GGS:บทที่ 923 ตลาดมืด
หากถามว่าแค่รู้หน้าแล้วจะทำอะไรได้ แน่นอนว่ามันทำการสืบสวนครั้งนี้ง่ายขึ้นอย่างมาก ด้วยการร่วมมือกันของแฮคเกอร์สาวอย่างซูฉือและความสามารถของสแตนด์สายฟ้าของหลัวฉือหลินหากเพ่งไปในเรื่องการสืบสวนแล้วแถบจะพูดได้ว่าไม่จำกัดเลยทีเดียวไม่ว่าระบบป้องกันจะดีแค่ไหนก็ตาม
อีกทั้งซูฉือนั้นรู้แหล่งข้อมูลเป็นอย่างดีว่าสมควรจะเริ่มต้นหาข้อมูลจากที่ไหน ส่วนหลัวฉือหลินเองก็สามารถเข้าไปได้ในทุกแหล่งข้อมูลนั้น แถมยังสามารถหาร่องรอยจากอุปกรณ์อิเลคทรอนิกได้ทุกชนิด ตราบใดที่มีไฟฟ้าไหลผ่านอยู่เขาสามารถไปปรากฏตัวอยู่ตรงนั้นได้ด้วยซ้ำ ยุคนี้มีที่ไหนบางที่ไม่มีอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ากันล่ะ
หากให้ตำรวจเป็นฝ่ายสอบสวนนั้นจำเป็นต้องหาจากหลักฐานหลายๆอย่าง แถมยังต้องใช้เวลา เหมือนเทียบความเร็วระดับสายฟ้าของหลัวฉือหลินแล้วใครจะสามารถเทียบได้กัน ต่อให้ยกมาทั้งโรงพักเมืองจงหยุนก็เทียบกันไม่ได้
หลังจากผ่านไปได้ไม่ถึงครึ่งวันดี หลัวฉือหลินก็พบตัวคนที่ตามหา เขานั้นปฏิบัติตามคำสั่งของซูจิ้งเป็นอย่างดีนั่นก็คือต้องช่วยตัวประกันให้ได้ก่อน
ในฐานของพวกที่ลักพาตัวนั้น ที่นั่นมีเสี่ยวรุยที่กำลังนอนมึนงงอยู่ นอกจากนั้นยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่กำลังทำการแบ่งส่วนแบ่งกันพร้อมกับหน้าตาที่แสดงความตื่นเต้นที่ได้เห็นจำนวนเงิน
“งานนี้ช่างดีจริงๆ”
“ฉันไม่คิดเลยนะว่าเลือดของหมอนี่จะมีค่าขนาดนี้”
“เฮ้ๆ หากแกมีความกล้าพอล่ะก็ แน่นอนว่าแกย่อมหาทางรวยได้ง่ายๆ เห็นมะคราวนี้เราเลือกถูกจริงๆ”
“เราเองก็ดูดเลือดหมดนี่และขายไปยังพวกสถาบันต่างๆที่ต้องการหมดแล้ว หรือว่าเราจะจัดการเลยดี เสี่ยวรุยเป็นเพื่อนร่วมห้องของซูจิ้งในมหาวิทยาลัย หากหมอนั่นเจอเราเข้าล่ะก็พวกเราได้ซวยกันหมดแหงๆ”
“ซวยเซยอะไรกัน ไอ้หมอนั่นมันก็ทำได้แค่การใช้สัตว์ของมันติดตามเท่านั้น พวกเราเองก็ทำการกำจัดชุดของเขาไปแล้ว
แถมยังโยนเสื้อของไอ้หมอนี่กระจายไปจนทั่วอีก เรากำจัดกลิ่นของเสี่ยวรุยบนตัวเราไปหมดแล้วนะหมอนั่นจะตามมาได้ยังไง
พักซะหน่อยก็แล้วกันแล้วรอดูสถานการณ์ หากว่าไม่มีท่าทีอะไรแน่นอนว่าเราไม่มีทางปล่อยไอ้บ้านี่ไปง่ายๆอย่างแน่นอน
ร่างกายของหมอนี่มีค่ามาก เราควรที่จะตรวจเช็คอย่างละเอียดเพื่อว่าจะได้ทำอะไรเพิ่ม ก่อนที่เราจะขายหมอนี่ออกไป”
“ช่ายช่าย หากแกกลัวกับอีเรื่องแค่นี้จะไปทำงานใหญ่ได้ยังไงกันล่ะ”
“ว่าแต่ฉันเองก็ยังไม่เข้าใจว่ากับอีแค่ไอ้หมอนี่สูงขึ้นอีกไม่กี่เซนนี่มันน่าสนใจตรงไหนกัน”
“ห้ะ นี่แกไม่เข้าใจงั้นเหรอ แกคิดว่าคนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่กลับสูงขึ้นได้นับสิบเซ็นในเวลาอันสั้นเป็นเรื่องง่ายรึไงกัน ลองนึกดูนะโว้ยว่ามีสักกี่ล้านคนบนโลกที่อยากตัวสูงแบบนี้บ้าง
หากว่าเจ้านายของแกได้วิธีที่ทำให้สามารถสูงได้หลังโตเป็นผู้ใหญ่แต่ยังสูงได้ไปล่ะก็ นั่นคือสุดยอดแห่งวิธีการหาเงินจนนับเงินกันไม่หวาดไม่ไหว ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะเป็นการได้เจอความลับของซูจิ้งอีกด้วยนะ”
“ฉันเองก็อยากจะลากมันมาเหมือนกัน ตอนนี้ในตลาดมืดมีคนตั้งรางวัลที่เกี่ยวกับซูจิ้งมากมายนัก นี่ยังไม่รวมถึงค่าหัวของซูจิ้งที่มีที่คนอิจฉาและเกลียดหมอนั่นตั้งเอาไว้อีก”
ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงดังเปรียะและกลิ่นไหม้ติดจมูกออกมาจากเต้ารับข้างกำแพง ก่อนที่ทุกคนในที่นี้จะรู้สึกตัวก็ได้มีประกายแสงพุ่งทะลวงร่างของทุกคนที่กำลังยืนคุยกันอยู่เมื่อครู่นี้ ทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกัน รู้เพีบงแค่ภาพสุดท้ายที่เห็นคือพื้นได้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว
ไม่นานนักที่ตึกที่ห่างไกลจากห้องที่เสี่ยวรุยอยู่ หลัวฉือหลินได้ลืมตาขึ้นในทันที เขาได้หยิบโทรศัพท์แล้วโทรไปหาซูจิ้งพร้อมทั้งรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทันที เมื่อได้ยินดังนั้นซูจิ้งได้ตรงไปที่นั่นในทันที
หลังจากที่ซูจิ้งมาถึง เขาไม่ได้สนใจคนที่นอนกองอยู่บนพื้นแม้แต่น้อย เขาตรงไปยังเสี่ยวรุยก่อนที่จะตรวจสอบสภาพร่างกายในทันที
หลังจากตรวจสอบแล้วเขาก็ได้รู้สึกใจชื้นขึ้นมา ดูเหมือนว่าเสี่ยวรุยจะแค่อ่อนแรงและดูๆไปแล้วก็ยังไม่มีอะไรหายไปแม้แต่น้อย ซูจิ้งได้ให้ชุนเย่จื่อช่วยดูแลเสี่ยวรุยไปพลางๆก่อน
เขาได้การปลุกคนที่สภาพดีที่สุดขึ้นมาแล้วทำการสะกดจิตสมบูรณ์ในทันที แล้วได้ทำการสอบถามเหตุผลที่พวกนี้มาลักพาตัวเสี่ยวรุยในทันที พร้อมทั้งถามว่าได้ทำอะไรเสี่ยวรุยไปแล้วบ้าง หลังจากได้ยินเรื่องราวแล้วซูจิ้งก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
กลายเป็นว่าในตลาดมืดในตอนนี้มีการตั้งรางวัลคนที่สืบสวนวิธีการที่เสี่ยวรุยสามารถเพิ่มความสูงหลายสิบเซ็นด้วยเวลาอันสั้น
แถมเสี่ยวรุยยังแสดงข้อความขอบคุณซูจิ้งในQQของเขานับครั้งไม่ถ้วนเลยทีเดียว แค่นี่หลายๆคนก็รู้แล้วว่าเขาเองที่เป็นต้นเหตุให้เสี่ยวรุยสูงขึ้นได้แบบนี้
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้สำหรับบางคนอาจจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่กับบางคนแล้วเรื่องนี้คือช่องทางทางธุรกิจที่ใหญ่มากๆ ซูจิ้งเองก็ไม่คิดว่าการที่เขาช่วยเสี่ยวรุยในครั้งนั้นจะทำให้ตกเป็นอันตรายได้ถึงขนาดนี้
หากว่าเขานั้นไม่ไปอวดต่อใครว่าเขารู้จักซูจิ้งล่ะก็ เสี่ยวรุยเองก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้อย่างแน่นอน
ในตอนนี้สิ่งที่ซูจิ้งกังวลที่สุดก็คือเรื่องค่าหัว เท่าที่ฟังดูเหมือนกับว่าในตอนนี้ในตลาดมืดมีคนต้องการรู้ความลับของผลิตภัณฑ์หลายๆอย่างของเขาไม่เพียงแค่ความสูงที่เพิ่มขึ้นของเสี่ยวรุย แต่ยังมีทั้งวิธีทำดอกไม้ไฟเวทมนต์ เมล็ดพันธุ์ต้นยาสูบ เมล็ดพันธุ์ข้าวสีน้ำเงิน
“ไอ้เวรที่ไหนเป็นคนตั้งรางวัลพวกนี้กัน” ซูจิ้งถามออกมา
“ผมไม่ทราบครับ แม้แต่เจ้าของตลาดมืดนี้เองก็เป็นความลับแทบจะเรียกได้ว่าล่องหนเหมือนกัน ด้วยการที่คุณมีสถานะที่สูงสุดหยั่งและความสามารถสุดคาดเดา นี่ทำให้ไม่มีใครกล้าจะเสี่ยงโดยตรง พวกเขานั้นล้วนแล้วซ่อนตัวตนของตัวเองและเสนองานให้คนอื่นเท่านั้น” ชายคนหนึ่งพูดออกมา
“แล้วไอ้คนที่แกแลกเปลี่ยนกับเงินที่ได้มานี่ล่ะ”
“พวกเราไม่รู้จักกันครับ เขาจากไปทันทีที่แลกเปลี่ยนกันเสร็จ”
ซูจิ้งยังคงถามคำถามมากมายกับพวกโจรทุกคน ดูเหมือนว่าไอ้สิ่งที่เรียกว่าตลาดมืดนี่จะเป็นความลับมากๆ มันไม่ใช่ตลาดจริงๆที่มีที่ตั้งและสินค้าที่แน่นอน
ถึงแม้เจ้าพวกนี้จะเคยไปตลาดมืดที่ว่านี่จริง แต่ก็ได้เพียงเศษเสี้ยวข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด อย่างเช่นตอนที่เสี่ยวรุยถูกจับตัว พวกเขาเองก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะได้เงินรางวัลจริงๆรึเปล่าจนกว่าเขาจะได้เงินมาอยู่บนมือจริงๆนั่นแหล่ะ
แน่นอนว่าพวกเขานั้นไม่รู้แม้แต่จำนวนเงินและใครเป็นคนต้องการหรือขายสินค้าในตลาดนี้ด้วยซ้ำ แม้แต่จะได้ของมาแล้วก็ตาม
“ดูเหมือนว่าฉันต้องเสริมการป้องกันให้ทุกคนที่อยู่รอบตัวฉันแล้วสินะ แถมดูเหมือนฉันยังต้องสืบเรื่องตลาดมืดนี่ให้มากขึ้นอีกด้วยสิ”
ซูจิ้งในตอนนี้แววตาเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต นั่นก็เพราะว่าได้มีคนเหยียบเส้นที่ไม่ควรก้าวข้ามมาแล้ว ตอนนี้เขาวางแผนเตรียมที่จะล้างบางเรียบร้อยแล้ว
ทันใดนั้นเองเสี่ยวรุยได้ฟื้นขึ้นมา
เขาจำได้ว่าตัวเองถูกจับตัวไปแล้วจากนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีกเลย เมื่อเห็นสถานการณ์โดยรอบ เมื่อเขาเห็นซูจิ้งจึงได้ถามออกมาว่า “พี่สาม เกิดอะไรขึ้นครับ”
ซูจิ้งหันไปหาเสี่ยวรุยจึงได้พูดออกมาว่า “นายถูกจับน่ะ พวกมันเอาเลือดของนายไปตรวจสอบ ถ้าฉันหานายไม่เจอล่ะก็ นายคงโดนจับแยกส่วนไปแล้วล่ะ”
เสี่ยวรุยได้ยินถึงกับขนลุกเกลียวจนรู้สึกกลัวขึ้นมาในทันที เขานั้นสบสนจนถามออกมาว่า “เลือดของผมมันทำไมอ่ะ”
ซูจิ้งเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “พวกนั้นต้องการรู้ว่านายสูงขึ้นได้ยังไงไงล่ะ”
เสี่ยวรุยนิ่งอึ้งไปในทันที เขาหยุดนิ่งไฟพักหนึ่งก่อนจะพูดออกมาว่า “ผมคงไม่ทำตัวเด่นขนาดนั้นแน่ๆถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้”
ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “นี่นายเสียใจที่ได้ดื่มยาของฉันไปรึเปล่า”
เสี่ยวรุยได้พูดออกมาในทันทีว่า “ไม่มีทางเสียใจหรอกครับ หลังจากสูงขึ้นแล้วผมรู้สึกเปลี่ยนไปราวกับจะจับนางฟ้าได้เลยนะ ผมแค่เสียใจที่แสดงออกเกินไปต่างหาก
ว่าแต่พี่สาม ผมเองก็ออกนอกหน้าไปซะเยอะจนเป็นที่เพ่งเล็งซะขนาดนี้ ตอนนี้ผมเองก็เหมือนมีอันตรายรายล้อมอยู่ตลอดเวลา พี่ไม่คิดจะมอบสัตว์เลี้ยงอย่างหมาป่าสงครามหรือไม่ก็อินทรีย์ทองให้ผมหน่อยเหรอ”
ซูจิ้งถึงกับพูดไม่ออก หมอนี่นึกว่าหมาป่าสงครามกับอินทรีย์ทองนี่หาง่ายตามข้างทางรึไงกัน
ตอนนั้นเองโทรศัพท์ของซูจิ้งก็ได้ดังขึ้น เป็นหวังเสี่ยวโทรเข้ามา แน่นอนว่าซูจิ้งต้องรีบรับในทันที หวังเสี่ยวพูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆว่า “อาจิ้ง ฉันพึ่งจะได้ยินมาว่าเพื่อนของนายที่ชื่อเสี่ยวรุยหายไป ฉันจะรีบกลับไปสืบสวนเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้ฉันยังไม่เจออะไรเลย นายเจออะไรมั่งรึเปล่า”
“ห้ะ พี่ใหญ่เสี่ยวรู้ได้ไงเนี่ย” ซูจิ้งถามออกมาอย่างสงสัย
“เหมาจิ้งหยูโทรมาที่สถานีตำรวจเมื่อวานนี้แต่คนของฉันไม่ได้รับเรื่องไว้ หากฉันรู้คงไปช่วยสืบหาแล้ว นี่ฉันช่วยอะไรนายได้บ้างเนี่ย” หวังเสี่ยวถามออกมา
“ขอบคุณพี่เสี่ยวมากครับ แต่เรื่องนี้ไม่ต้องแล้วล่ะ ผมเจอเสี่ยวรุยที่โดนลักพาตัวไปพร้อมทั้งช่วยเขาออกมาแล้ว แน่นอนว่าผมจับคนร้ายไว้ได้แล้วด้วย พี่ต้องการจัดการเรื่องนี้เองรึเปล่า ตอนนี้ผมอยู่ที่…” ซูจิ้งพูดออกมา
ตอนนี้หวังเสี่ยวบนพึมพำออกมา เขานั้นนอกจากจะไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ลักพาตัวขึ้นแล้ว ตอนนี้เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซูจิ้งทำอีท่าไหนถึงจับตัวคนร้ายได้เร็วขนาดนี้
“เจ้าหน้าที่หวัง สถานการณ์เป็นยังไงบ้างครับ” เหมาจิ้งหยูเห็นหวังเสี่ยวถือสายค้างไปอยู่อย่างนั้นอยู่นานจนต้องถามออกมาเพราะคิด่าสถานการณ์ถึงขั้นเลวร้ายมาก หากรู้อย่างนี้เขาคงจะไม่เชื่อใจซูจิ้งแต่แรกและรีบโทรหาตำรวจในทันที เพราะยังไงซะถึงแม้ตำรวจจะทำงานช้าไปหน่อยแต่ก็มีกำลังคนในการหาร่องรอย
เมื่อวานตอนที่เขาเห็นซูจิ้งทำนู่นทำนี่อยู่นั้น มองยังไงก็ไม่น่าจะได้อะไรมาอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องกังวลไป เสี่ยวรุยนั้นถูกลักพาตัวไปจริง แต่ว่าซูจิ้งจัดการเรื่องนี้แล้วน่ะ เขาเข้าไปช่วยเสี่ยวรุยไว้ได้แล้ว ” พูดจบ หวังเสี่ยวได้ส่งสัญญาณให้ทีมของเขาไปยังตำแหน่งที่ซูจิ้งบอกมาในทันที
“ห้ะ” เหมาจิ้งหยูตกใจในทันที ตอนนี้ตำรวจที่บอกมาว่ายังไม่เจออะไรเลย แต่กลายเป็นว่าซูจิ้งเจอตัวจนช่วยเสี่ยวรุยออกมาได้แล้วซะอย่างนั้น
เหมาจิ้งหยูเองก็ไม่ได้เชื่อเรื่องนี้สักเท่าไหร่ แต่เมื่อเขานั้นได้เห็นหน้าตาโจรที่ลักพาตัวเสี่ยวรุยแล้วเขาก็เชื่อในทันทีมองหน้าดูไม่ว่ายังก็เป็นคนร้ายๆแน่ๆ
แต่ที่เขาสงสัยก็คือซูจิ้งทำยังถึงได้สอบสวนได้เร็วขนาดนี้ด้วยตัวคนเดียว ทั้งๆที่ตำรวจยังหาอะไรกันไม่เจอเลย
*******