บทที่ 667 กำเนิดใหม่

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

กระบี่น้ำแข็ง?

หลินเป่ยเฉินหวาดกลัวจนขนลุกซู่

มันเป็นจังหวะที่มือของเด็กหนุ่มกำลังผูกสายรัดเอวกางเกงอยู่พอดี

ถ้าต้องตายโดยที่ยังสวมใส่กางเกงไม่เสร็จ มันจะน่าอับอายขนาดไหนกันนะ?

แต่โชคดีที่หลินเป่ยเฉินยังสามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่มีปัญหา ปฏิกิริยาของเขาไม่เชื่องช้า เด็กหนุ่มจึงสามารถกระโดดหลบได้ทันเวลา

วูบ!

กระบี่น้ำแข็งพุ่งเฉียดข้างขมับของหลินเป่ยเฉินไปปักอยู่บนก้อนหินริมสระน้ำ

ครืน!

สระน้ำถึงกับสั่นสะเทือน

“ช้าก่อน”

หลินเป่ยเฉินร้องตะโกน “ฟังคำอธิบายของข้าก่อนสิ…”

บ้าจริง

ทำไมประโยคนี้มันฟังดูแปลกๆ จังเลยนะ?

นี่มันประโยคของคนเสเพลที่ถูกจับได้ว่าแอบลวนลามหญิงสาวไม่ใช่หรือ

เยว่เว่ยหยางส่งเสียงตอบกลับมาว่า “ข้าไม่อยากรับฟัง”

แล้วหลินเป่ยเฉินจะทำอย่างไรดี?

แต่กลับกลายเป็นว่าหลินเป่ยเฉินคิดมากเกินไป

เยว่เว่ยหยางไม่ได้พูดกับเขาสักหน่อย

มือของนางโบกสะบัดอีกครั้ง

จังหวะที่นางยกแขนขึ้น เส้นผมสีดำที่เคยปกปิดร่างกายก็ปลิวไสว

เผยให้เห็นเรือนกายขาวผ่องบริสุทธิ์ราวกับหยกขาวแกะสลัก

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต

ต้องหมุนตัวกระโดดหลบอีกครั้ง

ครืน!

คราวนี้กระบี่น้ำแข็งพุ่งไปปักบนกำแพงหิน

ม่านพลังที่ครอบคลุมสระน้ำแห่งนี้เป็นระยะเวลากว่าร้อยปีพลันเกิดความสั่นไหวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

ผิวน้ำในสระไหวเป็นระลอกคลื่นราวกับเกิดเหตุแผ่นดินไหว

เยว่เว่ยหยางมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์

แต่หลินเป่ยเฉินเพิ่งสูญเสียพลังลมปราณไปทั้งหมด บัดนี้สามารถใช้ได้เพียงพลังศักดิ์สิทธิ์ จึงห่างไกลจากคำว่าคู่ต่อสู้ของนางมากนัก

“ฟังข้าก่อนสิ เรื่องนี้จะมาโทษข้าไม่ได้นะ…”

หลินเป่ยเฉินตะโกนออกมาอีกครั้ง “นี่ก็เป็นครั้งแรกของข้าเหมือนกัน ความบริสุทธิ์ของข้าสูญเสียไปก็เพราะเจ้า…”

วูบ!

คำตอบที่เด็กหนุ่มได้รับกลับเป็นฝูงกระบี่น้ำแข็งที่พุ่งลงมาจากฟากฟ้าราวพายุฝน

พรึบ!

หลินเป่ยเฉินกางปีกกระบี่บนแผ่นหลังออกมา

ปีกกระบี่ของเขามีความยาวมากกว่า 50 เซี๊ยะ

เด็กหนุ่มใช้พลังของปีกกระบี่เพิ่มความรวดเร็วในการหลบหลีกการโจมตี

“ข้าถูกใส่ร้าย…”

“เยว่เว่ยหยาง เจ้าต้องใจเย็นก่อน…”

“นักพรตใหญ่หลงเยว่อยู่หน้าประตูบานนี้ เจ้าเรียกนางมาอธิบายเรื่องทั้งหมดก็ได้”

“ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือเจ้า จริงๆ นะ…”

หลินเป่ยเฉินอธิบายเสียงดังฟังชัด

ในที่สุดการเคลื่อนไหวของเยว่เว่ยหยางก็หยุดลงแล้ว

หลินเป่ยเฉินทิ้งตัวกลับมายืนอยู่บนพื้นหินและอดหอบหายใจไม่ได้

นี่มันอะไรกันเนี่ย?

นอกจากเขาต้องเสียพลังลมปราณและความบริสุทธิ์ของตนเองไปแล้ว ยังจะต้องมาถูกเยว่เว่ยหยางไล่ฆ่าอย่างไม่ยุติธรรมด้วยหรือ?

นักพรตใหญ่หลงเยว่ควรเปิดประตูเข้ามาอธิบายเรื่องราวทุกอย่างได้แล้วสิ

ความจริงนี่ไม่ใช่เรื่องราวของหลินเป่ยเฉินเลยสักนิด

ในเวลาเดียวกันนี้

เยว่เว่ยหยางยืนอยู่บนแท่นดอกบัวกลางสระน้ำ

เส้นผมของนางยาวลงมาถึงข้อเท้า ปกคลุมร่างกายเสมือนกับเป็นเสื้อคลุมสีดำตัวหนึ่ง

แต่ระหว่างช่องว่างของเส้นผมเหล่านั้นก็ยังพอมองเห็นผิวกายที่ขาวเนียนอยู่บ้าง

สีหน้าของเด็กสาวยังคงเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง

ทันใดนั้น สิ่งที่แปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้น

ดวงตาของเยว่เว่ยหยางหดเล็กลง

จนกระทั่งมันมีลักษณะเหมือนกับดวงตาของแมว

ต่อจากนั้น ในดวงตาของเยว่เว่ยหยางก็มีแสงสว่างเป็นประกายวูบวาบ

สุดท้าย ลูกตาทั้งสองดวงก็กลับกลายมีแต่ตาดำ

ภาพที่เห็นนี้ทำให้หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ

คนธรรมดาที่ไหนดวงตาจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างนี้?

หรือว่า…

เกิดอะไรขึ้นกับวิญญาณของเยว่เว่ยหยางกันแน่?

ผู้ที่กำลังสิงอยู่ในร่างของนางขณะนี้ คือวิญญาณปีศาจร้ายใช่หรือไม่?

ทันทีที่คิดได้เช่นนี้ หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกแน่นหน้าอก… เส้นขนบนร่างกายลุกชันด้วยความตื่นตระหนก

ความหวาดกลัวถาโถมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หวังว่านี่คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอกนะ? คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกใช่ไหม?

ท่านนักพรตใหญ่หลงเยว่ขอรับ เหตุไฉนถึงยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีก?

เด็กหนุ่มขยับเท้าเล็กน้อย เตรียมพุ่งตัวตรงไปยังบานประตูทรงกลม

ในขณะนี้ เยว่เว่ยหยางซึ่งกำลังจ้องมองปีกกระบี่บนแผ่นหลังของหลินเป่ยเฉินไม่วางตา ก็พูดออกมาอีกครั้งว่า

“เจ้าปีศาจ จงตายซะ”

นั่นไม่ใช่เสียงของเยว่เว่ยหยางแน่นอน

มันฟังดูไม่เหมือนเสียงมนุษย์เลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเสียงที่ฟังดูแหลมสูงเสียดหู ชวนให้รู้สึกขนหัวลุกเมื่อได้ยิน

ลมหายใจต่อมา

มวลน้ำที่อยู่ในสระศักดิ์สิทธิ์พลันกลับกลายเป็นมังกรน้ำแข็งตัวหนึ่งพุ่งขึ้นมาแยกเขี้ยวใส่หลินเป่ยเฉิน พลังคุกคามที่แผ่มากระทบผิวกายเด็กหนุ่ม บอกให้รู้ว่ามังกรน้ำแข็งตัวนี้มีเจตนาสังหารเขาให้ตายคาที่

ซวยแล้วสิ

หลินเป่ยเฉินสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นหวาดวิตก บัดนี้ทำได้เพียงกระพือปีกกระบี่และถอยฉากออกมาให้รวดเร็วที่สุด

ครืน!

มังกรน้ำแข็งพุ่งเข้ามาที่ไหล่ซ้ายของเขา

แรงกระแทกของมันทำให้หลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นไปกระแทกกับผนังหิน ตัวคนจมหายเข้าไปในผนังซึ่งยุบเข้าไปเป็นรูปร่างมนุษย์

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

ได้ยินเสียงน้ำแข็งเกาะตัวในอากาศ

บริเวณหัวไหล่ของหลินเป่ยเฉินมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะอยู่จำนวนมาก และพวกมันก็กำลังลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายด้วยความรวดเร็ว สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ไม่ว่าเกล็ดน้ำแข็งลามไปตรงส่วนไหน อวัยวะตรงส่วนนั้นก็จะสูญเสียการควบคุมทันที

มังกรน้ำแข็งส่งเสียงคำรามกึกก้องในอากาศ

“จบกัน งานนี้ตายแน่เรา ตายหยั่งหมา…”

หลินเป่ยเฉินไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้อีกแล้ว เขาทำได้เพียงเบิกตาโตและจ้องมองมังกรน้ำแข็งเตรียมตัวพุ่งเข้ามาโจมตีเป็นครั้งสุดท้าย

แน่นอนว่าถ้าจะให้อธิบายเป็นคำพูดในแบบฉบับนิยายแฟนตาซีตีตลาดวัยรุ่น ก็คงต้องบรรยายว่าขณะนี้ หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าเวลาเดินไปข้างหน้าเชื่องช้าเป็นอย่างยิ่ง

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็นเป็นไปในรูปแบบสโลว์โมชั่น

แต่ในความเป็นจริงนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก

เด็กหนุ่มไม่สามารถหลบหนีได้อีกแล้ว

เขาได้แต่กัดฟันด้วยความเคียดแค้นใจ

ทันใดนั้น ก้อนพลังปราณธาตุไฟที่ถูกปิดผนึกอยู่ในร่างกายมาอย่างยาวนาน ก็เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง บริเวณพื้นผิวของก้อนพลังปรากฏรอยแตกร้าวเหมือนกับไข่ไก่ที่ถูกกระเทาะเปลือก

เปลวไฟสีเงินยวงพวยพุ่งออกมาจากรอยแตกของก้อนพลัง

แทบจะเป็นเวลาเดียวกันนั้น หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังปราณธาตุไฟที่สูญหายไปยาวนาน ได้กลับคืนสู่ร่างกายของเขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว

พลังปราณธาตุไฟไหลเวียนไปทั่วร่างกาย

เปลวไฟคือขั้วตรงข้ามของน้ำแข็ง เมื่อร่างกายของเด็กหนุ่มมีพลังปราณธาตุไฟลุกโชน แม้จะเป็นเพียงประกายไฟเล็กน้อย แต่เกล็ดน้ำแข็งที่เกาะอยู่บนร่างกายของหลินเป่ยเฉินก็ระเหยหายไปในอากาศทันที

หลินเป่ยเฉินพยายามตั้งสติ

รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมด เพื่อเคลื่อนไหวร่างกายอีกครั้ง

ลมหายใจต่อมา เด็กหนุ่มก็สามารถหลุดออกมาจากร่องลึกในกำแพงหินได้สำเร็จ

ไม่มีการเคลื่อนไหวในแบบสโลว์โมชั่นอีกแล้ว

ครืน! ครืน! ครืน!

เสียงคำรามของมังกรน้ำแข็งทำให้ตัววิหารสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง

คราวนี้เป็นการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

หลินเป่ยเฉินก้มลงสำรวจร่างกายของตนเอง

หืม?

ครั้งนี้เปลวไฟไม่ได้เผาไหม้เสื้อผ้าของเขาอีกแล้ว

ดูเหมือนเขาจะสามารถควบคุมเปลวไฟเหล่านี้ได้แล้วสิ

จังหวะที่เด็กหนุ่มกำลังนึกทบทวนวิธีการควบคุมพลังปราณธาตุไฟอยู่นั้นเอง พื้นดินก็เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง

ฉับพลันนั้น!

ประตูของสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อยๆ แง้มเปิดออกอย่างแช่มช้า

นักพรตใหญ่หลงเยว่เดินเข้ามา

หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้าง ร้องตะโกนด้วยความดีใจเมื่อเห็นโฉมหน้าผู้ช่วยชีวิต “ท่านป้าขอรับ รีบมาที่นี่เร็วเข้า เยว่เว่ยหยางถูกปีศาจสิงร่าง นางเสียสติไปแล้ว รีบหาทางรักษานางเร็วขอรับ…”

นักพรตใหญ่หลงเยว่ไม่ได้พูดหรือหันหน้ามามองหลินเป่ยเฉินสักนิดเดียว

แต่นางรีบพุ่งตรงเข้าไปหาเยว่เว่ยหยางด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

“พระองค์ท่าน!”

นักพรตใหญ่หลงเยว่ตัวสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น รีบคุกเข่าลงแทบเท้าเยว่เว่ยหยางราวกับเป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ “พระองค์ท่านกลับมาแล้ว ผู้น้อยมีนามว่าหลงเยว่ ในที่สุดก็ได้มีวาสนาพบเจอท่านอีกครั้ง…”

เยว่เว่ยหยางหยุดชะงัก

นางก้มหน้ามองอย่างเชื่องช้า

ดวงตาที่มีแต่ตาดำยามจ้องมองนักพรตใหญ่หลงเยว่ก็กลับกลายมีสีจางลงเล็กน้อย

“ผู้น้อยคือสาวกที่ซื่อสัตย์ของเทพีกระบี่ ทุกวันทุกคืนได้แต่สวดภาวนาให้พระองค์ท่านกลับมาถือกำเนิดเกิดใหม่อีกครั้ง… หลังผ่านไปนานหลายปี หลังต้องผ่านการสังเวยชีวิตข้ารับใช้เป็นจำนวนมาก สุดท้ายพระองค์ท่านก็กลับมากำเนิดใหม่ได้แล้วจริงๆ มันช่างคุ้มค่าเหลือเกิน…”

“ยังคงมีผู้ศรัทธาจำนวนมาก รอการกลับมาของพระองค์ท่านนะเจ้าคะ!”

“ในที่สุด พระองค์ท่านก็กลับมากอบกู้ดินแดนที่เต็มไปด้วยความผิดบาปและคำโกหกแล้ว…”

นักพรตใหญ่หลงเยว่พูดเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้นและตื้นตันใจ

ไม่หลงเหลือร่องรอยของหญิงชราผู้เยือกเย็นแม้แต่น้อย

ร่างของนางที่คุกเข่าอยู่บนพื้นหินสั่นไหวอย่างรุนแรง

ไม่ต่างไปจากสาวกที่ได้พบศาสดาของตนเองตัวเป็นๆ

หลินเป่ยเฉินรู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

อยู่ดีๆ ในอากาศก็เหมือนกับจะเต็มไปด้วยม่านหมอก

และในม่านหมอกเหล่านี้ มีปริศนาที่ปิดบังความจริงอยู่มากมายเกินรับไหว…

ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย