แต่ว่าฝีเท้าของมู่หรงเค่อ เมื่อเดินมาถึงตรงหน้าของเฉินจิงเย่ก็ได้หยุดลง “โค้งคำนับแล้วกล่าว คุณเฉิน ผมมู่หรงเค่อมาสวัสดีปีใหม่คุณ!”

เฉินจิงเย่และภรรยาลุกขึ้นอย่างรีบร้อน เฉินจิงเย่เดินไปพยุงมู่หรงเค่อให้ยืนตัวตรง “คุณมู่หรง ทำแบบนี้ไม่ได้ รีบขึ้นมาเถอะ!”

มู่หรงเค่อหันหน้ามา มองเฉินจิงเย่แล้วกล่าว “คุณท่านเฉิน คุณเฉินนั้นมีบุญคุณอันใหญ่หลวงต่อตระกูลมู่หรงของผม อยากว่าแค่ไหว้เลย ต่อให้ตระกูลมู่หรงมาทั้งตระกูล คุณเฉินก็คู่ครว!”

เฉินจิงเย่อึ้งไปเลย มองมู่หรงเค่ออย่างสงสัย “คุณมู่หรง เมื่อกี้คุณเรียกผมว่าไงนะ?”

มู่หรงเค่อมองเฉินจิงเย่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เหมือนจะเข้าใจ กล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง “คุณท่านเฉิน!”

เฉินจิงเย่มองมู่หรงเค่ออย่างเหลือเชื่อ “คุณเรียกผมว่าคุณท่านเฉิน งั้นคุณเฉินที่คุณเรียก……..”

สายตาของเฉินจิงเย่ มองไปยังเฉินโม่ที่อยู่ด้านหลังอย่างสหยดสยอง

เฉินตงหวาและคนอื่นๆ ก็มองเฉินโม่อย่างสหยดสยอง

เฉินกั๋วเหลียงและคนอื่นๆ ก็มองเฉินโม่อย่างสหยดสยอง

สายตาของทุกคนในตระกูลเฉิน ต่างมองเฉินโม่อย่างสหยดสยอง

มู่หรงเค่อพยักหน้า กล่าวอย่างจริงจัง “ใช่แล้ว คุณเฉินก็คือลูกชายของคุณ!”

เฉินโม่มองเฉินจิงเย่ ใบหน้ามีรอยยิ้มจางๆ เกาหัวอย่างเขินอาย “พ่อครับ เรื่องบางเรื่องผมจะบอกพ่อในภายหลัง”

เฉินจิงเย่ที่ใบหน้าเดี๋ยวแดง เดี๋ยวเขียว ในใจว้าวุ่น มีคำพูดเป็นหมื่นคำที่อยากจะถามเฉินโม่ แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มถามยังไง

สุดท้าย ความสงสัยทั้งหมดได้กลายเป็นคำพูดประโยชน์หนึ่ง “เด็กน้อย ยังไม่รีบลุกขึ้น!”

เฉินโม่ยิ้มอย่างอายๆ ลุกขึ้นมองไปยังมู่หรงเค่อและคนอื่นๆ “ขึ้นมาเถอะ พวกคุณมีน้ำใจแล้ว!”

เมื่อได้ยินเฉินโม่พูด ในที่สุดมู่หรงยายเอ๋อร์ก็ทนไม่ไหวแล้ว วิ่งเข้าไปจับแขนของเฉินโม่อย่างสนิทสนม ยิ้มอย่างสดใส “พี่เฉินโม่ คิดไม่ถึงพวกเราจะมาใช่มั้ย?”

เฉินโม่ยิ้มแล้วกล่าว “คิดไม่ถึงจริงๆ”

“แฮ่ม! ยานเอ๋อร์ อย่าเสียมารยาท!” กลับมา มู่หรงเค่อตำหนิเบาๆ

มู่หรงยายเอ๋อร์มองมู่หรงเค่ออย่างไม่เต็มใจ “ไม่ หนูจะอยู่กับพี่เฉินโม่!”

ทุกคนในตระกูลเฉินต่างมองหน้ากัน เมื่อมองดูท่าทีของมู่หรงยานเอ๋อร์แล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา

หรือว่าการที่เฉินโม่ปฏิเสธการแต่งงานของตระกูลเอียน ก็เพราะคุณหนูใหญ่ของตระกูลมู่หรง?

อย่างไรก็ตาม คนพวกนี้ทำไมถึงได้เคารพเฉินโม่ขนาดนี้? เฉินโม่ไปทำอะไรมาเหรอ?

คนในตระกูลเฉินคาดเดากันตั้งแต่รุ่นใหญ่ยังรุ่นเล็ก

มู่หรงเค่อกับจินโจงรุ่นและคนอื่นๆ เอาของขวัญวางไว้ที่ข้างกายของเฉินจิงเย่ พวกเขานั้นไม่เหมือนฉู่เหวินสงกับเจียจิ้งอาน หาข้ออ้างแล้วก็ไป แต่ได้อยู่ต่อ แล้วนั่งลงข้างกายของเฉินจิงเย่

เฉินจิงเย่มีคำถามมากมาย แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุดก็คือทำไมมู่หรงเค่อและคนเหล่านี้ถึงเคารพเฉินโม่ขนาดนี้?

แต่ว่าเฉินจิงเย่ถามไปหลายคน กลับไม่มีใครให้คำตอบที่แน่ชัดกับเขาเลย ตั้งแต่มู่หรงเค่อถึงเซวียเชียนเหอเอาแต่ยิ้มและพูดปัด ไม่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นรูปธรรมอะไรเลย

เฉินตงหวาและคนอื่นๆรอฟังอย่างหูตั้ง ผลสุดท้ายไม่ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์อะไรเลย

ตอนนี้ ครอบครัวของเฉินจิงเย่เดิมทีที่โดดเดี่ยวเดียวดาย กลับกลายเป็นคนที่มีชีวิตชีวาที่สุดในห้องโถง แขกทั้งหมดของตระกูลเฉินรวมกันแล้ว ยังสู้แขกของเฉินจิงเย่คนเดียวไม่ได้

เฉินฉงซานถามอย่างอิจฉา “เมื่อกี้เรายังเยาะเย้ยเฉินจิงเย่อยู่เลย สุดท้ายตอนนี้………”

เฉินตงเยว่ถอนหายใจ “ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เขามีลูกชายที่ดีละ?”

ทุกคนในตระกูลเฉินมองเฉินจิงเย่คุยสนุกสนานกับคนมีอิทธิพลพวกนี้ ในใจก็อิจฉา อยากที่จะนั่งแทนเฉินจิงเย่ ต้องรู้ว่าคนในกลุ่มมู่หรงเค่อ แค่ใครคนใดคนหนึ่งล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลที่มีอำนาจบารมี