บทที่ 666 เยว่เว่ยหยางที่เปลี่ยนไป

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ริมฝีปากของเด็กสาวเป็นเหมือนชนวนที่จุดให้ร่างกายของหลินเป่ยเฉินลุกเป็นไฟ

เด็กหนุ่มถูกความปรารถนาแรงกล้ากลืนกินอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ไม่นะ…”

“มันไม่ถูกต้อง”

“มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ”

ดวงตาที่แดงก่ำของหลินเป่ยเฉินบอกชัดว่าเขาพยายามควบคุมตัวเองเต็มที่

ไม่ว่าเขาจะมีนิสัยต่ำช้าขนาดไหน แต่ครั้งนี้ หลินเป่ยเฉินไม่มีทางปล่อยตัวปล่อยใจเด็ดขาด

แม้แต่บัดนี้ ลึกๆ ในใจของหลินเป่ยเฉินก็ยังไม่อยากให้มีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่ความปรารถนาในร่างกายกลับกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง เด็กหนุ่มจึงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกแล้ว

มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?

หรือว่าจะเป็นเพราะ…

นักพรตใหญ่หลงเยว่!

ในขณะที่สติเลือนรางลงไปทุกที หลินเป่ยเฉินก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว

ก่อนที่นักพรตใหญ่หลงเยว่จะกลับออกไปจากสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ นางได้แอบปล่อยพลังบางอย่างเอาไว้ เพื่อดึงดูดตัวเขากับเยว่เว่ยหยางเข้าหากัน… ต้องเป็นเพราะพลังศักดิ์สิทธิ์ในอากาศที่ลอยเข้ามาในร่างของพวกเขาแน่ๆ เหตุการณ์ถึงกลับกลายเป็นเช่นนี้

นี่มัน… ไม่ต่างจากถูกวางยาเลยนะ?

ระหว่างที่หลินเป่ยเฉินมีความคิดวุ่นวายอยู่ในหัวสมอง ริมฝีปากของเยว่เว่ยหยางก็จูบลงมาบนเรียวปากของเขาแล้ว

ลมหายใจของนางช่างหอมหวาน

เสียงครางในลำคอไม่ได้แผ่วเบาอีกแล้ว แต่มันกลับดังออกมาอย่างชัดเจน

ทันใดนั้น พลังลมปราณในร่างกายหลินเป่ยเฉินก็ปั่นป่วนแปรปรวน

เด็กหนุ่มถูกถาโถมด้วยความรู้สึกชาดิกและเปียกชุ่ม

ลิ้นสีชมพูสอดลอดผ่านเข้ามาในปากของเขา

สุดท้าย หลินเป่ยเฉินก็ไม่สามารถต้านทานแรงปรารถนาได้อีกแล้ว

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาหลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันพร่ามัวไปหมด ไม่ต่างจากตอนที่เขาอยู่บนโลกมนุษย์ใบเก่า และดื่มสุราอย่างหนักจนมึนเมามากเกินไป

ทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุม

พัวพันรัดแน่น

กระแทกกระทั้นหนักหน่วง

หลินเป่ยเฉินไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เขาถึงกลับมาได้สติอีกครั้ง

แต่ร่างกายของเขายังคงเคลื่อนไหวโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป

แม้เด็กหนุ่มจะกลับมามีสติชัดเจนแล้วก็ตาม

เขาเพียงรู้สึกว่าพลังปราณธาตุไม้และพลังปราณธาตุดินถูกดูดซับออกไปหมดสิ้น ไม่ว่าพยายามเหนี่ยวรั้งสักเท่าไหร่ หลินเป่ยเฉินก็ไม่สามารถหยุดยั้งการไหลออกไปของพลังปราณธาตุเหล่านั้นได้เลย

หลินเป่ยเฉินเวียนหัวไม่ต่างจากขึ้นรถไฟเหาะตีลังกา

แล้วพลังลมปราณที่อยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับ 2 ก็ถูกดูดซับออกไปด้วยเช่นกัน

เด็กหนุ่มไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้ว

สถานการณ์ไม่ปกติ

สายตาของเขาพร่ามัว

แต่หัวใจเต็มไปด้วยความกังวล

ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนกำลังถูกสูบชีวิตออกไปเลยแฮะ?

ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาก็คงต้องกลับไปเป็นคนธรรมดาอีกแน่ๆ

แต่จนใจที่หลินเป่ยเฉินควบคุมอะไรไม่ได้

ทันใดนั้น สติของเด็กหนุ่มก็เริ่มพร่าเลือนอีกครั้ง

เขารู้สึกเหมือนตนเองกำลังขี่ม้า

ม้าที่ห้อตะบึงไปข้างหน้าโดยไม่มีจุดสิ้นสุด

ความรู้สึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ หลินเป่ยเฉินจดจำได้เพียงเลือนราง ราวกับว่ามันเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้นเอง

หลินเป่ยเฉินไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด

“อ้า…”

เด็กหนุ่มร้องอุทานเมื่อตื่นขึ้นมาจากดินแดนแห่งความฝันในที่สุด

เขาพบว่าตนเองกำลังลอยตัวอยู่ในสระน้ำ

ซู่!

หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นยืนทันที

ร่างกายของเขากลับมาอยู่ในการควบคุมอีกครั้ง

เด็กหนุ่มสะบัดศีรษะ

ก้มหน้ามองลงไป

แน่นอนว่าบัดนี้เขากำลังเปลือยเปล่า

เดี๋ยวก่อนนะ?

เรื่องนั้นยังจะต้องใช้คำว่าแน่นอนอีกหรือ?

หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้ว่าร่างกายของตนเองปวดระบมไปหมด

โดยเฉพาะแผ่นหลัง

หลินเป่ยเฉินรู้สึกไม่ต่างไปจากคนที่เพิ่งรอดพ้นการถูกจับไปทรมานร่างกายอย่างหนักหน่วง

แล้วความทรงจำที่เลือนรางก่อนหน้านี้ก็ผุดขึ้นมาในสมอง

เด็กหนุ่มตกตะลึง

รีบหันกลับไปกวาดตามองรอบกาย

เขายังคงอยู่ในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์

หลินเป่ยเฉินรีบดาวน์โหลดเสื้อคลุมจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ออกมาสวมใส่

แล้วจึงได้มองไปยังแท่นดอกบัวกลางสระน้ำโดยไม่รู้ตัว

ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย

เด็กสาวผมดำยาวยังคงนั่งอยู่บนแท่นดอกบัว

ลมหายใจของนางกลับมามั่นคงแล้ว

ไม่มีร่องรอยว่าเยว่เว่ยหยางจะปวดระบมเนื้อตัวแม้แต่น้อย

เส้นผมดำยาวไหลปรกลงมาตามจุดสำคัญของร่างกาย

แต่ผิวกายที่ขาวนวลบริสุทธิ์ตัดกับเส้นผมสีดำขลับ เกิดเป็นภาพที่ทรงเสน่ห์ชวนให้ตกตะลึงอีกครั้ง

ใบหน้าที่สวยหวานของเยว่เว่ยหยางกำลังหลับตา ยอดถันและสองเต้าถูกปกปิดด้วยเส้นผมที่ตกลงมา เอวคอดกิ่ว หน้าท้องแบนราบ ช่วงขาเรียวยาวปราศจากขนหน้าแข้ง…

หลินเป่ยเฉินรีบหันหน้ามองไปทางอื่นทันที

เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

หลังจากนั้น เด็กหนุ่มจึงพบแว่นกันแดดตกอยู่ใต้น้ำใกล้ตัว เขาจึงก้มหยิบมันขึ้นมาสวมใส่อีกครั้ง

แล้วหลินเป่ยเฉินก็เดินตรงไปที่ริมสระ พร้อมกับสำรวจความเรียบร้อยของร่างกายตัวเอง

พลังปราณธาตุไม้และพลังปราณธาตุดินสูญหายไปจากร่างกายหมดสิ้น

แต่หลินเป่ยเฉินคุ้นเคยกับเรื่องนี้เป็นอย่างดี

หลังผ่านประสบการณ์รับพลังศักดิ์สิทธิ์จากเทพีกระบี่มาแล้วสองครั้งสองครา พลังปราณธาตุน้ำและพลังปราณธาตุไฟก็สลายหายไปอย่างนี้เหมือนกัน

โชคดีที่หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินฝึกการโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์มาตลอด

พลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของเขาจึงอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับ 2

พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ได้จากแรงศรัทธาของเหล่าผู้คนที่เชื่อมั่นในตัวเขา ค่อยๆ ไหลเวียนไปตามแขนขาของหลินเป่ยเฉิน

ความอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าสลายหายไป

จากนั้น เด็กหนุ่มจึงใช้พลังจิตสำรวจดูภายในร่างกายของตนเอง เขาถึงได้พบว่าพลังปราณธาตุสองชนิดล่าสุดที่หายไปนั้นได้ถูกปิดผนึกอยู่ในร่างกาย

มันรวมอยู่กับจุดปิดผนึกของพลังปราณธาตุไฟกับพลังปราณธาตุน้ำก่อนหน้านี้ ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงเชื่อคำพูดของเทพีกระบี่หิมะไร้นามหมดหัวใจแล้ว

เมื่อรวบรวมพลังปราณธาตุไว้ในร่างกายได้ครบห้าชนิด หลินเป่ยเฉินก็จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลกวรยุทธ์แห่งนี้ทันที

บัดนี้ เขามีพลังปราณธาตุแล้วสี่ชนิด ขาดอีกเพียงชนิดเดียวเท่านั้น

หลินเป่ยเฉินจบการสำรวจภายในร่างกายเพียงเท่านี้

เขาเคยได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์จากเทพีกระบี่และสูญเสียพลังลมปราณไปทั้งหมดมาแล้วสองครั้ง

แต่ครั้งนี้ การถูกเยว่เว่ยหยาง ‘ขึ้นคร่อม’ กลับทำให้พลังลมปราณของเขาหายไปด้วย

หรือจะเป็นเพราะว่าระหว่างที่เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้เกิดขึ้น เขากับเยว่เว่ยหยางอยู่ในค่ายอาคมศักดิ์สิทธิ์ มันจึงไม่ต่างจากหลินเป่ยเฉินรับพลังศักดิ์สิทธิ์จากเทพเจ้าเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มก็ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว

ยังมีอะไรอย่างอื่นอีกหรือเปล่านะ?

วิญญาณของเยว่เว่ยหยางถูกจองจำอยู่ในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิดใช่หรือไม่?

หลินเป่ยเฉินนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ นักพรตใหญ่หลงเยว่ก็เคยบอกใบ้รางๆ แล้วว่า การช่วยเหลือเยว่เว่ยหยางนั้น จะทำให้เขาต้องเสียอะไรบางอย่างไป และอะไรบางอย่างที่นางเอ่ยถึง ก็คือพลังลมปราณของเขานั่นเอง

บัดนี้วิญญาณของเยว่เว่ยหยางกลับเข้าร่างได้แล้วหรือยัง?

ฉับพลันนั้น หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองที่เยว่เว่ยหยางอีกครั้งด้วยหัวใจเต้นระรัว

เด็กสาวยังคงนั่งหลับตาสูดลมหายใจเข้าออก หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง เป็นสัญญาณว่าหัวใจกำลังเต้นเร็วแรง

หรือนี่คือสัญญาณที่บอกว่าวิญญาณกลับเข้าสู่ร่างกายแล้ว?

พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ เยว่เว่ยหยางคนดีคนเดิมที่เขาเคยรู้จักกลับมาแล้วใช่หรือไม่?

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เหตุการณ์ในครั้งนี้ เจ้าเป็นคนเริ่มก่อนนะ!

พลัน เยว่เว่ยหยางลืมตาขึ้นมาอย่างไม่มีสัญญาณเตือน

ดวงตาของนางเป็นประกายระยิบระยับ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าสถิตอยู่ในนั้น

ตอนแรกหลินเป่ยเฉินอยากจะเดินเข้าไปทักทาย แต่ตอนนี้เขาต้องยืนตัวแข็งค้าง

เพราะเยว่เว่ยหยางในขณะนี้ให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดแตกต่างไปจากเดิม

ดวงตาของนางไม่มีความสดใสอีกแล้ว

มันกลับเต็มไปด้วยความเย็นชาปราศจากความรู้สึก

ทุกครั้งที่เด็กสาวกะพริบตา ผิวน้ำในสระน้ำก็จะกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น

บัดนี้ ในสายตาของหลินเป่ยเฉิน รูปลักษณ์ของเยว่เว่ยหยางดูจะเกิดความเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยเช่นกัน

คิ้วของนางเข้มขึ้น ดวงตาเป็นสีดำมากขึ้น ให้ความรู้สึกที่เวิ้งว้างว่างเปล่าราวกับจักรวาลอันกว้างใหญ่ ไม่มีความรู้สึกกระตือรือร้นคึกคักแจ่มใสเหมือนเก่าก่อน

โครงหน้าของนางก็คมเข้มมากขึ้น ให้ความรู้สึกที่ดุดัน ความอ่อนหวานที่เคยมีก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้น

ริมฝีปากเรียวบางกลายเป็นสีแดงเด่นชัดคล้ายแต่งแต้มเครื่องสำอาง

พลังที่แผ่ออกมาจากร่างกาย…

ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินเกิดความรู้สึกว่าเด็กสาวผู้นั่งอยู่บนแท่นดอกบัวกลางสระน้ำ ซึ่งนางกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตายากอ่านความรู้สึกผู้นี้ ไม่ใช่เยว่เว่ยหยางอีกต่อไป

นางแค่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับเยว่เว่ยหยาง แต่วิญญาณที่อยู่ในร่างกายไม่ใช่คนเดียวกันอย่างแน่นอน

“เอ่อ อันที่จริง…”

หลินเป่ยเฉินทำลายความเงียบด้วยการพยายามอธิบายอะไรบางอย่าง

วูบ!

เยว่เว่ยหยางโบกสะบัดฝ่ามือ

แล้วกระบี่น้ำแข็งเล่มหนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามาหาหลินเป่ยเฉิน…

ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย