คล้ายกับว่าเสินเซ่อเทียนมองออกว่าเยี่ยเม่ยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เขาถึงเอ่ยถามว่า “กำลังคิดอะไรอยู่”
“กำลังคิดเรื่องการศึกกับต้ามั่ว ยังมี…” เยี่ยเม่ยมองเสินเซ่อเทียนคราหนึ่ง “หลายวันนี้แม่ทัพชายแดนหลายคนคิดจะเสนอชื่อข้าเพื่อให้ฝ่าบาทพระราชทานตำแหน่งขุนนาง เจ้าคงไม่ขัดขวางใช่ไหม”
เสินเซ่อเทียนเลิกคิ้ว ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร “เจ้าเลิกกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลให้อยู่ชายแดนต่อไป ในเมื่อเป็นเช่นนี้ฝ่าบาทย่อมสมควรพระราชทานรางวัลให้เจ้า ไม่เช่นนั้นโลกนี้ยังมีใครยินยอมทำงานถวายชีวิตเพื่อเป่ยเฉินอีกบ้าง”
“เจ้าพูดแบบนี้ ข้าก็วางใจแล้ว” เยี่ยเม่ยเอ่ยเสียงเย็นชาคำหนึ่ง
เสินเซ่อเทียนกลับรู้สึกสนใจ “ทำไม เจ้ากลัวว่าข้าจะขวาง หรือเพราะเจ้าใส่ใจความคิดของข้ากัน”
“ข้าย่อมใส่ใจ!” เยี่ยเม่ยไม่หลีกเลี่ยง เอ่ยตรงๆ ว่า “ในเมื่อใครต่างก็รู้ว่าจากฐานะของท่านในราชสำนัก หากท่านไม่เห็นด้วย เรื่องนี้ก็คงหมดหวัง!”
“ฮ่าฮ่า เถรตรงมาก!” เสินเซ่อเทียนวิจารณ์ออกมาประโยคหนึ่ง กลับไม่อาจอ่านอารมณ์ในดวงตาเขาออก
ระหว่างคนทั้งสองคุยกันก็มาหยุดอยู่หน้าโรงเตี๊ยม
……
ชายแดนต้ามั่ว
ราชาต้ามั่วนั่งอยู่ในกระโจม มองจิวมั่วเหออย่างไม่เชื่อสายตา “ขุนนางรัก คำพูดเจ้าหมายความว่าอะไร เจ้าคิดให้ข้านำทัพออกศึกด้วยตัวเองหรือ”
“ถูกต้องแล้ว!” จิวมั่วเหอพยักหน้า รีบเสริมต่อว่า “ท่านข่าน สถานการณ์ในยามนี้ชัดเจนมาก เพราะเรื่องเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ก่อกบฏ ยามนี้พวกเราเสียเปรียบอย่างใหญ่หลวง เวลานี้พวกเป่ยเฉินกำลังใจแข็งกล้า ส่วนทหารต้ามั่วเราขวัญกำลังใจตกต่ำ มีแต่ท่านนำทัพเอง ถึงปลุกขวัญกำลังใจกลับมาได้!”
เมื่อจิวมั่วเหอเสนอออกมา ราชาต้ามั่วในเวลานี้ก็ลังเลแล้ว
ราชาต้ามั่วย่อมรู้ถึงความร้ายกาจของเยี่ยเม่ย ทั้งยังมีจิ่วหุน ถึงแม้จิ่วหุนไม่อยู่ชายแดน แต่ยังไม่แน่ว่าเขาจะกลับมายามไหน หากอีกฝ่ายลอบสังหารเขาบนสนามรบ นั่นก็อันตรายเกินไปแล้ว!
จิวมั่วเหอเห็นราชาต้ามั่วลังเล ก็ประสานมือเอ่ยว่า “ท่านข่าน ท่านไม่ตกลง หรือเพราะไม่กล้ากัน”
“บังอาจ ข้าจะไม่กล้าได้อย่างไร!” ราชาต้ามั่วโมโหเสียจนมุ่นคิ้วแน่น คิดไม่ถึงว่า จิวมั่วเหอจะกล้าเอ่ยคำพูดเช่นนี้กับตน
เขาจะยอมรับว่าตนเองไม่กล้าได้อย่างไร
ต้องเข้าใจว่าในวันนี้มีแม่ทัพและทหารจำนวนไม่น้อยที่ตายอยู่ท่ามกลางสนามรบ คนทั้งหมดจบชีวิตลงก็เพราะเขาต้องการเอาชนะราชสำนักเป่ยเฉิน
ในเวลานี้ หากคนทั้งหมดรับรู้ว่า ความจริงแล้วเขาไม่กล้าลงสนามรบสังหารศัตรู นั่นไม่เท่ากับว่าทหารทั้งหมดของต้ามั่วจะไม่เสียขวัญหรือ
จิวมั่วเหอรีบมองราชาต้ามั่ว ค้อมเอวเอ่ยว่า “ขอท่านข่านประทานอภัย จิวมั่วเหอล่วงเกินแล้ว! เช่นนั้นท่านข่าน…”
ราชาต้ามั่วลังเลครู่หนึ่ง
ความจริงเขาไม่อยากต่อสู้อีกแล้ว ได้ยินว่าเสินเซ่อเทียนมาถึงชายแดน แต่ว่าจิวมั่วเหอเอ่ยมาถึงขั้นนี้ ก็บีบจนเขาหมดทางถอยหนี
ยามนี้เขาสมควรตกลงออกศึกด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับยอมรับว่าตัวเองไม่กล้า
แม่ทัพหลายคนล้วนอยู่ที่นี่ด้วย เขาจะยอมรับได้อย่างไรว่าตนเองกลัว
ราชาต้ามั่วหน้าเขียวคล้ำ เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะนำทัพออกศึกด้วยตัวเอง!”
สิ้นเสียงเขา แม่ทัพอีกหลายคนก็ลุกขึ้นทันที “ท่านข่าน เรื่องนี้หาใช่เรื่องเล็ก หากท่านนำศึกด้วยตัวเอง หากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน แล้วแผ่นดินต้ามั่วจะทำอย่างไร”
จิวมั่วเหอปรายตามองเขา เอ่ยเสียงแข็งว่า “อนาคตของต้ามั่วยังมีองค์รัชทายาทมิใช่หรือ บุรุษชาวต้ามั่วเรา แต่ละคนล้วนเป็นชายชาตรีเข้มแข็ง มีใครกลัวตายไม่กล้าออกรบกันเล่า ท่านข่านคือราชาแห่งต้ามั่ว ยิ่งไม่มีทางกลัวตาย กล้านำทัพออกศึกอย่างแน่นอน! อดีตราชาของต้ามั่วจำนวนไม่น้อยล้วนหลั่งเลือดนองสนามรบ ต้ามั่วเราถึงมีแผ่นดินดังเช่นทุกวันนี้ ยามนี้แค่ให้ท่านข่านออกศึกครั้งเดียว พวกท่านก็แตกตื่นถึงขั้นนี้แล้ว ทั้งยังคิดสาปแช่ง พวกท่านคิดอะไรอยู่กันแน่”
“นี่…” แม่ทัพหลายคนนั้นพลันพูดไม่ออก
ก็ถูก
อดีตราชาทั้งหลายแต่งตั้งรัชทายาทไว้แต่แรก ล้วนเป็นเพราะท่านข่านนำทัพด้วยตนเอง หากเคราะห์ร้ายจบชีวิตลง เช่นนั้นตำแหน่งราชาก็มีคนสืบทอด ท่านข่านแต่งตั้งองค์รัชทายาทไว้นานแล้ว ดังนั้นครั้งนี้หากท่านข่านนำทัพเองก็ไม่มีอะไรผิด
อีกอย่างหลังจากท่านข่านขึ้นครองบัลลังก์ น้อยครั้งจะออกรบด้วยตัวเองต่างกับอดีตราชาทั้งหลาย ส่งผลให้คนจำนวนไม่น้อยครหา ไม่ว่าอย่างไรแผ่นดินต้ามั่วก็ยกย่องผู้เข้มแข็ง วันนี้เมื่อมีโอกาสให้ท่านข่านออกรบ ความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเลย !
ทุกคนคิดได้เช่นนี้ ก็พยักหน้า “อย่างนั้นทำตามประสงค์ท่านข่านเถอะ!”
ราชาต้ามั่ว “…”
ตามประสงค์ของเขาหรือตามประสงค์ใครกัน นี่ล้วนเป็นจิวมั่วเหอบีบให้เขานำทัพออกศึกต่างหากเล่า เขาเคยมีความคิดจะทำตั้งแต่เมื่อไร ทุกอย่างล้วนเป็นความคิดของจิวมั่วเหอ
เดิมทีเขายังฝากความหวังไว้กับแม่ทัพเหล่านี้ หวังว่าทุกคนจะช่วยลบความคิดของจิวมั่วเหอไปได้ คราวนี้ก็ดีเลย จิวมั่วเหอเอ่ยประโยคเดียว พวกเขาก็ทอดทิ้งตนแล้ว
ราชาต้ามั่วมองจิวมั่วเหอดุดัน
ทว่าเห็นท่าทีภักดีของจิวมั่วเหอค้อมเอวเอ่ยกับตน มองไม่เห็นถึงความคิดเป็นอื่นหรือมีเจตนาร้ายเลย ทำให้เพลิงโทสะในใจของราชาต้ามั่วไม่อาจระบายออกมาได้
ดังนั้นจิวมั่วเหอหลงคิดว่าการให้เขาออกรบด้วยตนเอง เป็นการทำเพื่อตัวเขาอย่างนั้นหรือ
ราชาต้ามั่วคิดด่าคนขึ้นมาแล้ว
ยามนี้เขาเริ่มสำนึกเสียใจเรื่องที่จะสังหารเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ หากอีกฝ่ายยังอยู่ข้างกาย ยามนี้ต้องไม่ยินยอมให้ตนออกรบแน่ แต่ว่า…
เมื่อคิดเรื่องเหล่านั้นของเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ ราชาต้ามั่วพลันไม่อยากคิดอะไรอีก
เขามองจิวมั่วเหอ ถามเสียงขรึมว่า “เช่นนั้นจิวมั่วเหอ เจ้าคิดว่าข้าควรนำทัพเองเมื่อไรถึงจะเหมาะสม”
“ยิ่งเร็วยิ่งดี!” จิวมั่วเหอตอบกลับด้วยประโยคนี้ทันควัน จากนั้นเสริมต่อว่า “ยามนี้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่อยู่ชายแดน จิ่วหุนก็ไปสังหารซือถูเฉียงที่เมืองหลวง ยามนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเรา หากชิงลงมือก่อนที่สองคนนั้นจะกลับมา ต้องประสบความสำเร็จแน่!”
เมื่อเขาเสนอเช่นนี้ บรรดาแม่ทัพทั้งหมดไม่ว่าจะสนับสนุนจิวมั่วเหอ หรือไม่สนับสนุนจิวมั่วเหอต่างก็พยักหน้า
ทุกคนเอ่ยว่า “ถูกแล้ว โอกาสในวันนี้ ถือว่าหาได้ยากยิ่งนัก!”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น! ไม่เช่นนั้นรอจนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนและจิ่วหุนกลับมาแล้ว พวกเราคิดเอาชนะก็ยิ่งยากไปใหญ่! ดังนั้นสมควรฟังคำของแม่ทัพจิวมั่ว รีบนำทัพออกศึกทันที พวกเราถึงมีโอกาสชนะ!” แม่ทัพผู้หนึ่งเอ่ย
ส่วนคนอื่นๆ บ้างก็เอ่ย ถูกต้อง ถูกต้อง บ้างก็พยักหน้าเห็นด้วย
ราชาต้ามั่วรู้สึกว่าตนในยามนี้คล้ายกับเป็ดขึ้นเขียง ความจริงเขาไม่ถนัดการนำทัพ แต่ว่ายามนี้ก็ไม่มีวิธีอื่นอีก “เช่นนั้นก็ดี เตรียมทัพ! ออกศึกให้เร็วที่สุด!”