คนพวกนั้นล้วนมีฐานะที่ไม่ด้อยไปกว่าเฉินกั๋วเหลียงเลย!

หลังจากที่หายอึ้งแล้ว เฉินกั๋วเหลียงรีบลุกขึ้น พูดกับทุกคนอย่างเคร่งขรึม “ทุกคนตามฉันไปต้อนรับ!”

ในกลุ่มคน มีคนแอบคุยกัน

“ตระกูลมู่หรงแห่งเจียงหนาน ต้องมาเพราะพี่ตงซุ่นแน่เลย!”

“ใช่ ถ้าหากปีนี้พี่ตงซุ่นไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง คนของตระกูลมู่หรงแห่งเจียงหนานอาจจะไม่มา!”

เพียงแต่ว่า คนที่พูดมากมาโดยตลอดอย่างเฉินตงหวากลับเงียบ ในใจของเขานั้นรู้ดี แม้ว่าตอนนี้เฉินตงซุ่นจะเป็นหนึ่งในข้าราชการที่สำคัญ ดูเหมือนว่ามันไม่ได้อยู่ในสายตาของตระกูลมู่หรงเลย การมาของตระกูลมู่หรงในครั้งนี้ ไม่ได้มาเพราะเฉินตงซุ่นอย่างแน่นอน

เวลานี้ ในที่สุดเฉินโม่ก็ได้ลืมตาขึ้นมาแล้ว สีหน้าของเขาราบเรียบ เพียงแต่แววตากลับมีรอยยิ้ม

“คนพวกนี้ ช่างมีความตั้งใจเสียจริงๆเลย!” เฉินโม่แอบถอนหายใจในใจ

เฉินกั่วเหลียงยังไม่ทันพาคนออกไปต้อนรับ คนเหล่านั้นก็ได้ก้าวเข้าประตูมาแล้ว

หัวหน้าก็คือมู่หรงเค่อ ข้างกายมู่หรงเค่อ คือมู่หรงยานเอ๋อร์ที่น่ารักกำลังควงแขนของมู่หรงเค่ออยู่ เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดีอกดีใจ

ตั้งแต่ที่เฉินโม่ช่วยให้ตระกูลมู่หรงคลายวิกฤตแล้ว ข่าวก็ถูกแพร่กระจายออกไป ทุกคนต่างก็รู้ว่ามู่หรงเค่อนั้นมีลูกสาวที่น่ารักหนึ่งคน

ดังนั้น ชื่อเสียงบารมีของตระกูลมู่หรงก็เพิ่งสูงขึ้น ได้แซงตระกูลกู้ไปนานแล้ว

เมื่อก่อนคือกู้เฟิงแห่งเจียงเป่ย มู่หรงแห่งเจียงหนาน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าตระกูลมู่หรงใหญอยู่ตระกูลเดียว

ตระกูลเฉินก็ต้องรู้ข้อมูลนี้อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อได้ยินว่ามู่หรงเค่อมาด้วยตัวเอง เฉินกั๋วเหลียงนั้นให้ความสำคัญมาก จะพาสมาชิกทั้งหมดของตระกูลเฉินไปต้อนรับ

คนสองกลุ่มพบหน้ากัน มู่หรงเค่อและคนอื่นก็คารวะเฉินกั๋วเหลียงแล้วกล่าว “ผู้นำเฉิน คนรุ่นหลังมาสวัสดีปีใหม่คุณ!”

อายุของมู่หรงเค่อกับเฉินจิงเย่และคนอื่นใกล้เคียงกัน อยู่ต่อหน้าเฉินกั๋วเหลียง ก็เท่ากับเป็นคนรุ่นหลัง

อย่างไรก็ตาม เฉินกั๋วเหลียงก็ไม่กล้าที่จะชะล่าใจ เมื่อก่อนความแข็งแกร่งของตระกูลเฉินยังพอเทียบกับตระกูลมู่หรงได้ แต่ตอนนี้ ความแข็งแกร่งของตระกูลมู่แซงตระกูลเฉินไปนานแล้ว

“คุณมู่หรงมีน้ำใจแล้ว! เชิญเข้าไปก่อนเถอะ!” เฉินกั๋วเหลียงผายมือเชิญ แวกทางให้

“ผู้นำเฉินเชิญ!” มู่หรงเค่อกล่าวอย่างถ่อมตน

“ได้!” เฉินกั๋วเหลียงหันหลัง กลับเข้าไปนั่งในที่นั่งหลักของห้องโถง

ทุกคนนั่งลงแล้ว เฉินกั๋วเหลียงถามอย่างสงสัย “คุณมู่หรง ฉันของล่วงเฉินถามหน่อย ทุกท่านที่มาในวันนี้ คงไม่ได้มาสวัสดีปีใหม่ฉันใช่มั้ย?”

เฉินกั๋วเหลียงที่รู้ตัวเองดี ในคนพวกนี้ ฐานะของแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดา การที่จะมาสวัสดีในวันปีใหม่เขานั้น มันเป็นไปไม่ได้เลย

มู่หรงเค่อก็ไม่ได้อ้อมค้อม ยิ้มแล้วกล่าว “ผู้นำเฉิน ขอพูดอย่างไม่ปิดบัง พวกเรามาเพื่อสวัสดีปีใหม่คุณเฉินโดยเฉพาะ!”

คุณเฉิน! คุณเฉินอีกแล้ว!

เมื่อมู่หรงเค่อพูดคำนี้ออกมา ทุกคนในตระกูลเฉินก็มองสบตากันไปมา

“เป็นเช่นนี้จริงๆ!” เฉินตงหวาแววตาเป็นประกาย ก้าวออกมาถามคุณมู่หรง อยากจะถามว่าคุณเฉินคนนี้มีความสามารถอะไร ถึงทำให้คุณมู่หรงมาที่นี่ด้วยตัวเอง

สีหน้าของมู่หรงเค่อไม่เปลี่ยนเลย ยิ้มๆแล้วกล่าว “คุณเฉินคนนี้ ผมไม่มีสิทธิ์ในการประเมินคุณค่าของเขา เขาสำหรับพวกเราแล้ว เหมือนเทพเจ้าที่ดำรงอยู่!”

เฉินตงหวาขมวดคิ้ว มองสีหน้าของมู่หรงเค่อไม่ใช่พูดเพื่อขอไปที แต่คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่ามันเป็นคำพูดที่ฉาบฉวย

อีกอย่างคนสามารถทำให้มู่หรงเค่อพูดแบบนี้ เฉินตงหวารู้สึกว่าต่อให้เป็นตระกูลใหญ่ทั้งหกของยานจิงก็ยังทำไม่ได้!

“คุณมู่หรงพูดเล่นแล้ว ตระกูลเฉินของเรามีคนแบบนี้ที่ไหนกัน”เฉินตงหวายิ้มอย่างอายๆ

มู่หรงเค่อยิ้มแต่ไม่พูด สายตามองไปทางตำแหน่งที่เฉินโม่นั่งอยู่ สำหรับมู่หรงยานเอ๋อร์ หัวใจได้ลอยไปหาเฉินโม่นานแล้ว ตั้งแต่เข้ามาในห้องโถง ดวงตาคู่สวย ก็ไม่เคยละจากร่างของเฉินโม่เลย

มู่หรงเค่อยืนขึ้น ค่อยๆเดินไป

“นี่..คงไม่ใช่ไปหาเฉินจิงเย่อีกนะ?” เฉินตงเยว่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยและตื่นเต้น

“ฉันว่าใช่แปดสิบเปอร์เซ็นต์” เฉินฉงซานกล่าว

มองมู่หรงเค่อที่ใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ ค่อยๆเดินเข้ามาหาตัวเอง เฉินจงเย่ก็เริ่มตกใจ “เป็นไปไม่ได้มั้ง ฉันไม่เคยรู้จักคุณมู่หรงคนนี้มาก่อน เขาไม่มีทางมาเพราะฉันอย่างแน่นอน”