ซูจิ่นซีกำลังอับจนหนทาง ทันใดนั้น น้ำเสียงเบิกบานใจและคุ้นเคยก็ดังขึ้น
“แม่นางพิษน้อย หากไม่รู้ก็ถามข้าได้! พี่จุนรู้! ”
เมื่อสิ้นเสียงพูด อู๋จุนในชุดสีแดงที่งดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พลันเหาะเข้ามาดั่งดอกท้อที่บานสะพรั่งและร่อนลงเบื้องหน้าซูจิ่นซี
“แม่นางพิษน้อย พี่จุนพูดแล้วว่าหากกำจัดถังเสวี่ย เด็กน้อยผู้นั้นเรียบร้อยแล้วจะกลับมาหาเจ้า ครั้งนี้ข้ากลับมาหาเจ้าตามคำสัญญา! เจ้าจะตกรางวัลให้พี่จุนอย่างไร? ”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของอู๋จุน ฝ่ามือพิฆาตเย็นยะเยือกของเยี่ยโยวเหยาก็โจมตีไปที่เขาทันที
เช่นนั้น อู๋จุนคนทะเล้นจะมีเวลาให้พูดจาไร้สาระได้อย่างไร?
เขาหลบการโจมตีของเยี่ยโยวเหยา ทว่ายังถูกฝ่ามือของเยี่ยโยวเหยาซัดเข้าอย่างจัง จนกระเด็นออกไปนอกประตู
ซูจิ่นซีพูดเสียงเข้ม “เยี่ยโยวเหยา ท่านทำอันใด? ”
เยี่ยโยวเหยาชักสีหน้าเย็นชา พลางไพล่สองมือไว้ด้านหลัง “ผู้ที่คิดหยอกเย้าสตรีของข้า ต้องตาย! ”
ซูจิ่นซีกุมขมับอย่างช่วยไม่ได้ “เขารู้จักวัสดุของอาคมกำไลปี่อั้น! ”
ท่านตบเขาจนกระเด็นเช่นนี้ จะทราบคำตอบจากปากเขาได้อย่างไร?
โดยไม่คาดคิด เยี่ยโยวเหยากลับไม่สนใจแม้แต่น้อย ทั้งใบหน้ายังปรากฏความเย็นชาสุดขีด “ต่อให้เขารู้ก็ไม่ได้! ”
ซูจิ่นซีอยากจะพุ่งชนกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด
“โยวอ๋อง ท่านอย่าดื้อรั้นนักเลย! โลกใบนี้มีผู้คนอยู่มากมาย ท่านคิดว่าทุกคนจะเป็นเหมือนท่านที่ทั้งหยิ่งยโส บ้าอำนาจ โหดร้าย บ้าคลั่ง อยากขัดใจผู้ใดก็ขัดใจได้ เช่นนั้นหรือ? ”
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าดวงตายังฉายแววดุดันโหดเหี้ยม เขาเดินตามหลังซูจิ่นซีไปหาอู๋จุนที่ถูกซัดกระเด็นออกไป
ครึ่งชั่วยามต่อมา ในจวนโยวอ๋อง
ห้องปีกข้างในเรือนชิงโยว มีอู๋จุนที่ใบหน้าเขียวช้ำนอนตะแคงอยู่บนเตียง
“แม่นางพิษน้อย พี่จุนหิวแล้ว! ”
ซูจิ่นซีส่งสายตาให้ลวี่หลี นางจึงรีบนำขนมมาวางตรงหน้าอู๋จุน
อู๋จุนหยิบเข้าปากหนึ่งชิ้น พลางเคี้ยวอย่างมีความสุข
“อืม รสชาติไม่เลว ทว่า… ยังแย่กว่าที่แม่นางพิษน้อยทำอยู่เล็กน้อย! แม่นางพิษน้อย พี่จุนอยากทานขนมที่เจ้าเป็นคนทำ”
ซูจิ่นซียืนกอดอกด้วยใบหน้าเย็นชาอยู่ด้านข้าง เห็นได้ชัดว่านางไม่อยากสนใจอู๋จุน
ทว่าลวี่หลีกลับรู้สึกประหม่า
นางเหลือบมองซูจิ่นซีที่แสดงท่าทางเอือมระอา และเหลือบมองเยี่ยโยวเหยาที่นั่งจิบชาอยู่ที่โต๊ะหินด้านนอกอย่างระมัดระวัง สุดท้าย สายตาของนางก็หยุดลงบนใบหน้าของอู๋จุน หัวคิ้วพลันขมวดมุ่น
ไม่พูดไร้สาระได้หรือไม่?
แม้แต่ท่านอ๋องยังไม่เคยทานขนมที่คุณหนูทำเลย แล้วท่านที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใด เคยทานตั้งแต่เมื่อไร?
จะพูดจาไร้สาระก็ไม่เป็นอันใด ทว่าพูดจาไร้สาระเสียงดังให้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ด้านนอกได้ยิน ท่านไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?
ท่านไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ก็ไม่เป็นอันใด แต่อย่าลากคุณหนูของพวกเรามาเกี่ยวด้วยสิ!
หากท่านอ๋องเชื่อคำพูดของท่าน คุณหนูจะต้องตายอย่างอนาถเป็นแน่!
ไม่สิ ท่านอ๋องไม่มีทางปล่อยให้คุณหนูตาย ท่านอ๋องจะทำให้คุณหนูอยู่อย่างทรมาน จะตายก็ไม่ได้
เมื่อนึกถึงตอนที่ท่านอ๋องเคย ‘ลงโทษ’ คุณหนูจนลุกจากเตียงไม่ได้สองสามวัน ลวี่หลีก็รู้สึกสันหลังเย็นวาบแทนคุณหนู
นางเป็นห่วงซูจิ่นซีจริงๆ !
อย่างไรก็ตาม อู๋จุนไม่ได้สนใจท่าทีของลวี่หลีแม้แต่น้อย ทั้งเขายังไม่รู้เรื่องอันใด!
“แม่นางพิษน้อย พี่จุนกระหายน้ำ! ”
ซูจิ่นซีส่งสายตาอีกครั้ง ลวี่หลีรีบวางจานขนมในมือและรินน้ำชายื่นให้อู๋จุน
อู๋จุนดื่มไปได้อึกเดียวก็พ่นออกมา “นี่มันคืออันใด? ใช่ชาแน่หรือ? แม่นางพิษน้อย พี่จุนอยากดื่มชาเข็มเงินจวินซานที่เจ้าชงด้วยตนเอง! ”
ซูจิ่นซีกัดฟันอย่างเอือมระอา ทว่านางยังคงเดินไปที่โต๊ะเพื่อชงชา และยื่นให้อู๋จุนด้วยตนเอง
อู๋จุนรับชามาดื่มอึกหนึ่ง โดยไม่ได้สนใจว่ามันคือชาเข็มเงินจวินซานอย่างที่เขาจงใจตะโกนออกมาเสียงดังหรือไม่
“แม่นางพิษน้อยชงชาได้อร่อยยิ่งนัก ความเข้มข้นของชาเปรียบดั่งมิตรภาพของเจ้ากับพี่จุน แม่นางพิษน้อย เจ้าดีกับพี่จุนจริงๆ ข้ารักเจ้าที่สุด! ”
ลวี่หลีเหลือบมองออกไปด้านนอกด้วยร่างกายสั่นเทา และพบว่าใบหน้าของท่านอ๋องดำทะมึนยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
เม็ดเหงื่อของนางผุดขึ้นมาแทนอู๋จุนและซูจิ่นซี
“แม่นางพิษน้อย พี่จุนเจ็บไหล่ เจ้านวดให้พี่จุนได้หรือไม่! ”
ให้ตายเถิด!
ลวี่หลีไม่อาจยืนหยัดได้อีกต่อไป เท้าของนางสั่นเทาไม่หยุด นางส่งสัญญาณบอกซูจิ่นซีว่าใบหน้าของท่านอ๋องดุดันอย่างมาก ทั้งยังส่งสัญญาณบอกให้อู๋จุนพอได้แล้ว
น่าเสียดายที่อู๋จุนไม่แม้แต่จะมองลวี่หลี ส่วนซูจิ่นซียิ่งมองไม่เห็น เพราะใบหน้าของนางดำทะมึนยิ่งกว่าเยี่ยโยวเหยาเสียอีก
ซูจิ่นซีส่งสัญญาณให้ลวี่หลีลงมือนวดแทน ทว่าอู๋จุนปฏิเสธทันทีที่ลวี่หลีก้าวไปข้างหน้า
“แม่นางพิษน้อย พี่จุนอยากให้เจ้าช่วยนวด! ”
ซูจิ่นซีกัดฟันกรอด นางเดินไปยืนด้านข้างอู๋จุน และกำหมัดต่อยไปที่ไหล่ของอู๋จุนทีละหมัดเหมือนกำลังทุบเนื้อหมู
แต่ปรากฏว่าบางคนบนโลกนี้ แม้จะกลืนเข็ม ทว่าเข็มนั้นก็ยังมีรสชาติของรังนกและหอยเป๋าฮื้อ
ใบหน้าอู๋จุนดูมีความสุข เขาตั้งใจแหกปากตะโกนไปทางด้านนอก “แม่นางพิษน้อย ข้ารู้ดีว่าเจ้าดีกับข้าที่สุด! อืม… สบาย… สบายจริงๆ ลงล่างหน่อย ลงล่างอีกนิด! ใช่ แบบนั้น ลงล่างอีกนิด! ”
มุมปากของซูจิ่นซีกระตุกอย่างแรง นางประทับหมัดลงบนใบหน้าของเขาได้หรือไม่?
ช่างไร้ยางอาย ไร้ยางอายที่สุด!
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ซูจิ่นซีจะมีเวลาให้ครุ่นคิดเรื่องอื่น นางก็รู้สึกได้ถึงลมเย็นยะเยือกที่ข้างใบหู ทันใดนั้น การโจมตีอันดุดันและคุ้นเคยก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ไม่ต้องหันไปมอง ซูจิ่นซีก็รู้ได้ทันทีว่าทางด้านหลังของนางเกิดอันใดขึ้น
ก่อนที่เงาร่างดำทะมึนของเยี่ยโยวเหยาจะปรากฏเบื้องหน้า ซูจิ่นซีก็คว้าคออู๋จุน นางกัดฟันกรอดและพูดว่า “อู๋จุน เจ้าพอได้แล้ว! ”
คำพูดที่กำลังจะออกจากปากพลันติดอยู่ที่คอ ใบหน้าของอู๋จุนเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที
ขณะเดียวกัน เยี่ยโยวเหยาที่มีวิชายุทธจิ่วเซียวขั้นเจ็ดก็เตรียมพร้อมโจมตีอย่างเต็มกำลัง เพียงซัดพลังไปยังร่างของอู๋จุน เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ซูจิ่นซีรับรู้ได้ถึงพลังฝ่ามือดุดันทางข้างหลัง มือที่บีบคออู๋จุนออกแรงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เล็บยาวจมลงไปในลำคอของอู๋จุนจนเลือดไหลซึม
ในเวลาเดียวกัน ซูจิ่นซีบดบังร่างของอู๋จุนเอาไว้เพื่อขวางฝ่ามือพิฆาตของเยี่ยโยวเหยา นางปกป้องร่างของอู๋จุนโดยไม่ตั้งใจ
ฝ่ามือพิฆาตของเยี่ยโยวเหยาไม่อาจฟาดลงมาที่ร่างของซูจิ่นซีได้
เมื่อตระหนักได้ว่าเป้าหมายไม่ถูกต้อง เยี่ยโยวเหยาจึงเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ และซัดฝ่ามือไปที่กำแพงด้านข้างอย่างแรง
‘ครืน’ เกิดเสียงดังสนั่น กำแพงตรงหน้าพังทลาย
ตามมาด้วยเสียงดังกึกก้อง หลังคาครึ่งหนึ่งพลันถล่มลงมา
ฝุ่นฟุ้งกระจายตลบอบอวล ซูจิ่นซีค่อยๆ หลับตาพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ลวี่หลีที่อยู่ด้านข้างตกใจกลัวจนขาอ่อนล้มลงกับพื้น