บทที่ 668 ผู้อัญเชิญวิญญาณ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 668 ผู้อัญเชิญวิญญาณ

เดี๋ยวก่อนนะ?

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

นักพรตใหญ่หลงเยว่กำลังเรียกเยว่เว่ยหยางว่าพระองค์ท่านอย่างนั้นหรือ?

หลินเป่ยเฉินสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติได้โดยทันที

คำว่าพระองค์ท่านมีไว้สำหรับเรียกพวกจักรพรรดิหรือไม่ก็พวกเทพเจ้าไม่ใช่หรือ?

มิหนำซ้ำ นักพรตใหญ่หลงเยว่ยังทำท่าเหมือนกับ ‘รู้จัก’ วิญญาณที่สิงอยู่ในร่างเยว่เว่ยหยางขณะนี้อีกด้วย

งั้นก็หมายความว่า…

ความรู้สึกอันหลากหลายถาโถมเข้าใส่หลินเป่ยเฉิน

เขารู้สึกเหมือนตนเองถูกนักพรตใหญ่หลงเยว่หลอกใช้งานตั้งแต่ต้นจนจบ

มีแต่ขาดทุนครั้งแล้วครั้งเล่า

หลินเป่ยเฉินสังหรณ์ใจถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามา ดังนั้น เขาจึงค่อยๆ ขยับขาเข้าหาประตูทีละนิด ทีละนิด

พยายามสงบจิตใจ หลบหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน

แต่นักพรตใหญ่หลงเยว่ก็หันมาเห็นการเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มเสียก่อน

นางพยักหน้าและกวักมือเรียกให้หลินเป่ยเฉินเข้าไปหา “ทำไมเจ้ายังไม่มาเคารพเทพีกระบี่อีก?”

หลินเป่ยเฉินได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับพูดว่า “ท่านป้าขอรับ ท่านต้องระมัดระวังตัวนะขอรับ บัดนี้เยว่เว่ยหยางเสียสติไปแล้ว นางถูกวิญญาณปีศาจเข้าสิง เมื่อสักครู่นางถึงกับจะฆ่าข้าแล้วด้วยซ้ำ… แล้วท่านยังไปยืนอยู่ใกล้นางอีกได้อย่างไร?”

พูดมาถึงตรงนี้ คำพูดของหลินเป่ยเฉินก็หยุดชะงักเหมือนเขาเพิ่งเอะใจอะไรบางอย่าง “เทพีกระบี่หรือขอรับ?”

“ท่านป้ากำลังจะบอกข้าว่า เยว่เว่ยหยางคือ… เป็นไปไม่ได้”

หลินเป่ยเฉินปากอ้าตาค้างด้วยความตกตะลึง

สมองของเขาปั่นป่วนมากพอๆ กับหัวใจ

“อย่าได้พูดจาไร้สาระ”

นักพรตใหญ่หลงเยว่ขยิบตาส่งสัญญาณให้หลินเป่ยเฉินรีบมาคุกเข่าพลางกำชับว่า “เจ้ากำลังอยู่ต่อหน้าเทพีกระบี่ผู้สูงส่ง เหตุไฉนถึงยังไม่สำรวมกิริยา?”

หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึก

สมองที่กำลังปั่นป่วนค่อยๆ เรียงลำดับความคิด ปากที่อ้ากว้างค่อยๆ เปลี่ยนรูปทรงกลายเป็นทำปากจู๋โดยไม่รู้ตัว

เขารู้สึกได้ว่าในที่สุดสมองของตนเองก็กลับมาทำงานได้ตามปกติสักที

แต่ถึงกระนั้น เด็กหนุ่มก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งศีรษะ

หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก

เทพีกระบี่อย่างนั้นหรือ?

เยว่เว่ยหยางเนี่ยนะเป็นเทพีกระบี่?

พูดตามตรง หลินเป่ยเฉินเชื่อไม่ลงเลยจริงๆ

ต่อให้เอาความรู้ในสมองของไอน์สไตน์กับเซอร์ ไอแซก นิวตันมาผสมรวมกันใส่ไว้ในสมองของหลินเป่ยเฉินขณะนี้ เด็กหนุ่มก็ยังให้คำตอบไม่ได้อยู่ดีว่าเรื่องนี้เป็นความจริงได้อย่างไร

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงลืมเลือนเรื่องการหลบหนีไปชั่วคราว

“เจ้ายังจะยืนมองอยู่ทำไมอีก?”

นักพรตใหญ่หลงเยว่ขยิบตาอีกครั้งพร้อมกับเร่งเร้า “มาคุกเข่าขอร้องให้เทพีกระบี่อภัยให้แก่กิริยาหยาบคายของเจ้าเดี๋ยวนี้”

ว่าไงนะ?

ปากของเด็กหนุ่มทำท่าจะกลับไปอ้ากว้างอีกครั้ง

ใบหน้าของเขากระตุกระริก

ท่านป้าขอรับ!

ใจเย็นก่อนสิ

ท่านจะมาบังคับกันไม่ได้นะ

เขาเบิกตาโต จ้องมองนักพรตใหญ่หลงเยว่ด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์

ก่อนหน้านี้ หญิงชราเป็นคนลากเขาให้เข้ามาที่สระน้ำแห่งนี้ด้วยตนเอง มิหนำซ้ำ ยังใช้กลอุบายหลอกลวงให้เขามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเยว่เว่ยหยาง นอกจากต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ยังต้องสูญเสียพลังปราณธาตุไม้และพลังปราณธาตุดินไปอีกด้วย แล้วนักพรตใหญ่หลงเยว่ไม่คิดจะช่วยเหลือเขาสักหน่อยหรือ?

แบบนี้มัน…

หลินเป่ยเฉินเจ็บแค้นใจจนอยากจะร้องไห้ออกมาแล้ว

ท่านป้าขอรับ ท่านยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?

มวลอากาศสั่นไหว

หัวใจของหลินเป่ยเฉินเปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำตาที่ไหลริน

เกิดอะไรขึ้นกับโลกวรยุทธ์แห่งนี้?

ทำไมเด็กหนุ่มหน้าตาดีอย่างเขา ถึงต้องมาพบเจอเคราะห์กรรมเช่นนี้ด้วย?

หลินเป่ยเฉินหมุนตัววิ่งตรงไปยังประตูทางออกจากสระน้ำศักดิ์สิทธิ์โดยไม่พูดคำใดอีก เขาหลบหนีด้วยความแตกตื่นตกใจเหมือนเป็นลูกแกะที่กำลังวิ่งหนีหมาป่าด้วยความเร็วสูงสุดในชีวิต…

สถานการณ์ไม่ชอบมาพากลมากเกินไป

หลบหนีเอาตัวรอดก่อนดีกว่า

“เจ้าปีศาจ คิดจะหนีไปที่ใด จงตายเสียเถิด!”

ในดวงตาของเยว่เว่ยหยางปรากฏความเย็นชาวูบวาบขึ้นมา

มังกรน้ำแข็งที่ลอยตัวอยู่เหนือสระน้ำศักดิ์สิทธิ์แผ่พลังอำมหิตออกมาอีกครั้ง ผิวน้ำพลันกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งในพริบตา ไอความเย็นยะเยือกกำลังคุกคามเข้ามาถึงตัวหลินเป่ยเฉินในอีกไม่กี่ลมหายใจ…

“พระองค์ท่าน ไม่ได้นะเจ้าคะ…”

นักพรตใหญ่หลงเยว่รีบคลานเข้าไปกอดขาเยว่เว่ยหยาง พูดละล่ำละลักว่า “พระองค์ท่านจะฆ่าเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ได้”

พลังลมปราณพลันระเบิดออกมาจากร่างเยว่เว่ยหยาง

“อ๊อก…”

นักพรตใหญ่หลงเยว่ลอยกระเด็นไปกระแทกเข้ากับกำแพงหิน เลือดเป็นสายไหลทะลักออกจากปาก

แต่ด้วยการแทรกแซงของหญิงชรา พลังไอเย็นจากตัวของมังกรน้ำแข็งจึงหยุดชะงักอยู่กับที่ ทว่า มันยังไม่ได้สลายหายไป

“พระองค์ท่านได้โปรดฟังคำอธิบายจากผู้น้อยก่อน…”

แม้ร่างกายจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่นักพรตใหญ่หลงเยว่ก็รีบคลานกลับไปกอดขาของเยว่เว่ยหยางอีกครั้ง “พระองค์ท่าน บัดนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว วิหารประจำเมืองเจาฮุยไม่ได้อยู่ในการดูแลของผู้น้อยอีกต่อไป มีปีศาจแฝงตัวอยู่ในกลุ่มมนุษย์ พระองค์ท่านกำลังตกอยู่ในอันตราย ไม่สมควรให้บุคคลภายนอกรับรู้การกำเนิดใหม่ครั้งนี้… พระองค์ทรงสมควรละทิ้งอดีตอันยิ่งใหญ่ทั้งหมด และห้ามทำอะไรวู่วามเด็ดขาดเจ้าค่ะ…”

นักพรตใหญ่หลงเยว่ตัวสั่นสะท้านไปทั้งร่าง พูดไปด้วยกระอักเลือดไปด้วยในเวลาเดียวกัน

ความเย็นชาและอำมหิตในแววตาเยว่เว่ยหยางเบาบางลงเล็กน้อย

นางก้มหน้ามองนักพรตใหญ่หลงเยว่และพูดว่า “ข้าต้องการเหตุผล”

นักพรตใหญ่หลงเยว่รีบตอบกลับโดยเร็ว “บัดนี้วิหารอยู่ภายใต้การควบคุมของศัตรู เราจะให้พวกมันรู้ตัวไม่ได้เด็ดขาด…”

เยว่เว่ยหยางพูดย้ำคำเดิมอีกครั้ง “เหตุผล”

นักพรตใหญ่หลงเยว่กำลังจะอ้าปากอธิบาย

ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างเปล่งประกายออกมาจากเรียวขาของเยว่เว่ยหยาง แล้วร่างของนักพรตใหญ่หลงเยว่ก็ลอยกระเด็นกลับออกไป

“เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องการเหตุผลเรื่องอะไร”

น้ำเสียงของเด็กสาวยังคงเย็นชาแหลมสูงระคายหู แต่กลับดูมีชีวิตชีวามากกว่าตอนที่พูดกับหลินเป่ยเฉินก่อนหน้านี้หลายเท่า “เจ้าขัดขวางข้าเพื่อช่วยชีวิตเด็กหนุ่มผู้นี้ จงอธิบายเหตุผลมาเดี๋ยวนี้”

นักพรตใหญ่หลงเยว่รีบคลานกลับไปอยู่แทบเท้าเด็กสาว ณ จุดเดิม

หญิงชรารีบพูดว่า “กราบเรียนพระองค์ท่าน เด็กหนุ่มผู้นี้มีนามว่าหลินเป่ยเฉิน ก่อนหน้านี้เขาและครอบครัวเคยเป็นสาวกปีศาจ แต่ภายหลังกลับตัวกลับใจหันมารับใช้พระองค์ท่าน เขาคือผู้ที่นำวิญญาณของพระองค์ลงมาสิงสถิตอยู่ในร่างกายของเด็กสาวผู้นี้ ถ้าพระองค์สังหารเขา ก็เท่ากับสังหารผู้อัญเชิญวิญญาณของตัวท่านเองนะเจ้าคะ…”

“เคยเป็นสาวกปีศาจอย่างนั้นหรือ?”

ดวงตาที่หดเล็กลงของเยว่เว่ยหยางพลันกลับมาขยายใหญ่อีกครั้ง

สุดท้ายมันก็มีขนาดเท่ากับดวงตาของคนปกติแล้ว

“ถูกต้องเจ้าค่ะ พระองค์ท่าน หลินเป่ยเฉินเคยเป็น…”

นักพรตใหญ่หลงเยว่พูดยังไม่ทันจบประโยค

วูบ!

หญิงชราถูกพลังลมปราณอัดกระแทกร่างกาย

“อ๊อก ฟู่…”

นักพรตใหญ่หลงเยว่ลอยกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงหิน เลือดเป็นสายพุ่งออกมาจากปากอีกครั้ง

“โง่เง่านัก”

เสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นของเยว่เว่ยหยางดังกังวานไปทั่วสระน้ำ

ถึงร่างกายจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหนักมากกว่าเดิม แต่นักพรตใหญ่หลงเยว่ก็รีบตะเกียกตะกายคลานกลับไปหมอบกราบอยู่แทบเท้าของเด็กสาวที่เดิม “กราบเรียนพระองค์ท่าน ภายใต้ความศักดิ์สิทธิ์ของ…”

“เจ้าคิดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะเป็นผู้อัญเชิญวิญญาณของข้าได้จริงหรือ?”

เส้นผมดำยาวของเยว่เว่ยหยางปลิวไสวไปตามกระแสลมที่ปั่นป่วนในอากาศ เผยให้เห็นถึงร่างเปลือยขาวนวลปราศจากตำหนิโดยไม่มีสิ่งใดปิดบัง

ราวกับว่าสำหรับนางแล้ว การเปลือยกายไม่ใช่เรื่องน่าอาย

ทันใดนั้น เรือนร่างของเด็กสาวสมบูรณ์แบบราวกับเทพธิดาลอยขึ้นไปในอากาศอย่างแช่มช้า มองดูไปคล้ายจันทราลอยเด่นอยู่บนผืนฟ้าดำมืดจากเส้นผมที่แผ่กระจายอยู่ด้านหลัง เมื่อนางระเบิดพลังออกมา มวลอากาศก็เกิดกระแสลมปั่นป่วนอย่างรุนแรง แรงกดดันมหาศาลโถมเข้าใส่พื้นที่ว่างทุกตารางนิ้วของสระน้ำศักดิ์สิทธิ์

“อีกครึ่งชั่วยาม ข้าต้องการข้อมูลทั้งหมดของเด็กหนุ่มคนนี้”

เสียงพูดของเยว่เว่ยหยางกังวานในอากาศ

นักพรตใหญ่หลงเยว่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก รีบรับคำว่า “รับทราบเจ้าค่ะ ผู้น้อยจะไปรวบรวมข้อมูลมาให้เร็วที่สุด”

หลังจากนั้น เยว่เว่ยหยางกล่าวเสริมว่า “ยิ่งละเอียดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น… เมื่อครบกำหนดครึ่งชั่วยาม ให้เจ้าเข้ามาพบข้าอีกครั้ง”

พลังศักดิ์สิทธิ์ไหลจากร่างกายเยว่เว่ยหยางเข้าสู่ร่างของนักพรตใหญ่หลงเยว่

อาการบาดเจ็บของหญิงชราหายดีเป็นปลิดทิ้ง

“ขอบพระคุณพระองค์ท่าน”

นักพรตใหญ่หลงเยว่ก้มหัวคำนับด้วยความเคารพเทิดทูน ก่อนจะค่อยๆ ถอยออกมาจากสระน้ำศักดิ์สิทธิ์

แอ๊ดดด

ประตูทรงกลมถูกปิดลงอีกครั้ง

เยว่เว่ยหยางค่อยๆ ทิ้งตัวกลับไปยืนบนแท่นดอกบัวกลางสระน้ำ

ผิวพรรณที่ขาวผ่องของนางคือสิ่งที่โดดเด่นสะดุดตามากที่สุดในสระน้ำแห่งนี้

พลัน เด็กสาวซวนเซเล็กน้อย

พลังมหาศาลเหล่านั้นหายวับไป

ปรากฏโลหิตสีแดงสดไหลซึมออกมาจากมุมปาก เยว่เว่ยหยางจำเป็นต้องนั่งหลับตาบนแท่นดอกบัวโดยเร็ว

หลังจากนั้น ของเหลวสีเงินที่ลอยอยู่ในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกดูดเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างช้าๆ

ต่อมา เยว่เว่ยหยางลืมตาขึ้น

ดวงตาที่กลับมาเป็นดวงตาของคนปกติอีกครั้งปรากฏความประหลาดใจชัดเจน

“เป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน?”

เสียงพูดของนางก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจเช่นกัน

สีหน้าของเด็กสาวแปรเปลี่ยนเป็นขบคิดอะไรบางอย่าง

ครู่ใหญ่ต่อมา เยว่เว่ยหยางก็ระเบิดเสียงหัวเราะ

“น่าสนใจมาก ถ้าจะว่าไปแล้วมันก็สนุกอย่างที่คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้… ขอข้าอยู่ต่ออีกสักหน่อยก็แล้วกันนะ อิอิ”