บทที่ 34 สกัดกั้น
เสียงคำรามของซูเฉินดังก้องราวกับเสียงฟ้าร้องไปทั่วสนามรบ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถที่ทำให้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญหยุดสู้กันได้ แต่ความหมายที่อยู่คำพูดเมื่อครู่นั้นก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนตกใจ ดึงดูดความสนใจของพวกเขาเอาไว้ได้แล้ว
“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร ?” หรงเซียงเสิ่งหันกลับมาและจ้องซูเฉินอย่างกินเลือดกินเนื้อ แม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ห่างออกไปไกล แต่สายตาของเขากลับเฉียบคมจนทำให้ซูเฉินถึงกับแอบสั่นเทาโดยไม่ตั้งใจ
ซูเฉินได้เก็บไม้เท้าคทาไปนานแล้ว เขายังคงยืนกรานเลยกล่าวต่อไป “ท่านย่อมรู้ดีว่าข้ากำลังพูดถึงอะไร ถึงจะปฏิเสธไปมันไม่มีประโยชน์อะไร หรงเซียงเสิ่ง ท่านช่างกล้าหาญเสียจริง กล้าแม้กระทั่งเลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับเผ่าปักษาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว”
หรงเซียงเสิ่งตัวสั่นด้วยความโกรธ “เจ้ากล้าใส่ร้ายข้าพล่อย ๆ งั้นเหรอ ? รนหาที่ตาย !”
“ข้าใส่ร้ายหรือไม่ ท่านย่อมรู้ดีกับตัว” ซูเฉินตอบอย่างเยาะเย้ย “ท่านคิดว่าข้าจะไม่รู้จริง ๆ? ไสหัวไปจากที่นี่ซะ !”
พูดจบชายหนุ่มก็ปล่อยหมัดออกไป
หมัดนี้ดูเหมือนเรียบง่าย แต่มันได้รวมความแข็งแกร่ง เจตจำนง และพลังจิตทั้งหมดของเขาเอาไว้ เปลี่ยนพลังจากการฝึกฝนทั้งหมดให้เป็นหมัด การโจมตีที่ทุ่มทุกอย่างลงไปพุ่งเข้าหาท้องฟ้าอันว่างเปล่าที่ห่างออกไปไกลจากจุดที่เกิดการต่อสู้
ท้องฟ้าที่บริสุทธิ์ พื้นนภาที่ว่างเปล่า ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลยตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีแม้แต่ลมพัดหรือนกบินผ่าน
ทว่าทันทีที่ซูเฉินปล่อยหมัดไป ท้องฟ้าที่ดูเหมือนว่างเปล่าก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
จู่ ๆ ลำแสงอันเจิดจ้าพุ่งออกมา ขณะที่รอยแตกเริ่มปรากฏขึ้นกลางอากาศราวกับกระจก ก่อนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ในที่สุด เศษผลึกจำนวนนับไม่ถ้วนก็กระเด็นกระจายไปทุกทิศทาง
ร่าง 3 ร่างปรากฏขึ้น
พวกมันดูเหมือนมนุษย์ แต่มีบางอย่างที่ดูต่างไป นั่นคือปีกคู่หนึ่งที่งอกออกมาจากหลังของพวกมัน
ปีกที่กางออกกระพือขึ้นลงเป็นครั้งคราว เพื่อพยุงและทำให้พวกมันลอยอยู่ในอากาศ
พวกมันตัวเล็ก เตี้ยกว่าเผ่าเล็กน้อย แต่ใบหน้ากลับดูประณีตมาก
ผู้หญิงคนหนึ่งนั้นสวยมาก ในขณะที่ผู้ชายอีก 2 คนที่เหลือก็หล่อมากอย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อเหล่าคนที่อยู่ในที่นี้ได้เห็นร่างทั้ง 3 สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปและแสดงท่าทีว่าไม่อยากเชื่อ
“มนุษย์นก !” จูอวิ๋นเยี่ยน เฉียนชูจงและคนอื่น ๆ ตะโกนร้องขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
เผ่าปักษาทั้ง 3 ก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดจ้องไปที่ซูเฉินอย่างไม่วางตา “เป็นไปได้อย่างไร ? ไม่มีใครสามารถมองทะลุกระจกหยกพิสุทธิ์กรีดพิศวงได้ !”
ซูเฉินยิ้ม “ข้าไม่ได้มองทะลุมัน”
เขาไม่ได้มองเห็นอีกฝ่ายทะลุผ่านการปกปิดกระจกหยกพิสุทธิ์กรีดพิศวง ทั้งหมดที่ซูเฉินเห็นคือจุดที่เผ่าปักษาซ่อนตัวอยู่จากภาพคำทำนาย เช่นเดียวกับที่รู้ว่าจะผลักพวกมันออกมาจากที่ซ่อนอย่างไร
เขาทำเช่นเดียวกันกับสิ่งที่เห็นมา
และเขาก็ทำสำเร็จ
ซูเฉินได้ทำนายอีกครั้งเพื่อยืนยันความจริงไปก่อนแล้ว แต่เขาอาจจะสำเร็จได้โดยที่เสียน้อยกว่านี้
ไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดบ้าบอนี้สามารถทำให้รู้สึกเสียใจเสมอไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร
จูอวิ๋นเยี่ยนที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็ตะโกนขึ้น “หรงเซียงเสิ่ง เจ้ากล้าทรยศต่อเผ่ามนุษยได้อย่างไร !”
ในที่สุดข้อสงสัยทั้งหมดได้กระจ่างแล้ว
ตระกูลหรงได้ถูกเผ่าปักษาซื้อตัวไปนานแล้ว เพื่อประโยชน์ของเผ่าปักษา พวกมันพยายามใช้ตระกูลหรงเพื่อยั่วยุให้ 2 ตระกูลสายเลือดจักรพรรดิอสูรกายต่อสู้กันเอง
มันไม่มีความหมายที่จะรู้ว่าตระกูลหรงได้เตรียมแผนการอะไรอื่นไว้อีกหรือไม่ ความจริงที่ว่าพวกเขาสมรู้ร่วมคิดกับเผ่าปักษา เพียงอย่างเดียวก็มากเกินพอที่จะตัดสินโทษให้พวกเขาโดนกวาดล้างทั้งตระกูลแล้ว
แม้แต่เฉียนชูจงก็ยังหน้าเปลี่ยนสี “หรงเซียงเสิ่ง เจ้าโกหกพวกข้า ?”
ตระกูลเฉียนได้ตกลงเป็นพันธมิตรกับตระกูลหรง แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็ไม่ทราบถึงการสมรู้ร่วมคิดระหว่างอีกฝ่ายกับคนต่างเผ่าเช่นกัน พวกเขามาเพื่อผลประโยชน์มหาศาลที่ตระกูลหรงได้สัญญาไว้ สำหรับหรงเซียงเสิ่ง ตระกูลหรงและตระกูลจูถูกลิขิตให้เป็นศัตรูที่ต้องตายกันไปข้างมานานแล้ว และเพื่อที่จะทำลายศัตรู พวกเขาก็เต็มใจที่จะละทิ้งผลประโยชน์ทุกอย่างไป
ความโลภได้บดบังดวงตาของตระกูลเฉียน ทำให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อของการโกหกครั้งนี้ และได้ส่งกองกำลังของตระกูลออกมาแล้ว ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าความจริงเบื้องหลังเรื่องนี้จะเลวร้ายถึงขนาดนี้
ช่วงเวลาที่คนจากตระกูลเฉียนได้เห็นเผ่าปักษาพวกเขาจึงได้ตื่นตระหนกเช่นกัน ความผิดฐานสมคบคิดกับเผ่าปักษามันมีมากเกินกว่าที่ตระกูลของพวกเขาจะรับไหว
เฉียนชูหยงรีบตะโกนขึ้นในทันที “ตระกูลเฉียนของข้าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการสมรู้ร่วมคิดคนนอกเผ่านี้ นับจากนี้เป็นต้นไป พันธมิตรของตระกูลหรงกับเฉียนถือเป็นโมฆะ !”
จูอวิ๋นเยี่ยนรีบตีเหล็กที่ยังร้อนอยู่ในทันที(1) “นั่นยังไม่พอ ! เจ้าต้องช่วยเราจับพวกมันเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้า !”
“ได้ !” สามพี่น้องตระกูลเฉียนตอบรับอย่างพร้อมเพรียง
ในช่วงเวลาที่ความชอบธรรมของตระกูลถูกสั่นคลอนไม่มีที่ว่างให้กับความลังเลใจ มิฉะนั้น ตระกูลหรงทั้งตระกูลของพวกเขาจะต้องถูกกวาดล้าง
สถานการณ์พลิกกลับในทันใด สามพี่น้องตระกูลเฉียนที่มาร่วมมือกับตระกูลหรงเพื่อจัดการกับตระกูลจูเมื่อครู่ ตอนนี้ได้ย้ายข้างไปเข้าร่วมกับศัตรูเพื่อโจมตีหรงเซียงเสิ่งและคนอื่น ๆ แล้ว
สถานการณ์เลวร้ายลงในพริบตา คนของตระกูลหรงพยายามอย่างมากที่จะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ก่อนจะถูกจับ
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว มนุษย์นกทั้งสามก็รีบบินหนีในทันที
“คิดจะหนี ?” ซูเฉินสูดลมหายใจและตะโกน “เงามรณะ !”
ริ้วกระดาษขาวพุ่งผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว
ริ้วสีขาวนี้ไม่ใช่วิชาหมอกของกวางพิสุทธิ์ตระกูลเฉียน แต่เป็นกระดาษขาวหนาทึบจำนวนนับไม่ถ้วนที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
ริ้วกระดาษขาวแต่ละเส้นร่ายรำเป็นจังหวะด้วยพลังประหลาด ขณะที่พวกมันไล่ตามเป้าหมายอย่างไม่ลดละไปพร้อมกับกลิ่นอายของความตายจาง ๆ
มนุษย์นก 2 ใน 3 ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงโดยการหันกลับมาง้างคันธนู แล้วยิงฝนธนูสีทองออกมา
เผ่าปักษานั้นเชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะไกล คันธนูและลูกธนูนั้นเป็นแบบที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเผ่าของพวกเขาโดยเฉพาะ ลูกธนูระเบิดออกด้วยพลังงานขณะที่ชนเข้ากับเป้าหมาย เห็นได้ชัดว่าเหล่ามนุษย์นกกำลังใช้วิชาบางอย่างเพื่อเพิ่มพลังให้กับลูกธนูของพวกเขา
แต่เมื่อมันตกลงบนกระดาษสีขาว พวกมันก็ถูกควันที่ริ้วกระดาษพ่นออกมากัดกร่อนและเริ่มละลายลงในทันที
มนุษย์นกเพศหญิงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้กางปีกออกจนสุด และบินหนีขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง
นางเร็วมาก ทว่าซูเฉินเร็วกว่า
เขาดึงเอาเรือเหาะจันทราเงินออกมาและไล่ตามนางไปทันได้ในพริบตา เขายิ้มแล้วพูดว่า “ให้ข้าไปส่งไหม ?”
คำตอบที่เขาได้รับคือระเบิดสายฟ้า
เผ่าปักษานั้นมีความสามารถในการรับรู้ถึงพลังต้นกำเนิดได้ดีกว่ามนุษย์ ดังนั้นระบบการฝึกฝนของพวกมันจึงคล้ายกับพวกชาวอาร์คาน่ามากกว่า และการโจมตีของพวกมันก็ค่อนข้างคล้ายกับวิชาโบราณอาร์คาน่าเช่นกัน ซูเฉินตกใจอย่างมากกับทั้งพลังและความฉับพลันของสายฟ้าที่ฟาดลงมาผ่าใส่เรือเหาะจันทราเงินนี้
โชคดีที่เรือเหาะจันทราเงินกั้นสายฟ้านี้ให้เขาไว้ ซูเฉินตัดสินใจเก็บเรือเหาะไปและลอยอยู่กลางอากาศแทน เขาดึงดาบหั่นภูผาออกมา ก่อนจะฟันใส่มนุษย์นกเพศหญิง แม้นางจะเป็นผู้หญิง แต่ซูเฉินก็ไม่ได้คิดจะสงสารและละเว้นนางจากการโจมตีด้วยดาบนี้
มนุษย์นกเงยหน้าของนางขึ้นและกรีดร้องด้วยเสียงแหลมสูงเหมือนนก คลื่นเสียงกระทบกับคมดาบของซูเฉิน ทำให้มันหยุดอยู่กับที่และป้องกันไม่ให้เขาขยับโจมตีได้อีก
“ดูเหมือนเจ้าจะพอมีฝีมืออยู่บ้าง !” ดวงตาของซูเฉินทอประกาย เงาภาพลวงตาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา เปิดใช้งานภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิด ร่างใหญ่นั้นเงยหน้าขึ้นและคำรามก้อง ดาบหั่นภูผาในมือขยายขนาดขึ้นเป็นสิบเท่า และฟาดฟันลงมาอย่างดุเดือดอีกครั้ง
มนุษย์นกเพศหญิงรับรู้ถึงสถานการณ์เลวร้ายที่ตนกำลังเผชิญอยู่ และตอบโต้ด้วยการถุยไข่มุกออกมา
ไข่มุกเริ่มขยายตัวในอากาศ เปล่งประกายเจิดจ้าและหยุดใบมีดของซูเฉินเอาไว้อีกครั้ง
มนุษย์นกเพศหญิงพยายามที่จะฉวยโอกาสนี้เพื่อหลบหนี
ทว่าในตอนนั้นเองจูเซียนเหยาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นและโยนภาพวาดบางอย่างออกมา
ซูเฉินไม่เคยเห็นภาพวาดนี้มาก่อน มันคงจะเป็นเครื่องมือต้นกำเนิดที่ตระกูลจูมอบให้แก่จูเซียนเหยาหลังเขาจากมา เส้นแสงนับพันพวยพุ่งออกมาจากภาพวาด ห้อมล้อมมนุษย์นกเพศหญิงทำให้นางขยับเคลื่อนไหวไม่ได้อีก
ในเวลาเดียวกัน ข้ารับใช้ด่านสู่พิสดาร 2 คนที่อยู่ด้านหลังของจูเซียนเหยา ก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารทั้ง 2 จะค่อนข้างธรรมดาแต่พวกเขายังอยู่ในด่านสู่พิสดาร ไม่มีทางเลยที่มนุษย์นกเพศหญิงจะสามารถหลบหนีจากการโจมตีร่วมกันของทั้งคู่ได้อย่างง่าย ๆ
มนุษย์นกเพศหญิงกัดฟันและโยนกระจกออกมา กระจกกลางอากาศพลิกส่องมาทางนาง จากนั้นก็มีมนุษย์นกเพศหญิงที่เหมือนกันโผล่มาจากกระจกนั้น แล้วพุ่งออกไปอีกทางหนึ่งในจังหวะเดียวกับที่กระจกแตกออก
ถึงร่างที่ออกจากกระจกมาจะดูเหมือนร่างโคลน แต่ซูเฉินก็ไม่กล้าที่จะประมาท เขาก้าวมาด้านหน้าเพื่อหยุดนางเอาไว้
มนุษย์นกเพศหญิงจากกระจกออกท่าทาง สร้างลูกไฟนับไม่ถ้วนขึ้นแล้วขว้างมันไปทางซูเฉิน
“จะเล่นไฟกับข้า ?” ซูเฉินยิ้ม
เขาเลิกใช้ดาบ แล้วผลักฝ่ามือซ้ายออกไปแทน ลูกไฟที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาจู่ ๆ ก็หยุดชะงักลงกลางทาง
ชายหนุ่มพลิกข้อมือ แล้วดีดนิ้วเบา ๆ ลูกไฟเหล่านั้นก็ถูกแยกส่วนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะกลับมารวมตัวกันเป็นรูปร่างของฟีนิกซ์เพลิงขนาดใหญ่ ที่เริ่มกระพือปีกของมัน
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?” มนุษย์นกเพศหญิงตกตะลึง
สิ่งที่ซูเฉินแยกย่อยไปนั้นไม่ใช่เปลวไฟที่เป็นวัตถุจริง แต่เป็นเปลวไฟที่ควบแน่นจากพลังต้นกำเนิด !
ต้องมีความเข้าใจในพลังต้นกำเนิดประเภทไฟลึกมากถึงเพียงใดกัน จึงจะสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ ?!
นี่เป็นความสำเร็จอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ซูเฉินไม่เหมือนใคร
คนอื่น ๆ มักจะมุ่งเน้นไปกับการเพิ่มความแข็งแกร่งโดยอาศัยสายเลือดของพวกเขาและฝึกฝนร่างกาย ในขณะที่ซูเฉินอาศัยการรับรู้และความเข้าใจ
ไม่มีใครคุ้นเคยกับวิธีการใช้พลังต้นกำเนิดไปมากกว่าเขาอีกแล้ว เพราะเขาสามารถเห็นความลับของโลกผ่านเนตรมองโลกจุลภาคได้อย่างชัดเจน ความเข้าใจในพลังต้นกำเนิดของเขาจึงเหนือกว่าใคร ๆ
แต่ความเข้าใจเช่นนี้ใช้เวลานานนักกว่ามันจะเปลี่ยนเป็นความแข็งแกร่ง
หากเปรียบเทียบความแข็งแกร่งกับสติปัญญา อย่างแรกนั้นสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ในขณะที่อย่างหลังนั้นจะค่อย ๆ เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ในระยะยาว
ด้วยเหตุนี้ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ความแข็งแกร่งจึงเป็นที่นิยมมากกว่าสติปัญญา
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ข้อดีของสติปัญญาก็เริ่มปรากฏและกลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย
นี่เป็นความจริงที่มีให้เห็นในการเปลี่ยนแปลงของประวัติศาสตร์ระหว่างชาติเกษตรกรรมกับชนเผ่าเร่ร่อน เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงระหว่างเผ่ามนุษย์กับเผ่าคนเถื่อน เผ่าสัตว์อสูรและเผ่าอื่น ๆ
นี้เป็นเอกลักษณ์ของสติปัญญา ความยืดหยุ่นและความอดทน
หลังจากผ่านฝึกฝนและเก็บประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ในที่สุดความแข็งแกร่งที่ซูเฉินได้รับมาจากความเข้าใจอันลึกซึ้งเกี่ยวกับพลังต้นกำเนิด ก็เริ่มปรากฏให้เห็นในทักษะการต่อสู้ของเขา
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงขั้นแรก ๆ แต่ก็ยังพลังที่เกินกว่าคนทั่วไปจะทำตามได้
หลังจากเปลี่ยนลูกไฟที่พุ่งเป้ามาที่เขาให้เป็นวิชาจิตของเขาแล้ว นกเพลิงก็ส่งเสียงร้องพุ่งเข้าหามนุษย์นกเพศหญิง
ขณะที่นางกำลังจะถูกนกเพลิงโจมตี ทันใดนั้นเสียงถอนหายใจของใครบางคนก็ดังขึ้น
ประหนึ่งเสียงนั่นดังขึ้นที่ข้างหูของซูเฉิน ร่างกายของสั่นสะท้านหัวใจรับรู้ได้ถึงความกลัวอย่างแรงกล้า ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังคุกคามเขา
ไม่ดี !
ซูเฉินสัมผัสได้ทันทีว่าผู้เชี่ยวชาญด่านหยั่งรู้ฟ้าดินได้เข้าร่วมการต่อสู้แล้ว
เมื่อฐานการบ่มเพาะของคนคนหนึ่งไปถึงด่านหยั่งรู้ฟ้าดินแล้ว พลังจิตของเขาจะขยายตัวออกเป็นทะเลขนาดใหญ่ เพียงแค่คิดพวกเขาก็สามารถกระตุ้นพลังจิต มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้คู่ต่อสู้สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวหรือเสียชีวิตทันที
อย่างไรก็ตามซูเฉินไม่ใช่คนทั่วไป พลังจิตของเขานั้นสูงถึง 2,000 หน่วย ในแง่ของพลังจิตบริสุทธิ์เขาไม่ได้ด้อยไปกว่ามนุษย์คนไหนเลย แต่เพราะชายหนุ่มยังไม่ได้ก่อตั้งตำหนักเซียนหรือเปิดหยินและหยางของตน เขาจึงขาดความสามารถในการปลดปล่อยพลังจิตอย่างเต็มกำลัง
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็มีความสามารถพอจะป้องกันตัวเองได้ ถึงเขาจะไม่สามารถโจมตีเต็มกำลังได้ก็ตาม เป็นผลให้การถอนหายใจครั้งนี้ทำได้เพียงแค่คุกคามเท่านั้น แต่ไม่อาจหยุดซูเฉินให้อยู่กับที่ได้
พริบตาต่อมา นกเพลิงก็พุ่งเข้าชนมนุษย์นกเพศหญิง ส่งนางกระเด็นไปพร้อมกับกรีดร้องออกมา
“หยุดมือของเจ้าซะ !”
หลังจากเสียงคำรามต่ำ มือขนาดใหญ่ก็พุ่งลงมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด และคว้าตัวซูเฉินเอาไว้
*****
(1) 打铁趁热ตีเหล็กต้องตีตอนที่ยังร้อน
กระทำบางสิ่งในเวลาที่เหมาะสมที่สุด มีความหมายเช่นเดียวกันกับน้ำขึ้นให้รีบตัก