่ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ขอแค่อย่าส่งพี่ไปภูเขาฉางไบเท่านั้น!”

เว่ยเลี่ยงมองเขาอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “ผมจะไม่ทำเพื่อกากเดนอย่างคุณ ไม่ขัดแย้งคำตัดสินของอาจารย์เย่ ยิ่งไปกว่านั้นหลายปีที่ผ่านมา คุณไม่เคยเห็นผมเป็นน้องชาย คุณดูถูกผมมาหลายปี แล้วยังด่าและดูถูกแม่ของผมมาหลายปีเช่นกัน ผมเกลียดคุณจนเข้ากระดูกมานานแล้ว! วันนี้คุณมีจุดจบเช่นนี้ เป็นเพราะคุณทำตัวเอง ผมรู้สึกดีใจมากกว่า!”

เว่ยหย่งเจิ้งพูดอย่างสั่นๆว่า “เว่ยเลี่ยง ยังไงฉันก็เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของคุณ คุณทำแบบนี้กับพ่อตนเอง ไม่กลัวจะถูกฟ้าผ่าเหรอ?!”

“ไม่กลัว!” เว่ยเลี่ยงถามอย่างเย็นชาว่า “คุณนั่นแหละ คุณทำร้ายผู้หญิงมามากมาย และทรยศต่อเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองมากมาย คุณไม่กลัวกรรมตามสนองหรือ?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เว่ยเลี่ยงก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “ที่จริงแล้วคุณได้รับกรรมตามสนองอยู่แล้ว! คุณรู้อยู่แก่ใจว่า คุณสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่ปี แม้ว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น คุณอาจมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นไปอีกไม่กี่ปี ตามสภาพร่างกายของคุณ ยิ่งมีชีวิตอยู่มากขึ้นเท่าไหร่ ก็เท่ากับเวลาของความทุกข์ทรมานมากยิ่งขึ้นเท่านั้น นี่คือกรรมตามสนองของคุณ!”

“แก…….แก…….” เว่ยหย่งเจิ้งโกรธจนพูดอะไรไม่ออก เนื่องจากโกรธและสะเทือนใจ จึงทำให้เขาไอไม่หยุด

เย่เฉินกล่าวอย่างเรียบ ๆว่า “ให้เวลาพวกแกสองพ่อลูกเตรียมตัวหนึ่งชั่วโมง หลังจากหนึ่งชั่วโมง ผมจะจัดคนส่งพวกแกไปภูเขาฉางไบ!”

พูดจบ เขาก็โทรศัพท์หาท่านหงห้าทันที แล้วกล่าวว่า “หงห้า คุณจัดคนที่ฉลาดหลักแหลมมาสักสี่ห้าคน จัดรถมาสองคัน มาที่ตระกูลเว่ยเพื่อรับสองพ่อลูกตระกูลเว่ย แล้วส่งพวกเขาไปที่ภูเขาฉางไบ!”

ท่านหงห้าตอบทันทีว่า “ได้ครับ อาจารย์เย่ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”

เมื่อพูดจบ ท่านหงห้าก็ถามว่า “อาจารย์เย่ หลังจากพาพวกเขาไปส่งที่ภูเขาฉางไบแล้ว?”

เย่เฉินกล่าวต่อว่า “ส่งพวกเขาไปที่หมู่บ้านที่อยู่เชิงเขาของภูเขาฉางไบ หลังจากนั้น คุณซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ ที่แค่สามารถหลบลมฝนให้สองพ่อลูกชายอาศัยอยู่ และซื้อข้าวสาร น้ำมันและอาหารต่างๆ หลังจากนี้สองพ่อลูกจะเป็นคนของภูเขาฉางไบ และถึงแม้จะตายก็จะเป็นผีของภูเขาฉางไบ แม้ว่าจะเผาแล้วกระดูกเฒ่าถ่านก็ต้องฝังไว้ที่เชิงเขาของภูเขาฉางไบด้วย! เข้าใจไหม?”

ท่านหงห้าตอบว่า “อาจารย์เย่ หงห้าเข้าใจครับ!”