เฉินฉางเซิงคือใคร
เขาเป็นเด็กน้อยลอยน้ำที่นักพรตจี้เก็บมาจากกลางธาร
เขาเป็นนักพรตน้อยจากเมืองซีหนิงที่หมั้นหมายกับหงส์สวรรค์สวีโหย่วหรง
เขาเป็นทายาทนิกายหลวง ผู้สืบทอดตำแหน่งสังฆราช
เขาอ่านคัมภีร์เต๋ามาเป็นอย่างดีเหนือล้ำกว่าผู้มีพรสวรรค์ในวิถีกระบี่
ทว่าเขาคือใครกันแน่
เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของผู้เฒ่าความลับสวรรค์และถามอย่างจริงจัง “ข้าใช่รัชทายาทเจาหมิงหรือไม่”
ในปีที่ผ่านมา เรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่ถกเถียงกันมากที่สุด ข่าวลือที่ลับที่สุดในจิงตู
ไม่มีใครรู้คำตอบ
ทุกคนพูดกันว่าไม่มีอะไรที่ผู้เฒ่าความลับสวรรค์ไม่รู้ แล้วเขารู้เรื่องนี้หรือไม่
คำถามนี้ตรงไปตรงมา เย็นชา และเข้มงวดเหนือธรรมดาอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับกระบี่ของซูหลีหรือดาบของหวังผ้อ
แม้ว่าผู้เฒ่าความลับสวรรค์จะเตรียมใจมานานแล้ว แต่ดวงตาของเขาก็ยังหรี่ลงและนิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน
หลังจากผ่านไปนาน เขาก็กล่าวขึ้นในที่สุด “เมื่อจักรพรรดินีขอร้องให้ข้าเดินทางไปจิงตูเป็นพิเศษเพื่อดูเจ้า ข้าเองก็อยากถามคำถามแบบนี้เช่นกัน”
เฉินฉางเซิงคิดในใจนี่ก็เป็นคำถามที่ข้าอยากจะรู้คำตอบอย่างมากเช่นกันเขาจึงกล่าว “แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร”
ผู้เฒ่าความลับสวรรค์ตอบ “ไม่มีผลลัพธ์ เพราะ…เจ้ากับรัชทายาทเจาหมิงนั้นมีอายุต่างกัน”
เฉินฉางเซิงไม่ได้รู้สึกโล่งใจกับคำตอบนี้ด้วยเหตุผลสองประการ
เขาคิดคำนวณอย่างระวัง แม้ว่าอายุของเขาจะไม่เท่ากับรัชทายาทเจาหมิง ศิษย์พี่อวี๋เหรินของเขากลับเป็นเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าความลับสวรรค์ยังปกปิดความหมายที่ลึกซึ้งเอาไว้ในคำพูดของเขา ไม่มีผลลัพธ์เพราะว่าอายุนั้นต่างกัน นี่ไม่ได้หมายความว่าหากมองจากมุมอื่นแล้ว เขาอาจเป็นรัชทายาทเจาหมิงก็ได้หรอกหรือ
“หากอายุของเจ้าเท่ากับรัชทายาทเจาหมิง กลับกลายเป็นว่ามีบางอย่างผิดปกติในเรื่องนี้”
“เพราะเหตุใด”
“เพราะมันถูกต้องเกินไป”
เพราะถูกต้องเกินไป ดังนั้นจึงไม่ถูกต้อง นี่ฟังดูน่าสับสนอยู่บ้างแต่เฉินฉางเซิงสามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดาย หากอายุของเขาเท่ากับรัชทายาทเจาหมิง ข่าวลือที่แพร่ไปทั่วจิงตูก็จะกลายเป็นเรื่องจริงอย่างง่ายดายและพายุที่ซ่อนอยู่ย่อมระเบิดออกมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ บางทีอาจทำลายม่านดำของจิงตู บางทีอาจระเบิดร่างของเขาเป็นผุยผง
คำพูดต่อมาของผู้เฒ่าความลับสวรรค์ทำให้เฉินฉางเซิงสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ตัวแข็งทื่อไป
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีศิษย์พี่และอายุของเขาก็เท่ากับรัชทายาทเจาหมิงพอดี”
ผู้เฒ่าความลับสวรรค์มองเข้าไปในดวงตาของเขาและกล่าว “ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าไม่ได้บอกว่าเขาเป็นรัชทายาทเจาหมิง”
เฉินฉางเซิงถาม “เหตุใด”
ผู้เฒ่าความลับสวรรค์ตอบ “เพราะเขานั้นตรงกับรัชทายาทเจาหมิงอย่างสมบูรณ์”
เฉินฉางเซิงไม่รู้จะพูดอย่างไร
“ข้านั้นชื่นชมในวิชาเต๋าที่หลากหลายของเจ้าสำนักซางอย่างลึกซึ้ง”
ผู้เฒ่าความลับสวรรค์กล่าวด้วยสีหน้าสุขุม “เมื่อไรเห็นเท็จเป็นจริง ความจริงก็กลายเป็นเท็จ น่าเสียดายที่นี่ไม่เพียงพอที่จะทำให้ข้าเชื่อ”
เฉินฉางเซิงไม่ได้ถามว่าอะไรที่เขาไม่เชื่อ ในตอนนี้จิตใจของเขาทุ่มความสนใจไปที่เรื่องอื่น
เขากำลังคิดถึงคัมภีร์เต๋าบางเล่ม คัมภีร์เต๋าที่เรียกว่าคัมภีร์กาลเวลา และเวลาก็คือ…อายุ
“นอกเหนือจากอายุ….ในแง่อื่น ข้าตรงกับรัชทายาทเจาหมิงใช่หรือไม่”
“ใช่ ข้ามั่นใจมากว่าเจ้าเป็นเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์เฉิน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินฉางเซิงก็ไม่อาจรักษาท่าทีสงบนิ่งได้อีกต่อไป
ในข่าวลือซุบซิบที่แพร่กระจายไปทั่วจิงตูช่วงปีกว่าที่ผ่านมา ก่อนที่พวกเขาจะพูดกันว่าเขาอาจเป็นรัชทายาทเจาหมิง พวกเขาได้พูดเรื่องที่เขาเป็นสมาชิกราชวงศ์เป็นอย่างแรก
“ทำไม ทำไมทุกคนถึงได้มั่นใจว่าข้าเป็นเชื้อพระวงศ์ เพราะว่าข้าแซ่เฉินเช่นนั้นหรือ”
เขาถามผู้เฒ่าความลับสวรรค์ ไม่ตระหนักว่าน้ำเสียงของตนนั้นสูงกว่าปกติอยู่บ้าง
สำหรับเขา การเสียการควบคุมจิตใจนั้นเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง
สวนนี้ปกคลุมไปด้วยหมอกหนา ปิดกั้นเสียงสนทนาไว้หมดสิ้น ไม่มีใครแอบฟังคำพูดของพวกเขาได้
“ข้ามั่นใจว่าเจ้าเป็นเชื้อพระวงศ์ได้อย่างไรน่ะหรือ”
ผู้เฒ่าความลับสวรรค์มองดูเขา สีหน้าซับซ้อนอยู่บ้าง “เพราะว่าร่างกายของเจ้ามีวงตะวัน”
“วงตะวันหรือ”
เฉินฉางเซิงไม่ถึงกับไม่รู้จักคำนี้ ถึงแม้ว่ามันแทบจะไม่ถูกกล่าวถึงอีกเลยหลังจากจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ครองอำนาจและขับไล่สมาชิกราชวงศ์ทั้งหมดออกจากจิงตู
สาเหตุที่ราชวงศ์เฉินออกมาจากเมืองเทียนเหลียงได้และทำให้แผ่นดินสงบสุข และสาเหตุที่พวกเขาสามารถสร้างยอดฝีมือที่หาใดเปรียบมิได้แบบเฉินเสวียนป้าและจักรพรรดิไท่จง ก็เพราะสายเลือดของตระกูลเฉินนั้นต่างไปจากคนทั่วไป วิธีการบำเพ็ญของพวกเขาต่างไปจากสำนักอื่นๆ แน่นอนว่ารายละเอียดของความแตกต่างนี้เป็นความลับใหญ่ที่สุดของราชวงศ์ แต่คำว่า ‘วงตะวัน’ ก็ยังคงอยู่
เฉินฉางเซิงนึกถึงประสบการณ์ในการบำเพ็ญเพียรของตนหลังจากมาถึงจิงตู โดยเฉพาะการถอดจิตที่ทำมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว เขาก็ส่ายหน้า “ไม่ ข้าไม่เคยพบว่ามีสิ่งที่เหมือนกับวงตะวันในร่างกายข้า”
“นั่นเป็นเพราะเมื่อนานมาแล้ว วงตะวันในร่างของเจ้าถูกทำลาย หากพูดให้ถูกคือมันระเบิดออก”
ผู้เฒ่าความลับสวรรค์มองดูเขาอย่างเงียบงัน บางทีเขาอาจตาฝาดไป แต่เฉินฉางเซิงรู้สึกเหมือนว่าสายตาของผู้อาวุโสกำลังแสดงความสงสารต่อเขา
“เป็นไปได้อย่างไร หากเป็นเช่นที่ใต้เท้ากล่าว ร่างกายของข้ามีวงตะวันอยู่จริงแต่ระเบิดไปแล้ว ไฉนข้าถึงไม่เคยสัมผัสถึงมันได้เลย”
“นั่นเป็นเพราะในยามที่วงตะวันของเจ้าถูกทำลาย เจ้ายังเป็นแค่ทารกเท่านั้น”
“…ต่อให้เป็นเช่นนั้น เหตุใดจึงไม่มีใครเคยเห็นรอยวงตะวันในร่างกายข้า ทำไมใต้เท้าถึงไม่พบในตอนที่ท่านมาพบข้าที่จิงตูคราวก่อน”
เฉินฉางเซิงยังไม่อาจยอมรับข้อสรุปนี้ แม้ว่าคนที่พูดออกมาจะเป็นผู้เฒ่าความลับสวรรค์ก็ตาม
“เพราะในตอนนั้นระดับการบำเพ็ญของเจ้าไม่เพียงพอ หลังจากการบำเพ็ญของเจ้าลึกล้ำขึ้น แสงดาวเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เส้นลมปราณของเจ้าชัดเจนยิ่งขึ้น ข้าถึงสามารถยืนยันได้ในที่สุด”
“เราพูดเรื่องวงตะวันที่ระเบิดไม่ใช่หรือ แล้วเส้นลมปราณเข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่เมื่อไร”
“เจ้า…เส้นลมปราณของเจ้าขาดไม่ใช่หรือ และเจ้าก็มีปัญหาในการโคจรปราณแท้มาตลอดไม่ใช่หรืออย่างไร”
ผู้เฒ่าความลับสวรรค์มองตาเขาและถาม
เฉินฉางเซิงตกใจพูดอะไรไม่ออก
เช่นเดียวกับเลือดของเขา เส้นลมปราณที่ติดขัดขาดช่วงของเขาก็นับเป็นความลับใหญ่หลวงในร่างกายของเขาเช่นเดียวกัน
ความลับนี้น่ากลัวยิ่งกว่า เพราะจากที่อาจารย์บอกไว้ ปัญหาเรื่องเส้นลมปราณนี้ส่งผลโดยตรงต่อการตายในวัยยี่สิบปีของเขา
เขาไม่คาดคิดว่าความลับนี้จะถูกผู้เฒ่าความลับสวรรค์มองออกได้อย่างง่ายดายและยังพูดมันออกมาอีก
ทว่า…เส้นลมปราณพิการของเขาเกี่ยวอะไรกับการที่เขาเป็นเชื้อพระวงศ์ เกี่ยวอะไรกับวงตะวัน
ผู้เฒ่าความลับสวรรค์ยกมือขวาขึ้น ชี้ข้ามโต๊ะไปยังจุดหนึ่งตรงหน้าอกของเฉินฉางเซิง
“ตอนที่เจ้าเป็นทารก วงตะวันระเบิดออกที่ตรงจุดนี้ จากนั้นก็กระจายออกราวกับใยแมงมุม ทำร้ายเส้นลมปราณทั้งเก้าของเจ้า”
“เจ้าอยากถามว่าเส้นลมปราณพิการของเจ้าเกี่ยวอะไรกับการระเบิดของวงตะวันใช่หรือไม่”
“เส้นลมปราณพิการของเจ้านั้นคือร่องรอยที่เหลืออยู่จากการระเบิดของวงตะวัน เป็นหลักฐานโดยตรง”
“จากคนนับไม่ถ้วนในโลกนี้ มีเพียงเจ้าที่เส้นลมปราณเสียหายด้วยเหตุนี้”
“ดังนั้นเจ้าจึงเป็นสายเชื้อพระวงศ์”
“แน่นอนว่าเจ้าเป็นเชื้อพระวงศ์ที่โชคร้ายที่สุด”
“ด้วยเหตุนี้ เมื่อยามที่วงตะวันของเจ้าระเบิดออก ทารกอย่างเจ้าก็น่าจะเสียชีวิต”
“การที่เจ้ายังมีชีวิตก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์อยู่แล้ว”
สวนแห่งนี้เงียบงัน
หมอกก็หนาผิดปกติ
อากาศอบอุ่นดังวสันตฤดูในสวนพลันเปลี่ยนไปเป็นความเย็นเยียบของเหมันต์
เฉินฉางเซิงไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน
หลังจากเงียบงันไปราวกับชั่วกัลป์ เขาถามผู้เฒ่าความลับสวรรค์ “แต่…ข้าก็ยังต้องตายใช่หรือไม่”
ในครั้งนี้ผู้เฒ่าความลับสวรรค์เป็นฝ่ายเงียบงันไป