GGS:บทที่ 933 อาหารมื้อใหญ่

 

“ทักษะที่ฉันจะสอนเธอนี้มันมหัศจรรย์มากๆเลยนะบอกไว้ก่อน ทักษะนี้สามารถทำให้เธอนั้นกินได้มากแบบสุดๆแถมยังกินเร็วกว่าเดิมอีกด้วย  ที่สำคัญที่สุดคือตัวเธอนั้นจะไม่เสี่ยงต่อโรคอ้วน โรคหัวใจ หรือความดันเลยแม้แต่น้อย จะให้เรียกสั้นๆก็คือทักษะจอมเขมือบ” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างจริงจัง

สาวน้อยนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นหน้าเธอก็แดงเป็นลูกตำลึงก่อนจะพูดออกมาว่า “พี่ซู นี่พี่กำลังแกล้งฉันเพราะเห็นท่าทางฉันตอนกินใช่รึเปล่าเนี่ย เกินไปแล้วนะ”

 

“ฮี่ฮี่ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่า เอาจริงๆนี่เธอกินยังไม่เท่ากับครึ่งมื้อที่ฉันกินเลยนา… จะอายไปทำไมกัน นับประสาอะไรกับมื้อ มื้อใหญ่จริงๆต้องนู่เลย หมั่นโถว 30 ลูก” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

“แล้วหนูจะกินหมั่วโถว 30 ลูกได้ยังไงกันล่ะ” สาวน้อยพูดออกมาด้วยสายตาตื่นตกใจ

“ถ้าใช้วิธีของฉันล่ะก็เธอกินได้แน่นอน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเธออยากจะให้ฉันสอนรึเปล่า” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

“อยากค่ะ หนูอยากเรียน” สาวน้อยในตอนนี้เชื่อใจซูจิ้งอย่างมากแบบสุดๆ เอาจริงๆไม่ว่าซูจิ้งพูดอะไรมาเธอยอมทำตามโดยไม่คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ

เธอนั้นสนใจอย่างมากว่าเธอจะกินหมั่วโถว 30 ลูกได้ยังไงทั้งๆที่เธอนั้นตัวผอมแห้งซะขนาดนี้ ซูจิ้งเองก็ยังถามความเห็นอีกสองสามเรื่องเพื่อขอความเห็นชอบจากสาวน้อย แน่นอนว่าเธอนั้นยินยอมหมดในทุกเรื่อง

เธอเชื่อใจซูจิ้งแบบหมดใจจริงๆจนซูจิ้งเองก็รู้สึกแปลกใจกับความกระตือรือล้นแบบแปลกๆของเธอ

 

หลังจากคุยกันต่ออีกสักพักจนตอนนี้สาวน้อยใจจดจ่อกับซูจิ้งจนละสายตาจากประตูห้องผ่าตัดไปแล้ว ในตอนนี้เธอก็ได้แนะนำตัวเองว่าเธอชื่อว่าจูซิ่วหนี่ เมื่อปีก่อนนั้นเธอยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมที่หนึ่งเมืองจงหยุน แต่เธอเองก็ไม่ได้ไปมาปีกว่าๆแล้ว หรือก็คือเธอหยุดเรียนกลางคัน

เธอและน้องสาวของซูจิ้งหรือก็คือซูหยาเองก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นแต่ก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด

ตอนที่บ้านของเธอนั้นเกิดเรื่องทางโรงเรียนเองก็พยายามหาทุนมาสนับสนุนเหมือนกันแต่นั่นก็ยังไม่พอต่อการผ่าตัดซึ่งแพงมาก

ถึงแม้ว่าต่อมาซูจิ้งจะบริจาคเงินในวันครบรอบร้อยปีโรงเรียนแต่ตัวเธอเองก็ออกมาแล้วทำให้เธอได้พลาดโอกาสนั้นไป

 

การพูดคุยของทั้งสองคนนั้นรื่นไหลอย่างมากจนเมื่อรู้สึกตัวการผ่าตัดก็เสร็จสิ้นแล้ว เมื่อเห็นดังนั้นจูซิวหนี่ก็รีบไปถามผลการผ่าตัด หมอผ่าตัดจึงแจ้งให้เธอทราบว่าการผ่าตัดสำเร็จและเป็นไปได้ด้วยดี เมื่อได้ยินดังนั้นจูซิวหนี่ร้องไห้ออกมาทันทีด้วยความดีใจ

หลังจากแม่ของจูซิวหนี่รับทราบผลการผ่าตัดเองก็มีความสุขอย่างมากเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าการพักฟื้นเองก็สำคัญไม่แพ้กัน แน่นอนว่าช่วงนี้เธอไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้อีกระยะหนึ่ง

ซูจิ้งเองก็ได้รักษาแม่ของจูซิวหนี่ด้วยเวทย์สัมผัสแห่งใบไม้ฯอีกครั้งเพื่อให้เธอฟื้นตัวเร็วขึ้น และได้จ้างนางพยาบาลสองคนให้ช่วยดูแลแม่ของจูซิวหนี่ ส่วนตัวจูซิวหนี่เองซูจิ้งซูจิ้งจะรับไปดูแลสักพักหนึ่ง แม่ของจูซิวหนี่ในตอนนี้ก็เชื่อใจซูจิ้งอย่างมากเธอเลยไม่ได้ว่าอะไร

 

ซูจิ้งพาจูซิวหนี่ไปยังที่ตั้งของสำนักงานชาร์คทีวี ระหว่างทางเขาก็พาจูซิวหนี่ไปซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว และได้จูซิวหนี่ดื่มน้ำแก้วหนึ่ง

จูซิวหนี่ก็รับไปดื่มโดยไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใดว่าเธอได้กลืนบางสิ่งลงไปแล้ว ถึงแม้ซูจิ้งจะไม่อยากปิดบังเรื่องนี้แต่เขาก็กลัวว่าเธอจะขยะแขยงมันจนไม่อยากจะกลืนลงไป เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า ไม่เห็นก็ถือว่าสะอาดหมดจด จะบอกว่าโกหกเพราะหวังดีก็ได้อยู่เหมือนกัน

เมื่อกวงหยวนเห็นซูจิ้งเข้าไปหาก็ได้ยิ้มรับด้วยความยินดียิ่งก่อนจะพูดออกมาว่า “คุณซูครับ หนิงหนิงและกวนจูจิวที่คุณพามานั้นสุดยอดมากเลย

ช่วงนี้มีคนเข้ามาดูช่องของทั้งสองอย่างไม่ขาดสายเลยครับ โดยเฉพาะหนิงหนิงเธอนั้นมีคุณสมบัติพอที่จะเซ็นสัญญากับช่องของผมอย่างแน่นอนครับ”

แน่นอนว่าเรื่องของสองคนนี้นั้นไม่มีจุดด่างพร้อยแต่อย่างใด นั่นก็เพราะว่าทั้งสองก็คือหยินหนิงและวูจูนั่นเอง หยินหนิงหรือหนิงหนิงนั้นในตอนนี้สวยชนิดที่ร่างเดิมของเธอเทียบไม่ติดเลยแม้แต่น้อย และยังดีสวยงามชนิดที่น่าหลงไหลไม่เหมือนสตรีมเมอร์คนอื่นๆที่สวยผ่านกล้องเท่านั้น คนพวกนั้นช่างไม่เป็นธรรมชาติและโดนจับได้เมื่อดูไปนานๆอย่างแน่นอน

 

ความหล่อเหลาของวูจูในตอนนี้เองก็ไม่ต้องพูดถึง เขานั้นเป็นชายในฝันของใครหลายๆคนในตอนนี้ แต่สิ่งที่ดึงดูดสองคนได้มากที่สุดนั่นก็คือความสามารถ หากไม่มีความสามารถชั้นยอดของทั้งสองคนนั้นแน่นอนว่าต่อให้มีคนนิยมในความหล่อและสวยแต่ไม่นานก็จะเบื่อกันไปซะก่อน

“เซ็นสัญญาเหรอ ผมว่าเรื่องนั้นจะไม่จำเป็นนะ ผมมีความตั้งใจจะพาทั้งสองเข้าวงการบันเทิงน่ะ แต่ไม่ต้องกลัว ยังไงซะผมก็ตั้งใจจะให้ทั้งสองสตรีมแบบนี้อยู่ถ้าทั้งคู่ยังอยากทำ แต่ผมไม่อยากให้ทั้งสองนั้นมีการสตรีมเป็นอาชีพหลักของทั้งคู่เท่านั้นเองน่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม นี่คือสิ่งที่เขานั้นมุ่งหวังไว้แต่เดิมนั่นก็เพราะว่าเขารู้สึกเสียดายที่อุตส่าห์ให้หนังแปลงโฉมไปทั้งทีแต่จบแต่การเป็นสตรีมเมอร์แบบนี้

อย่างแรกถึงแม้ว่าทั้งสองจะเป็นสตรีมเมอร์แต่ต้น แต่สถานการณ์ในตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว อย่างที่สองหากทั้งสองเซ็นสัญญากับชาร์คทีวีจะเป็นต้องให้เงินเป็นล้านหยวนหากต้องการไปปรากฎตัวที่ช่องทางการสื่อสารแบบอื่น ด้วยสถานะของทั้งสองในตอนนี้ไม่ควรจำกัดอยู่แค่ที่นี่เท่านั้น

อีกอย่าง หากทั้งสองสามารถเป็นที่นิยมได้จริงๆ ไม่เพียงจะนำพาค่าการใช้ประโยชน์ขยะห้วงเวลาและกาลอวกาศมาให้แก่เขาแล้วยังสามารถทำเงินให้กับพวกเขาเองได้อีกด้วย

ถึงแม้ว่าเงินที่ได้มาจากการเป็นผู้จัดการดาราจะน้อยเมื่อเทียบกับเงินของเขาที่มีอยู่แล้วก็ตาม แต่การได้เป็นผู้จัดการดาราดังแน่นอนว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ชื่อเสียงของเขาเองไปในตัว ถือได้ว่ามีแต่ได้ไม่มีเสีย

“อ้อ เป็นอย่างนั้นเองเหรอครับ” กวงหยวนเองได้ยินแบบนี้ก็พูดไม่ออกเหมือนกัน ถึงแม้จะผิดกับความตั้งใจของเขาไปบ้างแต่เขาก็ไม่ได้มีข้อโต้แย้งแต่อย่างใด

อย่าว่าแต่ซูจิ้งเลย แม้แต่เขาเองก็เล็งเห็นถึงข้อนี้เหมือนกัน เขาจึงเข้าใจในเรื่องนี้ดี หนิงหนิงและกวนจูจิวนั้นนอกจากหน้าตาแล้วทั้งสองยังถือได้ว่าเป็นคนที่มีทักษะขั้นสูง ยิ่งพวกเขานั้นได้เซ็นสัญญากับซูจิ้งด้วยแล้วแน่นอนว่าอนาคตย่อมไม่สิ้นสุด แน่นอนว่าไม่สมควรจะหยุดอยู่ที่ช่องสตรีมของเขาอย่างแน่นอน

“อ้อ แล้วก็ความจริงวันนี้ที่ผมมานั้นเป็นเพราะว่าจะพาสตรีมเมอร์คนใหม่มาแนะนำให้คุณรู้จักน่ะ สาวน้อยคนนี้คือจูซิวหนี่ ซิวหนี่คนคนนี้คือบอสกวงนะ” ซูจิ้งพูดออกมา

“สวัสดีค่ะบอสกวง” จูซิวนี่เองก็รู้สึกประหม่าในทันที ตอนนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าซูจิ้งพาเธอมาที่นี่ทำไมกัน

“ฮ่าฮ่า เรียกฉันว่าพี่กวงก็พอ” กวงหยวนเองก็หัวเราะออกมาพลางมองสำรวจไปยังจูซิวหนี่ไปด้วยในตัว เขาเองก็รู้สึกมหัศจรรย์ในตัวซูจิ้งเหมือนกันว่าสายตาของเขาเป็นยังไงกันแน่

เพราะในมุมมองเขานั้นสาวน้อยคนนี้ไม่ได้มีคุณสมบัติในการเป็นสตรีมเมอร์เลยสักนิด ถึงสาวน้อยคนนี้จะดูน่ารักก็จริงแต่ก็ไม่ได้เพียงพอต่อการเป็นสตรีมเมอร์แต่อย่างใด ถึงแม้ว่าเวลาเธออายหรือประหม่าจะดูน่ารักมากก็ตาม แต่เพียงแค่นี้ยังไม่เพียงพอต่อการจะนำมาสตรีมอย่างแน่นอน

“บอสคะ สาวน้อยคนนี้…” เลขาฯสาวของกวงหยวนได้เดินเข้ามากระซิบข้างๆหู

“โอ้ เป็นเธอคนนี้เหรอ” กวงหยวนนึกขึ้นมาได้ในทันทีว่าซูจิ้งนั้นได้มีข่าวออกมาว่าได้ให้ความช่วยเหลือสาวน้อยคนหนึ่งและรับอุปการะมาสักระยะ

กลายเป็นว่าสาวน้อยคนนี้คือคนในข่าว ดูเหมือนว่าซูจิ้งเองที่พาเธอมาที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือเธอก็แล้วกัน นี่ทำให้กวงหยวนเองก็รูสึกประทับใจในตัวซูจิ้งเพิ่มขึ้นไปอีกในความดีที่ดียิ่งๆขึ้นไปของซูจิ้ง

“อ้ะ ก่อนที่นายจะเข้าใจผิดไป ฉันเองไม่ได้พkสาวน้อยคนนี้มาเพียงเพราะอยากช่วยสาวน้อยเพียงอย่างเดียวนะ ฉันพบว่าสาวน้อยคนนี้เองก็มีความสามารถที่ทรงพลังเลยนะ

ฉันรับรองได้เลยว่าเมื่อเธอได้สตรีมล่ะก็ต้องดังเป็นพลุแตกอย่างแน่นอน ไม่สิหากพูดอย่างนั้นก็คงเวอร์เกินไป เอาเป็นว่าแค่พลุไฟสดใสดวงไม่ใหญ่ก็พอ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

“จริงเหรอครับ เธอมีความสามารถอะไรกัน” กวงหยวนเองรู้สึกสนใจในทันที เขาอยากรู้จริงๆว่าสาวน้อยคนนี้จะมีความสามารถสุดยอดแบบไหนกันแน่ เลขาฯของกวงหยวนเองก็ยังตั้งมองไปยังจูซิวหนี่เพื่อประเมินอีกครั้งแต่ก็คิดไม่ออกว่าจะเป็นอะไรได้

ก่อนหน้านี้บอสของเธอนั้นให้เธอจับตาดูข่าวของซูจิ้งที่พึ่งจะเป็นข่าวในวันนี้ เธอเองก็ตรวจสอบเป็นอย่างดีแล้วว่าสาวน้อยคนนี้เป็นเพียงนักเรียนมัธยมคนหนึ่ง เธอมาจากครอบครัวธรรมดาและพื้นเพเองก็เหมือนคนทั่วไป

เธอนั้นไม่เจอความสามารถพิเศษของสาวน้อยคนนี้แม้แต่น้อย หากว่าเธอมีความสามารถพิเศษจริงๆทำไมก่อนหน้านี้ไม่ใช้ความสามารถนั้นช่วยเหลือครอบครัวตัวเองได้กัน ต่อให้ต้องแสดงข้างถนนก็ยังดีกว่าไปเป็นขอทานแบบนั้น

“เดี๋ยวก็รู้แหล่ะน่า” ซูจิ้งพูดจบก็กัดฟันยกกระเป๋าใหญ่ใบหนึ่งขึ้นมา ข้างในนั้นมีหมั่นโถวร้อนๆที่เพิ่งจะได้มาระหว่างทาง หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาว่า “ซิวหนี่ กินพวกนี้ให้หมดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะ”

“ห้ะ” จูซิวนี่ตกใจจนนิ่งอึ้งไปในทันทีพลางนึกไปว่าตัวเองฟังผิดไป ถึงแม้ซูจิ้งบอกว่าจะสอนเธอเกี่ยวกับวิธีการกินจะ แต่นี่เขายังไม่ได้สอนอะไรเธอเลยนะ แล้วเธอจะไปกินซาลาเปาเยอะขนาดนี้ได้ยังไง

กวงหยวนและเลขาสาวเองก็ตกใจไม่ต่างกัน และยิ่งอึ้งในท่าทางของจูซิวหนี่เมื่อกี้อีกด้วยว่าแม้แต่ตอนอึ้งเองเธอก็ยังดูน่ารักไม่หยอก

สาวน้อยคนนี้เนี่ยนะ ผอมแห้งขนาดนี้อย่างมากก็ได้แค่สามลูกเท่านั้นแหล่ะ ซาลาเปาขนาดนี้เลี้ยงคนได้ทั้งออฟฟิศเลยด้วยซ้ำ