เมื่อเห็นเหล่าสมุนไพรแปลกประหลาดเข้ามาใกล้ทุกคนมากขึ้น ไม่ต้องพูดถึงองครักษ์และองครักษ์เงา แม้แต่มือของจิ้นหนานเฟิงที่กำลังกุมกระบี่ยาวยังเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบ
ขณะที่สมุนไพรแปลกประหลาดกำลังจะปีนขึ้นบันไดมาหาซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา เยี่ยโยวเหยาก็ดึงกระบี่ยาวของเขาออกมา และเตรียมจะเข้าไปจัดการสมุนไพรแปลกประหลาดเหล่านั้น ทว่าซูจิ่นซีกลับเข้ามาขวางเยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยาเข้าใจความหมายของซูจิ่นซี จึงถอยหลังกลับ
ท่ามกลางความสงสัยของทุกคน ซูจิ่นซีค่อยๆ หลับตาลง
ภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น ทุกคนเห็นเหล่าสมุนไพรแปลกประหลาดถูกตัดขาดเหมือนตัดดอกกุยช่าย และหายไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งสมุนไพรแปลกประหลาดต้นสุดท้ายหายไป ทุกคนต่างมองซูจิ่นซีด้วยสายตาเหลือเชื่อ
ทว่าดวงตาของซูจิ่นซียังคงปิดสนิท
ผ่านไปครู่ใหญ่ ซูจิ่นซีก็ยังคงหลับตาอยู่เช่นเดิม
ทุกคนไม่รู้ว่าเมื่อครู่เกิดอันใดขึ้น พวกเขาจึงไม่กล้าเข้าไปรบกวนซูจิ่นซี ทว่าพวกเขาเป็นห่วงซูจิ่นซีอย่างมาก
หรือว่า… พระชายามีความสามารถพิเศษ? เก็บสมุนไพรเหล่านั้นเข้าไปในกระเป๋าทั้งหมด?
เมื่อเห็นว่าซูจิ่นซีไม่ตอบสนองเป็นเวลานาน เยี่ยโยวเหยาจึงเดินไปข้างหน้าและพยุงแขนของซูจิ่นซี พลางกระซิบข้างใบหูของนางว่า “จิ่นซี เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ”
ซูจิ่นซีลืมตาขึ้นมา ก่อนจะเดินไปข้างหน้าสองก้าวและอาเจียนออกมาอย่างต่อเนื่อง
ทุกคนต่างตื่นตระหนก
แววตาของเยี่ยโยวเหยาเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ เขาพยุงซูจิ่นซีไว้และพูดว่า “จิ่นซี เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่? หรือบาดเจ็บที่ใด? ”
เยี่ยโยวเหยากำลังจะตรวจชีพจรให้ซูจิ่นซี ทว่าซูจิ่นซีกลับยกมือขึ้นโบกไปมา “ข้า… ข้าสบายดี! ”
“จริงหรือ? ”
เห็นได้ชัดว่าเยี่ยโยวเหยาไม่เชื่อ เพราะใบหน้าของซูจิ่นซีซีดขาวไร้สีเลือด
ซูจิ่นซีพยักหน้าโดยไม่พูดอันใด
แท้จริงแล้ว นางไม่เป็นอันใดจริงๆ
สาเหตุที่นางอาเจียน เป็นเพราะตอนนั้นนางตั้งสมาธิรวบรวมสมุนไพรแปลกประหลาดเข้าสู่ระบบถอนพิษ
ทว่าสมุนไพรแปลกประหลาดเหล่านั้น ยามที่เข้าไปในระบบถอนพิษของนางก็อ้าปากกว้าง
ตอนนี้ภายในหัวของนางเต็มไปด้วยภาพปากที่เปื้อนเลือดของพวกมัน
น่าขยะแขยงที่สุด
ซูจิ่นซีจับเสาและอาเจียนออกมาอีกครั้งเป็นเวลานาน นางรู้สึกว่าตนเองกำลังอาเจียนเอาตับไตไส้พุงออกมา แววตาของเยี่ยโยวเหยายิ่งแสดงออกอย่างทุกข์ใจมากขึ้น
ท้ายที่สุด เยี่ยโยวเหยาก็คว้าซูจิ่นซีเข้ามาในอ้อมกอดของตน
“ซูจิ่นซี ไม่ว่าในอนาคตจะเกิดอันใดขึ้น ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าใช้วิธีนี้อีก มีข้าอยู่ ให้ข้าจัดการเอง”
ซูจิ่นซีแย้มยิ้มมุมปากอย่างชัดเจน ทว่าภายในใจของนางกลับเจ็บปวด
นางรู้ว่าเยี่ยโยวเหยาไม่ได้โกหก ตราบใดที่มีเขาอยู่ ทุกอย่างเขาจะจัดการเอง นางมั่นใจมากว่าจะไม่มีอันใดเกิดขึ้น
ทว่าเรื่องที่นางสามารถแก้ไขได้โดยง่าย เหตุใดต้องให้เยี่ยโยวเหยาเปลืองแรงโดยเปล่าประโยชน์?
นอกจากนั้น เรื่องพิษกับเหล่าสมุนไพร อาศัยระดับขั้นของระบบถอนพิษในตอนนี้ นางสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
สิ่งที่สามารถแก้ไขได้ด้วยเครื่องจักร เหตุใดจึงต้องใช้กำลังคน?
“ท่านอ๋อง ท่านเป็นห่วงและเอาใจจิ่นซีเกินไปจนเสียคนแล้ว” ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปาก
น้ำเสียงของเยี่ยโยวเหยายังคงดุดันวางอำนาจ “ข้าเต็มใจลำบากเพื่อเจ้า! ”
โยวอ๋องผู้วางอำนาจกล่าวเช่นนี้ ซูจิ่นซีจะพูดอันใดได้อีก?
นางทำได้เพียงปล่อยให้ท่านอ๋องรักและเอ็นดูนางอย่างสบายใจ!
ทันทีที่สิ้นเสียงของคนทั้งสอง พื้นดินใต้เท้าพวกเขาพลันสั่นสะเทือน
กระดานหมากเจินหลงที่ถูกแสงของซูจิ่นซีปิดกั้นไว้ในบริเวณใกล้เคียงพลันเปิดออก เผยแสงสว่างเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงก่อนหน้านี้ กระท่อมสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว
ไกลออกไป แปลงปลูกสมุนไพรหายไปแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น ทันใดนั้นก็ปรากฏก้อนหมอกสีดำทะมึน ลอยเข้ามาหาพวกเขา
แย่แล้ว รีบหนี!
ไม่รู้ว่าผู้ใดตะโกนออกมา ซูจิ่นซีรีบคว้ามือของเยี่ยโยวเหยาให้หันหลังและวิ่งหนีทันที ตามมาด้วยองครักษ์เงาและองครักษ์
ทว่ากลุ่มหมอกสีดำทะมึนเคลื่อนที่เร็วมาก แม้แต่ซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยา และคนอื่นๆ ที่วิ่งอย่างสุดกำลังก็หนีไม่พ้น
ในที่สุด พวกเขาก็ถูกหมอกปกคลุมไว้
เมื่อภาพเบื้องหน้าสว่างขึ้นมาอีกครั้ง ซูจิ่นซีก็พบว่าทุกคนหายไปทั้งหมด
เวลานี้ พวกเขาอยู่ในห้องที่แปลกประหลาดอย่างมาก
ตามความคิดของซูจิ่นซี มันคือห้องทดลองแน่นอน
ใช่ เป็นห้องทดลองแน่
โต๊ะสะอาดเป็นระเบียบคลุมด้วยผ้าสีขาวที่ใช้เฉพาะทางการแพทย์ บนโต๊ะมีหลอดทดลอง ขวดยา ฉลาก มีด และมีดผ่าตัดหลายประเภทที่ใช้กันทั่วไป
ด้านข้างยังมีเครื่องมือหลายชนิดที่ซูจิ่นซีคุ้นเคยอย่างมาก มีเสื้อคลุมสีขาวสองสามตัวแขวนอยู่บนราวแขวนที่อยู่ไกลออกไป
เมื่อเห็นสิ่งของเหล่านี้ ใบหน้าของซูจิ่นซีพลันซีดเผือด นางอดจับมือเยี่ยโยวเหยาไม่ได้
เยี่ยโยวเหยาราวกับสัมผัสได้ถึงความกลัวของซูจิ่นซี เขากระซิบข้างใบหูของนาง “จิ่นซี อย่ากลัว เชื่อข้า พวกเรายังอยู่ในอาณาจักรเทียนเหอ”
“ใช่… ใช่หรือ… ข้า… ข้ายังคิดว่า… ”
ซูจิ่นซีเหลือบมองเยี่ยโยวเหยา จังหวะการพูดของนางตะกุกตะกัก ดวงตาของนางทอประกายอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
นางคิดว่า พวกเขาเดินทางข้ามมิติมายังโลกอนาคตในอีกสามพันปีข้างหน้า!
เพราะสิ่งของทั้งหมดที่อยู่เบื้องหน้านาง คล้ายกับห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ที่นางเคยใช้เมื่อสามพันปีในอนาคต
ไม่ ไม่ใช่เหมือน พูดให้ถูกต้องคือ มันใช่เลย
เครื่องมือทุกชิ้นที่นี่เป็นสิ่งของในอีกสามพันปีต่อมา
ซูจิ่นซีเดินไปข้างหน้าอย่างลังเล นางก้าวไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า ค่อยๆ ลูบภาชนะด้วยนิ้วมือของนาง กลิ่นน้ำโซดาที่คุ้นเคย ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในสมองของนาง
ทันใดนั้น นางก็หวนนึกถึงเพื่อนร่วมงานที่เคยทำงานในโรงพยาบาลเดียวกัน เจ้านายของนาง คุณป้า และคุณอาที่เลี้ยงดูนางมา ทั้งยังมีลูกพี่ลูกน้องของนาง
ซูจิ่นซีคิดถึงการจราจรที่พลุกพล่านของเมืองและแสงไฟนีออนที่สวยงาม แม้แต่ไอเสียจากรถยนต์ที่มีกลิ่นเหม็นก็ทำให้หัวใจของนางสั่นกระเพื่อม
แม้จะนิ่งเงียบ แม้ซูจิ่นซีจะไม่พูดอันใด ทว่าเยี่ยโยวเหยาเป็นผู้ที่เข้าใจความคิดของซูจิ่นซีดีที่สุดเสมอ
เขาเดินไปข้างหน้า กุมมืออันสั่นเทาของซูจิ่นซีที่จับเครื่องใช้ต่างๆ ไว้แน่น พยายามดึงสติของนางกลับสู่ความเป็นจริง
“ซูจิ่นซี ข้าไม่ยอมให้เจ้าคิดในสิ่งที่ไม่ควรคิด”
ซูจิ่นซีตั้งสติกลับมาอีกครั้ง พลางเหลือบมองบุรุษผู้ชอบวางอำนาจด้วยดวงตางดงามและลึกซึ้ง
หากคิดถึง แล้วจะเป็นเช่นไร?
หัวใจของนาง ร่างกายของนาง แม้กระทั่งจิตวิญญาณและชีวิตของนางได้สถิตอยู่ในโลกนี้แล้ว เคียงข้างบุรุษผู้นี้แล้ว
หากการย้อนเวลากลับไป ทำให้จิตวิญญาณของนางแตกสลาย
ดังนั้น ความคิดเหล่านี้จะมีประโยชน์อันใด?
ซูจิ่นซีมองเยี่ยโยวเหยาด้วยความประหม่า นางแย้มยิ้มอย่างเข้าใจ พลางเม้มริมฝีปากด้วยน้ำตาคลอเบ้า
แท้จริงแล้ว นางต้องการพูดว่า ‘เยี่ยโยวเหยา ท่านรู้หรือไม่? ข้าคิดถึงมารดา คิดถึงบิดาของข้าจริงๆ ! แม้พวกเขาจะไม่อยู่แล้วก็ตาม ทว่าข้าอยากไปที่หลุมศพของพวกเขา อยากจะบอกพวกเขาว่า ข้าพบคนที่รักข้ามากที่สุดแล้ว รักมาก เขาจะดูแลข้าไปตลอดชีวิต พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว’
เยี่ยโยวเหยาเป็นคนที่เข้าใจความคิดของซูจิ่นซีมากที่สุดเสมอ เขาจะเข้าใจคำเหล่านี้หรือไม่?