จางเจิ้นที่อดกลั้นจนใบหน้าแดง มองเหลยจ้านกับลี่เซี่ยว สายตานั้นสามารถฆ่าคนได้แล้ว

“ไอ้สารเลว พวกนายคิดว่าทรงของตัวเองดีมากเหรอ?” จางเจิ้นด่ากราด

จีอู๋หยาพูดอย่างจริงจัง “เอาล่ะ เลิกเล่นได้แล้ว!”

“พวกเขากำลังพูด…….” พูดถึงตรงนี้ จีอู๋หยาก็หยุดเอาไว้ สายตามองไปทางเฉินโม่แล้วพูด “หัวเซี่ยของเราไม่มีคนแล้วเหรอ ถึงได้ส่งเด็กน้อยมา!”

จางเจิ้นจ้องเฉินโม่ไปแวบหนึ่ง พูดอย่างเย็นชา “รองหัวหน้า อยากลืมคำพูดที่คุณเคยพูดนะ เดี๋ยวแสดงฝีมือให้ฉันดูในสนามรบด้วยล่ะ!”

เซี่ยไห่หลงมองเฉินโม่อย่างกังวล พูดกล่อม “หัวหน้าเฉิน อย่าไปสนใจพวกเขา พวกประเทศอเมกับประเทศอินนั้นเหมือนกัน มีเจตนาที่จะทำให้พวกเราโกรธ”

เฉินโม่พูดอย่างราบเรียบ “ฉันไม่เป็นไร”

เฟิงเหมียนหัวเราะคิกคัก โน้มตัวเข้าไปใกล้เฉินโม่ กะพริบตาที่มีเสน่ห์ของเธอ และเป่าหูของเฉินโม่เบาๆ “น้องชาย นายช่างใจกว้างจริงๆ พี่ก็ชอบผู้ชายแบบนายแหละ!”

เฉินโม่ที่ใบหน้าไร้ความรู้สึก ดมกลิ่นหอมที่สดชื่นแตะจมูก แล้วพูดอย่างเรียบเฉย “ถ้าหากคุณร่ายมนตร์ใส่ผมอีก ผมจะให้คุณได้ลิ้มรสความรู้สึกของวิญญาณกลับตาลปัตร!”

เฟิงเหมียนอึ้งไปในทันที สายตาที่มองเฉินโม่ปรากฏขึ้นด้วยความตกใจ หัวเราะแล้วกล่าว “น้องชาย ทำไมอารมณ์รุนแรงจัง? พี่ก็แค่ชอบนายมากเกินไปแค่นั้นเอง ก็เลยอดใจไม่ไหว!”

เจียงเหอซานมองเฉินโม่ ใบหน้ามีความปลื้มใจ เขารู้ว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นพวกใจร้อนดื้อรั้น แม้แต่เหลยจ้านที่บ้าๆบอๆมาโดยตลอด จริงๆแล้วเขากำลังลองเชิงเฉินโม่ทั้งตั้งใจและทั้งไม่ตั้งใจ

อันที่จริงหากไม่ใช่ว่าเพราะพวกเขาอยู่ที่กองทัพหลายปี คงจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในโลกฝึกบู๊ไม่น้อย และพวกเขาก็ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของเฉินไต้ซืออย่างแน่นอน

การกระทำของเฉินโม่ ถือว่าได้เขย่าขวัญของเฟิงเหมียนแล้ว ในเวลาเดียวกันก็ได้เขย่าขวัญของคนที่เหลือด้วย ต้องรู้ว่าเสน่ห์ยวนของเฟิงเหมียนนั้นถึงขั้นที่สามารถฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอย แต่กลับถูกเฉินโม่มองออก คิดว่าในใจของพวกเขาคงรู้อะไรกันบ้างแล้ว

เป็นจริงเช่นนั้น สายตาของเหลยจ้าน จางเจิ้นและคนอื่นต่างตกตะลึง

เสน่ห์ยวนของเฟิงเหมียนนั้นร้ายกาจแค่ไหน ตอนที่พวกเขาฝึกฝนเคยสัมผัสมันมานานแล้ว แต่เมื่อกี้พวกเขาไม่เห็นว่าเฟิงเหมียนนั้นลงมือกับเฉินโม่ แต่คนที่ไม่เคยเห็นเสน่ห์ยวนของเฟิงเหมียนอย่างเฉินโม่แวบเดียวก็มองออกแล้ว

เห็นได้ว่าการที่เฉินโม่สามารถเป็นคนที่ผู้บังคับบัญชาเลือก ก็ต้องไม่ธรรมดาจริงๆ

แม้แต่สายตาที่จีอู๋หยามองเฉินโม่ ก็มีความอ่อนโยนขึ้นมาบ้าง

เซี่ยไห่หลงทำเสียงฮึ่มไปหนี่งที แล้วมองไปทางเฟิงเหมียนยิ้มอย่างกวนๆ “โปรดจำเอาไว้ คนเราตัดสินกันที่รูปภายนอกไม่ได้”

เจียงเหอซานกระแอมไปหนึ่งที “เอาล่ะ คนอื่นกำลังหัวเราะเราอยู่ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ต้องร่วมใจกัน ต่อสู้กับคนนอก!”

“ครับ!” ทุกคนตอบพร้อมกัน ถือว่าได้ยอมรับเฉินโม่ในเบื้องต้นแล้ว

ไม่นาน คนของประเทศอินพวกนั้นที่เฉินโม่และคนอื่นเจอในสนามบินก็เข้ามาแล้ว เห็นได้ชัด พวกเขาได้ไปพบคนที่ประจำการอยู่ที่นี่ก่อน

พวกประเทศอิน ไม่ได้แปลกประหลาดเหมือนคนของประเทศอเม เมื่อเทียบกับคนทั่วไปแล้ว ก็ยังถือว่าแตกต่างกันมาก

หัวหน้าคือคนที่สวมชุดคลุมยาวภายนอกสีดำภายในสีแดง ผมทองดวงตาสีฟ้าและแก่มาก

สิ่งที่แปลกประหลาดมากที่สุดก็คือคนผู้นั้นกลับเดินเท้าเปล่า

อีกอย่างคนที่อยู่ด้านหลังของเขาอีกสองคน ก็แต่งตัวเหมือนกับเขาเลย เพียงแต่ว่าเสื้อคลุมยาวของเขาสองคนนั้นเป็นดำล้วน

เฉินโม่ไม่ค่อยรู้ประวัติความเป็นมาของคนพวกนี้ แม้ว่าคนเหล่านี้จะดูเหมือนคนธรรมดา แต่เฉินโม่สามารถสัมผัสได้ว่ามีพลังงานมหาศาลซ่อนอยู่ในตัวพวกเขา เฉินโม่ถึงขั้นรู้สึกว่าเหมือนจะเคยรู้จักกันมาก่อน

หลังจากที่เห็นคนของประเทศอิน สีหน้าของจีอู๋หยาก็หนักใจขึ้นมาทันที แม้กระทั่งผีอย่างประเทศอเมก็โห่ร้องขึ้นมา