บทที่ 413

พ่อลูกตระกูลเว่ยนั่งร้องไห้อย่างขมขื่น จนถึงขณะนี้แล้ว พวกเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับ ที่จะไปรับชะตากรรมที่ภูเขาฉางไบ

เมื่อเห็นว่าพวกเขายังคงชักช้าอืดอาดอยู่ เย่เฉินจึงกล่าวเรียบ ๆว่า “แม้ว่าตอนนี้จะเป็นฤดูใบไม้ร่วง แต่ที่ภูเขาฉางไบก็หนาวมาก ถ้าพวกแกไม่เตรียมเสื้อผ้าหนา ๆ สำหรับฤดูหนาวไปด้วย ถึงที่นั่นหนาวจนป่วยหนาวจนตาย ก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวเอง”

เมื่อสองพ่อลูกได้ยินประโยคนี้ พวกเขาก็รู้ทันทีว่า หากเกิดล่าช้า และคนของหงห้ามาถึง พวกเขาจะต้องไปที่ภูเขาฉางไบตัวเปล่า

ดังนั้นสองพ่อลูกจึงมองหน้ากัน ลุกขึ้นด้วยความสิ้นหวัง ร้องไห้แล้วก้าวเดินไปที่ห้องของตนเอง เพื่อเก็บข้าวของ

ตอนนี้ ในใจของพวกเขาได้ละทิ้งการต่อต้านไปแล้ว เพราะความแข็งแกร่งที่เย่เฉินแสดงออกมานั้น มันเกินขอบเขตที่พวกเขาจะแบกรับได้

ตระกูลใหญ่ในเมืองจินหลิง ต่างก็เพิ่มเงินรางวัลเพื่อสังหารตนเอง หากยังไม่ไปอีก คงต้องตายในเมืองจินหลิงจริงๆ!

คนของตระกูลเว่ยที่เหลือหลบเลี่ยงพ่อลูกคู่นี้ แม้ว่าร่างกายของเว่ยหย่งเจิ้งจะไม่แข็งแรง เคลื่อนไหวไม่สะดวก แต่คนอื่น ๆ ก็ไม่ช่วยเหลือเขา ท้ายที่สุด เพราะไม่มีใครอยากล่วงเกินเว่ยเลี่ยงผู้นำคนใหม่ของตระกูลเว่ย ยิ่งไม่มีใครกล้าล่วงเกินคนที่มีอิทธิพลอย่างเย่เฉิน

ตอนที่สองพ่อลูกกำลังเก็บข้าวอยู่ ท่านหงห้าก็พาลูกน้องมาถึงแล้ว

รอบนี้ ท่านหงห้าจัดลูกน้องมาทั้งหมด 6 คน นำรถลาดตระเวนสามคันที่ประสิทธิภาพครอบคลุมทุกด้าน มีสมรรถนะสูงและแข็งแกร่ง มุ่งหน้าไปทางเหนือ ขับไปที่ภูเขาฉางไบโดยตรง

ระยะทางมากกว่าสองพันกิโลเมตร ไปที่นั่นต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองวัน

ลูกน้องหลายคนที่ท่านหงห้าจัดไว้ ล้วนเป็นผู้ที่มีความสามารถแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ขอแค่มี 6 คนนี้อยู่ สองพ่อลูกตระกูลเว่ยไม่มีโอกาสหลบหนีแน่นอน

แม้แต่เย่เฉินก็ยังรู้สึกว่าหากปล่อยให้พวกเขาไปเอง พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะหนี เพราะเมื่อพวกเขาหนี พวกเขาจะถูกไล่ฆ่าทุกเส้นทางของชีวิต ถึงตอนนั้นพวกเขาอาจจะไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้ สู้ไปขุดโสมที่ภูเขาฉางไบดีกว่า

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง สองพ่อลูกตระกูลเว่ยเก็บข้าวของได้สองกระเป๋าใหญ่ พวกเขานำกระเป๋ามาที่ห้องโถงด้วยสีหน้าที่สิ้นหวัง

เมื่อเย่เฉินเห็นเช่นนั้น จึงกล่าวว่า “โอเค คนและรถที่จะส่งพวกคุณไปทางตอนเหนือได้มาถึงแล้ว รีบขึ้นรถซะ จะได้ออกเดินทางเดี๋ยวนี้”

สองพ่อลูกได้แต่พยักหน้าอย่างสลดใจ หลังจากนั้นเขาก็ถูกลูกน้องของท่านหงห้าพาตัวไป

ตอนที่เดินออกจากบ้าน พวกเขาสองเดินหนึ่งก้าวแล้วก็เหลียวหลังไปมอง ถึงแม้ว่าจะมีความอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากไป แต่เวลานี้ยังไงพวกเขาก็ต้องออกไปจากที่นี่

เว่ยหย่งเจิ้งรู้สึกเสียใจที่สุด

หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก หลังจากที่เว่ยเลี่ยงสามารถแก้ไขวิกฤตได้แล้ว ตนเองก็จะทำตามสัญญาให้เว่ยเลี่ยงเป็นประธานบริษัท ถ้าเป็นเช่นนี้ เว่ยเลี่ยงไม่ไล่ตนเองไปอยู่ที่ภูเขาฉางไบอย่างแน่นอน

ดังนั้น ที่มีวันนี้ สุดท้ายก็คือตนเองเป็นคนทำเอง

เว่ยเลี่ยงเฝ้าดูเว่ยหย่งเจิ้งและเว่ยฉางหมิงขึ้นรถ เมื่อรถทั้งสามคันขับออกจากตระกูลเว่ย มุ่งหน้าไปภูเขาฉางไบ ซึ่งอยู่ห่างออกไปสองพันกว่ากิโลเมตร

จนกระทั่งขบวนรถหายไปจากสายตา ดวงตาทั้งคู่ของเขามีน้ำตาคลอเบ้า

ทันใดนั้น เขาก็ก้าวไปหาเย่เฉินโดยไม่กล่าวอะไร เขาคุกเข่าลงบนพื้นทันที แล้วก้มลงกราบสามครั้ง จากนั้นเงยหน้าขึ้น แล้วกล่าวว่า “ขอบคุณอาจารย์เย่ที่ช่วยเหลือ! ความฝันในชีวิตทั้งสองข้อก็เป็นจริงแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชีวิตของเว่ยเลี่ยง ก็จะเป็นของอาจารย์เย่ บริษัทผลิตยาเว่ยซื่อ ก็เป็นของอาจารย์เย่ ในชีวิตนี้เว่ยเลี่ยงจะฟังคำสั่งของคุณ! ขอแค่คุณสั่งมาว่าจะให้บุกน้ำลุยไฟที่ไหน หากผิดคำสัญญา ขอให้ถูกฟ้าผ่า!”

เย่เฉินยิ้มบาง ๆแล้วกล่าวว่า “เว่ยเลี่ยง นายเป็นคนกล้าหาญ และก็เป็นลูกกตัญญู สิ่งที่ขาดคือโอกาส ผมชื่นชมคุณ ดังนั้นผมเต็มใจที่จะช่วยเหลือคุณ แต่คุณต้องจำไว้ว่า คุณอย่าใช้ชีวิตแบบเดียวกันกับคนที่คุณเกลียด ถ้าหากในอนาคตผมรู้ว่าคุณเป็นเหมือนกับเว่ยหย่งเจิ้ง ผมจะฆ่าคุณด้วยตนเอง เข้าใจแล้วใช่ไหม?”

เว่ยเลี่ยงก้มลงกราบ ค้างไว้ชั่วขณะ แล้วกล่าวเสียงดังว่า “เว่ยเลี่ยงเข้าใจครับ! ถ้าหากในอนาคตเว่ยเลี่ยงเหมือนเว่ยหย่งเจิ้งแม้สักครึ่ง ผิดต่อคำสั่งของอาจารย์เย่ เว่ยเลี่ยงจะชดใช้ด้วยชีวิต!”