เฉินเข่อซินสีหน้าดูแย่เล็กน้อย “ถ้าหากฉันไม่ทอดทิ้งนาย บางทีเกียรติยศในวันนี้คงมีของฉันอยู่ครึ่งหนึ่ง!”

สายตาของเฉินเข่อซิน ก็ได้มองไปยังเฉินเข่อเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างทันที อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเจื่อนๆ “บางทีสายตาของเข่อเอ๋อร์ถึงจะแหลมคมที่สุดละมั้ง!”

มู่หรงเค่อคารวะเฉินกั๋วเหลียงยิ้มแล้วกล่าว “ผู้นำเฉิน ตระกูลเฉินมีคุณเฉินอยู่ ฐานะของตระกูลเฉินจะขึ้นสู่ที่สูงสุดในไม่ช้า เมื่อถึงเวลานั้นหวังว่าผู้นำเฉินจะช่วยดูแลพวกเราด้วย”

เฉินกั๋วเหลียงมองมู่หรงยานเอ๋อร์ที่กำลังพูดคุยกับเฉินโม่ แม้ในใจจะมีความสงสัยอยู่ แต่ใบหน้ากลับมีสีหน้าที่ปลาบปลื้มใจจนเก็บซ่อนไว้ไม่อยู่

“คุณมู่หรงล้อเล่นแล้ว วันนี้ตระกูลมู่หรงกำลังสูงเฉียดฟ้า เป็นตระกูลเฉินต่างหากที่ต้องการการสนับสนุนจากตระกูลมู่หรง” เฉินกั๋วเหลียงยิ้มในขณะที่พูด

มู่หรงเค่อก็ไม่ได้ปกปิด แล้วกล่าว “ผู้นำเฉินคงไม่รู้ ที่ตระกูลมู่หรงของผมมีวันนี้ ล้วนอาศัยชื่อของคุณเฉิน และวันนี้คุณเฉินก็ได้กลับมาที่ตระกูลเฉินแล้ว ขอเพียงคุณเฉินสั่งการ ตระกูลมู่หรงของผมจะติดตามการนำของตระกูลเฉินอย่างแน่นอน!”

คำพูดเดียวของมู่หรงเค่อ ทำให้คนของตระกูลเฉินที่อยู่ในห้องถึงตะลึงอีกครั้ง

เฉินตงหวาและคนอื่นมองหน้ากัน

เฉินฉงซานถอนหายใจ “ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย ตระกูลมู่หรงจะเป็นผู้ตามของตระกูลเฉินเรา? นี่ นี่…….”

คำพูดที่เหลือ เฉินฉงซานที่ใจเต้นรัวจนไม่รู้ว่าควรจะพูดมันออกมายังไง

เฉินตงหว่าและเฉินตงเยว่ทั้งสองก็ตื่นเต้นเช่นกัน พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเพื่อแสดงความตกใจในขณะนี้

แม้แต่เฉินกั๋วเหลียงก็มีความรู้สึกเหมือนกับพวกเขา มองมู่หรงเค่ออย่างอึ้งไปครู่หนึ่ง

“คุณมู่หรงล้อเล่นแล้ว ตระกูลเฉินของเรารับไม่ไหว!”

คุณท่านจินหัวเราะร่า “ผู้นำเฉินไม่จำเป็นต้องถ่อมตน ไม่เพียงแต่ตระกูลมู่หรง ขอเพียงคุณเฉินออกคำสั่ง ตระกูลจิงแห่งฮ่านหยางก็ยินดีที่จะเป็นผู้ตามของตระกูลเฉินเช่นกัน!”

ผู้มีอิทธิพลของไห่ซีเสิ่นฉีเซิ่งกับกู้เฟิงแห่งเจียงเป่ยก็คารวะกล่าว “พวกเราก็เช่นกัน!”

เฉินกั๋วเหลียงตื่นเต้นจนมือสั่นไปทั้งสองข้าง มองผู้มีอิทธิพลทั้งหลายจนพูดไม่ออกเป็นเวลานาน

สมาชิกของตระกูลเฉินต่างก็ตื่นเต้น เฉินฉงซานก็พูดอย่างตื่นเต้น “เจียงเป่ย เจียงหนาน หูซี และฮ่านหยาง ผู้มีอิทธิพลทั้งสี่คนนี้ พวกเขาทั้งหมดจะเป็นผู้ติดตามของตระกูลเฉินเรา ตระกูลเฉินของเรา ยังไม่ได้รับเกียรติที่พิเศษแบบนี้มาก่อน!”

สามารถกลายเป็นผู้มีอิทธิพล ก็ต้องเป็นบุคคลที่อำนาจทางการเมืองและทางธุรกิจ เมื่อเทียบกับตระกูลเฉินในวันนี้ ยังไงก็เหนือกว่ามาก แต่ว่าผู้มีอิทธิพลทั้งสี่ประกาศจะเป็นผู้ตามของตระกูลเฉิน คนในตระกูลเฉินต่างตกใจอย่างคาดคิดไม่ถึง!

ไม่แปลกใจที่แม้แต่เฉินกั๋วเหลียงก็ยังเสียอาการเลย สำหรับเฉินจิงเย่นั้นอึ้งไปนานแล้ว ตกตะลึงจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

เมื่อทุกคนสงบลงแล้ว ดูเหมือนทุกคนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ทันที สายตาของทุกคนก็ได้จ้องมองไปทางเฉินโม่ในทันที

คนที่ทำให้ตระกูลเฉินได้รับเกียรติที่พิเศษเช่นนี้ ก็คือคนหนุ่มที่ถูกตระกูลเฉินดูถูกมาโดยตลอด

เฉินธงที่ยืนอยู่ด้านหลังของเฉินตงซุ่น หัวเราะเจื่อนๆแล้วกล่าว “พวกเราเรียกเขาว่าคนไร้ประโยชน์ ถ้าหากเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ แล้วพวกเรานั้นคืออะไร?”

“คนไร้ประโยชน์ก็ยังเทียบไม่ได้เหรอ?”

“ฉันที่มีฉายาสมาชิกอันดับหนึ่งของรุ่นสาม ช่างน่าขำสิ้นดี!”

เวลานี้ เสียงที่ก้องกังวานของเฉินเข่อเอ๋อร์ก็ดังขึ้นอย่างไม่ถูกที่ถูกเวลา “หนูก็บอกแต่แรกแล้ว พี่เฉินโม่ก็คือคุณเฉิน พวกคุณไม่มีใครเชื่อ ตอนนี้เชื่อแล้วใช่มั้ย?”

เฉินเข่อเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่งดงามแฝงไว้ด้วยความภาคภูมิใจ กวาดสายตามองไปยังทุกคน เผยให้เห็นถึงความดีใจที่คนอื่นไม่เชื่อเธอ

เฉินกั๋วเหลียง เฉินกั๋วต้งและเฉินกั๋วจงทั้งสามคนคือผู้อาวุโสที่ใหญ่ที่สุดของเขาตระกูลเฉิน ใบหน้าแก่มีความแดง พวกเขาคือคนที่ถามเฉินเข่อเอ๋อร์ในตอนแรก แต่คำตอบที่เฉินเข่อเอ๋อร์พูดออกมาไม่มีใครเชื่อเลย นึกว่าเฉินเข่อคุยโว ตอนนี้ถูกความจริงตบหน้าต่อหน้าคนมากมาย ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสามท่านของตระกูลเฉินก็เสียหน้าไปด้วย