บทที่ 669 หลินเป่ยเฉินหนีลงจากเขา

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

นักพรตใหญ่หลงเยว่เดินออกมาจากบานประตู ดวงตาของนางเต็มไปด้วยประกายแห่งความตื่นเต้น

หลายปีที่ผ่านไปกับการเตรียมพร้อม หลายปีที่ผ่านไปพร้อมกับการเสียสละชีวิตของนักบวชจำนวนนับไม่ถ้วน หลายปีที่ผ่านไปกับการทนความเจ็บปวดในความมืดมิด สุดท้าย แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ก็ได้ปรากฏขึ้นแล้ว

เทพเจ้าของนางได้ถือกำเนิดใหม่

ไม่เพียงแต่กำเนิดใหม่ได้สำเร็จ แต่วิญญาณของพระองค์ท่านยังสถิตอยู่บนโลกนี้อีกด้วย

อีกไม่นาน เทพีกระบี่จะกลับมายึดครองโลกอีกครั้ง

หญิงชราเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นด้วยความตื่นเต้น

บุคคลเดียวที่นางรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณก็คือหลินเป่ยเฉิน

นักพรตใหญ่หลงเยว่รู้ดีว่าตนเองฉวยโอกาสจากเด็กหนุ่มคนนี้มากเกินไป

นับตั้งแต่ที่พบเจอเขาในเมืองหยุนเมิ่ง หญิงชราก็รู้ทันทีว่าหลินเป่ยเฉินคือคนที่เหมาะสม

เขาเป็นเด็กหนุ่มยอดอัจฉริยะที่นางไม่เคยพบเจอมาหลายปีแล้ว

แต่การใช้หลินเป่ยเฉินเป็นเครื่องมืออัญเชิญวิญญาณเทพีกระบี่เข้าสู่ร่างของเยว่เว่ยหยาง นับเป็นทางเลือกสุดท้ายของนักพรตใหญ่หลงเยว่มาโดยตลอด

ถึงแม้นางจะวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วก็ตาม

ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปด้วยความราบรื่น

นักพรตใหญ่หลงเยว่พยายามบอกตัวเองหลายครั้งว่าอย่าไปสนใจหลินเป่ยเฉินเลย ขอเพียงอัญเชิญวิญญาณของเทพีกระบี่กลับมาได้สำเร็จ นั่นก็คือสิ่งสำคัญมากที่สุดแล้ว

แต่หญิงชราก็ยังอดรู้สึกผิดไม่ได้

นางจึงต้องการไถ่บาป

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นักพรตใหญ่หลงเยว่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือหลินเป่ยเฉินจากน้ำมือเทพีกระบี่

มันออกจะเป็นการใจร้ายต่อเด็กหนุ่มเกินไปหน่อย

แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

อีกอย่าง ก่อนเริ่มกระบวนการทั้งหมด นักพรตใหญ่หลงเยว่ได้ถามหลินเป่ยเฉินให้แน่ใจแล้วว่าเขายินดีจะช่วยเหลือเยว่เว่ยหยางหรือไม่ ถ้าหากการช่วยเหลือนั้น จะทำให้เขาต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไป

นักพรตใหญ่หลงเยว่คิดว่าตนเองพูดอย่างชัดเจนแล้ว

ความจริง มันไม่ได้ถือเป็นเรื่องย่ำแย่เกินรับไหว

หลินเป่ยเฉินต้องสูญเสียพลังลมปราณไปทั้งหมดก็จริง แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีชีวิตอยู่

หญิงชราได้แต่ปลอบใจตนเองเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่สามารถขับไล่ความรู้สึกผิดออกไปจากจิตใจได้อยู่ดี

นางกำลังเดินตรงไปข้างหน้า แต่ในทันใดนั้น กลับมีร่างของใครบางคนพุ่งออกมาจากเสาหินที่อยู่ด้านหลัง

“อย่าขยับ”

ปืนไรเฟิล 98k ในมือหลินเป่ยเฉินจ่อไปที่หน้าผากของนักพรตใหญ่หลงเยว่

“เจ้ายังไม่หนีไปอีกหรือ?”

นักพรตใหญ่หลงเยว่เบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ

ว่ากันตามความเข้าใจของหญิงชรา หลินเป่ยเฉินมีนิสัยรักตัวกลัวตายที่สุด เขาสมควรหลบหนีไปนานแล้ว

เหตุไฉนถึงได้มาซุ่มรอนางอยู่ที่นี่อีก?

หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้น “ถ้าหนีได้ ข้าก็คงหนีไปแล้ว”

นักพรตใหญ่หลงเยว่ชะงักเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงหัวเราะในลำคอ

นางลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

ในวิหารหลวงแห่งนี้ มีค่ายอาคมครอบคลุมอยู่เต็มไปหมด

หลินเป่ยเฉินเป็นคนนอกวิหาร ไม่คุ้นเคยกับเส้นทางของที่นี่ ตอนเข้ามานักพรตใหญ่หลงเยว่ทำหน้าที่เป็นคนนำทาง เด็กหนุ่มจึงไม่สามารถกลับออกไปด้วยตัวเอง หรือถึงจะหลบหนีออกจากวิหารฝั่งตะวันตกนี้ได้อย่างโชคช่วย แต่เขาก็คงไม่กล้าเดินออกไปภายนอกสุ่มสี่สุ่มห้าเด็ดขาด

ถ้าเขาไม่ระมัดระวังตัว ก็อาจจะต้องตกเข้าสู่ค่ายอาคม และเสียชีวิตอยู่ในนั้นโดยไม่ได้สั่งเสียใครเลยสักคน

เมื่อเห็นเด็กหนุ่มแยกเขี้ยวขู่ด้วยความโกรธแค้น หัวใจของนักพรตใหญ่หลงเยว่ก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

นางพยายามฝืนยิ้ม พูดว่า “พลังลมปราณของเจ้าสลายไปแล้ว ในร่างกายใช้งานได้เพียงพลังศักดิ์สิทธิ์อันน้อยนิด เจ้าคิดว่าด้วยทักษะการต่อสู้ขณะนี้ คิดจะข่มขู่และควบคุมข้าได้หรือ?”

หลินเป่ยเฉินเพิ่มน้ำหนักกดปลายกระบอกปืนไรเฟิลลงไปที่หน้าผากหญิงชรา “ไม่เชื่อก็ลองดูได้… ข้าจะให้ท่านได้ลองชิมรสชาติของพลังฝ่ามือลำแสงพิฆาตเอง”

สีหน้าของนักพรตใหญ่หลงเยว่แปรเปลี่ยนไปในฉับพลัน

นางมองไม่เห็นปืนไรเฟิล 98k ที่กำลังจ่อหน้าผากตนเองอยู่ก็จริง แต่หญิงชราก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีวัตถุเย็นเยียบบางอย่างกำลังแนบอยู่บนหน้าผากของนางจริงๆ

ดังนั้น นักพรตใหญ่หลงเยว่จึงเชื่อคำพูดของหลินเป่ยเฉินโดยไม่ลังเล

“เจ้าสามารถใช้เวทมนตร์ได้จริงๆ หรือนี่”

นักพรตใหญ่หลงเยว่อุทานออกมาด้วยความชื่นชม “คิดไม่ถึงเลยว่าร่างกายของเจ้า จะยังคงมีพลังหลงเหลือมากพอที่จะใช้วิชาฝ่ามือลำแสงพิฆาตได้อีก”

ก่อนหน้านี้ เทพีกระบี่มีประสงค์อยากจะสังหารหลินเป่ยเฉิน แต่บัดนี้ พระองค์ท่านกลับสนใจข้อมูลส่วนตัวของเขาขึ้นมาอย่างกะทันหัน

หรือเทพีกระบี่จะมองเห็นความลับที่ซุกซ่อนอยู่ในร่างกายของเด็กหนุ่มผู้นี้

เทพเจ้าย่อมเป็นเทพเจ้าอยู่วันยังค่ำ

เทพีกระบี่ต้องมองเห็นความลับบางอย่างในตัวหลินเป่ยเฉิน

ความลับที่แม้แต่นักพรตใหญ่หลงเยว่ก็มองไม่ออก

“เลิกพูดไร้สาระ”

หลินเป่ยเฉินเค้นเสียงพูดด้วยความเคียดแค้น “รีบนำทาง พาข้าออกไปจากที่นี่ได้แล้ว”

นักพรตใหญ่หลงเยว่พยักหน้าอย่างว่าง่าย “ตกลง เจ้าตามข้ามา”

หืม?

ทำไมง่ายแบบนี้ล่ะ?

หลินเป่ยเฉินถึงกับชะงักด้วยความไม่ไว้ใจ

คำขู่ที่เขาเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ต้องใช้งานซะอย่างนั้น

“อย่าคิดเล่นลูกไม้”

เด็กหนุ่มมองหน้าหญิงชราด้วยความสงสัย พูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “ถึงตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านจะทำดีกับข้ามาตลอด แต่ได้โปรดอย่าประเมินพลังของฝ่ามือลำแสงพิฆาตต่ำต้อยเกินไป ไม่ว่าท่านจะระเบิดพลังหรือใช้ค่ายอาคมชนิดใด ก็ไม่เร็วไปกว่าการยิงลำแสงของข้าหรอก แม้แต่แม่ทัพฉลามอู๋หยาก็ยังต้องตายด้วยวิชานี้มาแล้ว รับรองเลยว่าหากท่านป้าคิดเล่นลูกไม้อันใด พวกเราจะต้องตายไปด้วยกัน”

นักพรตใหญ่หลงเยว่ยิ้มฝืดและพูดว่า “มิต้องเป็นกังวล ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก ไม่มีเหตุผลที่เทพีกระบี่จะต้องทำร้ายเจ้าอีก… ตามข้ามาสิ”

หลินเป่ยเฉินไม่เชื่อสิ่งที่หญิงชราพูดแม้แต่น้อย

เขาเพิ่งได้เห็นธาตุแท้ว่านักพรตใหญ่หลงเยว่เป็นพวกหญิงชราหมาป่าเจ้าเล่ห์ หลอกให้เขาตายใจ เพื่อส่งเข้าไปถูกฆ่าในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์

ความเชื่อใจที่เด็กหนุ่มเคยมีได้สูญหายไปหมดแล้ว

ไม่ว่านักพรตใหญ่หลงเยว่จะพูดอะไรออกมา หลินเป่ยเฉินไม่มีทางหลงเชื่อเด็ดขาด

เขาพยักหน้าเล็กน้อย ไม่พูดอะไรอีก ประคองปืนไรเฟิล 98k ด้วยสองมือ เดินตามนักพรตใหญ่หลงเยว่ไปทางด้านหลัง

ปลายกระบอกปืนไรเฟิลจ่ออยู่ที่ท้ายทอยของหญิงชราตลอดเวลา

นักพรตใหญ่หลงเยว่มีท่าทางผ่อนคลายลงมากแล้ว

“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าได้เกลี้ยกล่อมให้เทพีกระบี่อภัยให้แก่บาปของเจ้า บัดนี้ นางถึงกับยอมรับเจ้าเป็นสาวกคนหนึ่งด้วยซ้ำ”

หญิงชรานำทางไปด้วยพลางพูดคุยไปด้วยตามปกติ

หลินเป่ยเฉินมีแววตาตื่นตัวระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา เขากระซิบเสียงแผ่วเบาในลำคอ

“ไม่ต้องพูด แค่นำทางไปก็พอ”

หลังจากหยุดชะงักเล็กน้อย เด็กหนุ่มก็ไม่สามารถทนทานความสงสัยของตัวเองได้อีก “ตกลงนี่เป็นเรื่องราวใดกันแน่? เหตุไฉนเยว่เว่ยหยางถึงกลายเป็นเทพีกระบี่ไปได้? ถ้าอย่างนั้น เทพีกระบี่ที่ข้ารับวิญญาณของนางเข้าร่างมาหลายครั้งก่อนหน้านี้เป็นผู้ใดกัน?”

นักพรตใหญ่หลงเยว่คิดอยู่แล้วว่าหลินเป่ยเฉินต้องถามคำถามนี้ออกมา

หญิงชราอธิบายด้วยความอดทน “เทพีกระบี่ที่เจ้าติดต่อตลอดมานั้น เป็นเพียงนางมารลอกเลียนแบบที่อยู่บนดินแดนทวยเทพ เพราะเทพีกระบี่ตัวจริงเสียชีวิตระหว่างการต่อสู้ในอาณาเขตเทพเจ้าเมื่อหลายร้อยปีก่อน วิญญาณของนางถูกจองจำอยู่ในนั้น… องค์เทพีกระบี่จึงสัมผัสได้ว่าเจ้าเคยรับพลังปีศาจเข้าร่างกาย ก่อนหน้านี้ พระองค์ท่านถึงได้คิดจะสังหารเจ้าไงล่ะ”

ว่าไงนะ?

หลินเป่ยเฉินตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินจนแทบจะทำปืนไรเฟิล 98k หลุดมือ

เทพีกระบี่ตัวจริงถูกฆ่าตายไปนานแล้ว?

หลังจากที่เขาทะลุมิติมาอยู่ในโลกวรยุทธ์แห่งนี้ บุคคลที่ติดต่อสื่อสารผ่านทางแอปวีแชทตลอดมา กลับกลายเป็นเทพีกระบี่ตัวปลอมอย่างนั้นหรือ?

มันจะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร?

งั้นนี่ก็เท่ากับว่าเทพีกระบี่หิมะไร้นามมีตัวตนที่แท้จริงเป็นปีศาจลอกเลียนแบบ?

หรือมีทางเป็นไปได้ไหมว่าเทพีกระบี่หิมะไร้นามจะถูกปีศาจหรือนางมารลอกเลียนแบบอะไรนั่นหลอกใช้อีกทีหนึ่ง?

ยิ่งไปกว่านั้น เทพีกระบี่หิมะไร้นามมีสถานะเป็นเพียงเทพเจ้าฝึกหัด ก่อนหน้านี้เคยช่วยเหลือเขาเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันหลายครั้ง ต่อจากนั้น นางถึงได้รับหน้าที่เป็นคนกลางคอยสื่อสารระหว่างเขากับเทพีกระบี่… อืมมม อย่างนี้ก็เท่ากับว่าเทพีกระบี่หิมะไร้นาม ก็ถูกเทพีกระบี่ตัวปลอมหลอกลวงเหมือนกันสินะ?

บัดนี้ หลินเป่ยเฉินรู้สึกสับสนไปหมดแล้ว

สมองของเขาทำงานอย่างหนัก

ตอนแรก เขานึกว่าการมายังวิหารหลวงแห่งนี้จะไม่มีอะไรสลับซับซ้อน และสามารถคลี่คลายปัญหาได้อย่างง่ายดายเสียอีก แต่ที่ไหนได้ ทุกอย่างกลับเลยเถิดไปไกลมากกว่าที่คิดหลายต่อหลายเท่า

ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย