เป็นไปได้อย่างไร?
ต่อให้พวกเขามีจิตใจเชื่อมโยงถึงกัน ต่อให้พวกเขามีความเข้าใจซึ่งกันและกันมากเพียงใด อย่างไรเสีย เยี่ยโยวเหยาก็ไม่ใช่พยาธิตัวกลมในท้องของซูจิ่นซี!
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรู้ความคิดของนางทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าการที่ซูจิ่นซีมีท่าทางผิดปกติเช่นนี้ นางต้องเห็นสิ่งเหล่านี้และหวนนึกถึงบางสิ่งบางอย่างในอดีต ก่อนที่นางจะข้ามมิติมาที่นี่
นอกจากนั้น เขาไม่คุ้นเคยกับสิ่งของเหล่านี้ มันต้องเกี่ยวข้องกับโลกก่อนหน้านี้ของนางแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ เยี่ยโยวเหยาจึงไม่สามารถทำอันใดได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ คือ โอบกอดซูจิ่นซีไว้ในอ้อมกอดของเขา ใช้การโอบกอดที่มุ่งมั่นแน่วแน่ของบุรุษ เพื่อมอบพละกำลังและความรู้สึกปลอดภัยมากที่สุดให้สตรีผู้นี้
“โยวอ๋อง พระชายาโยวอ๋อง ในที่สุดพวกท่านก็มาถึงจนได้”
ทันใดนั้น เสียงทุ้มต่ำและแก่ชราก็ดังขึ้นอย่างไร้ทิศทาง ราวกับเสียงสะท้อนในหุบเขา
ซูจิ่นซีเงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของเยี่ยโยวเหยา พลางมองไปยังทิศทางของเสียง
ประตูบนผนังไกลออกไปพลันเปิดออก ภายในประตูมีบุรุษผู้หนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาว เส้นผมสีขาวดั่งหิมะ เขาค่อยๆ หันหลังกลับมา
เมื่อเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นอย่างชัดเจน หัวใจของซูจิ่นซีก็สั่นไหวอย่างรุนแรง
คิ้วดั่งคมดาบ นัยน์ตาลึกล้ำ ทว่ามีแสงสว่างปรากฏภายในดวงตาดำขลับ สันจมูกโด่ง ผิวสีแทน และริมฝีปากบาง
มันคือใบหน้าที่มีเหลี่ยมมุม และค่อนข้างผอมเล็กน้อย
โครงสร้างใบหน้าทั้งหมดคือรูปลักษณ์ของชายหนุ่มในวัยยี่สิบ ซูจิ่นซีไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มผู้นี้ถึงมีผมสีขาวดั่งหิมะ ทั้งยังมีเสียงดังหนักแน่นเช่นนี้
เยี่ยโยวเหยาตอบข้อสงสัยของซูจิ่นซี “มีคนมากมายในอาณาจักรเสวียนหมิงและอาณาจักรอวิ๋นโจวที่ฝึกฝนวิชาลึกลับ และมีลักษณะเช่นเดียวกับเขา
แม้เวลาจะผ่านไปหลายพันปี ทว่าใบหน้าของผู้ที่ฝึกฝนวิชาลึกลับจะดูไม่แก่ชรา”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ความหมายก็คือ คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขาไม่ใช่คนในอาณาจักรเทียนเหอ?
ทว่ามาจากอาณาจักรอื่น
ซูจิ่นซีคาดการณ์จากระบบถอนพิษในร่างของเขา บุคคลผู้นี้ต้องมาจากสกุลหลิงอวิ๋นในอาณาจักรอวิ๋นโจว
“โยวอ๋องช่างมีสายตาเฉียบแหลม! ” บุรุษผู้นั้นพูดขึ้น
ซูจิ่นซีตกตะลึงเล็กน้อย
เนื่องจากบุรุษผู้นี้ไม่เปิดปากเวลาพูด เสียงของเขาดังออกมาจากช่องท้อง
ในอดีต ยามมีเวลาว่าง ซูจิ่นซีเคยอ่านคัมภีร์การฝึกวรยุทธ์ ซึ่งเขียนไว้ว่า เมื่อผู้ฝึกวรยุทธ์ฝึกฝนจนถึงระดับหนึ่ง ผู้ฝึกวรยุทธ์สามารถพูดได้โดยไม่ต้องเปิดปาก ทว่าพวกเขาจะใช้พลังภายในเปล่งเสียงออกมา
ทว่าสิ่งนี้ต้องเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ลึกซึ้งเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้
อย่างน้อย นางกับเยี่ยโยวเหยาตอนนี้ก็ยังไม่ถึงระดับขั้นนั้น ดังนั้นวรยุทธ์ของบุรุษผู้นี้ต้องเหนือกว่าพวกเขาทั้งสองเป็นแน่
นอกจากนั้นยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ คือ ตอนที่เยี่ยโยวเหยากำลังคุยกับนาง เขาใช้วิธีการส่งสัญญาณเสียงลับเฉพาะ มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน ทว่าคนผู้นั้นกลับได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดทั้งหมด
พลังภายในระดับนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทำได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าวรยุทธ์ของคู่ต่อสู้จะสูงส่งเพียงใด แต่เขาจับมู่หรงอวิ๋นไห่ไป และช่วยเหลือคนของแคว้นไหวเจียงให้กระทำเรื่องอุกอาจ สร้างที่กบดานในดินแดนระหว่างแคว้นจงหนิงและแคว้นหนานหลี หมายความว่าเขาต้องการเป็นศัตรูกับพวกเขา
บัญชีแค้นนี้ต้องชำระไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น
ซูจิ่นซีไม่คิดจะพูดเรื่องไร้สาระกับอีกฝ่ายมากเกินไป นางกล่าวออกไปตามตรงว่า “ผู้อาวุโสเคยพูดไว้มิใช่หรือ หากพวกเราผ่านด่านของท่าน ท่านจะคืนบิดาให้ข้า เวลานี้พวกเราผ่านด่านแล้ว บิดาของข้าอยู่ที่ใด? ทำตามสัญญาของท่านเสีย! ”
เยี่ยโยวเหยายังพูดเสริมอีกว่า “ผู้อาวุโสต้องการสิ่งใดให้เจรจากับข้าเพียงผู้เดียว ผู้อื่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง”
ชายผู้นั้นหัวเราะลั่น “โยวอ๋องคือจักพรรดิในอนาคตของอาณาจักรเทียนเหอ สิ่งที่ข้าต้องการนั้น ต้องคุยกับท่านแน่นอน”
ซูจิ่นซียกยิ้มเย็นชา “เมื่อท่านเห็นแนวโน้มในใต้หล้าอย่างชัดเจน ดูไปแล้ว ท่านไม่ใช่คนโง่เขลาที่ซุกหัวอยู่ในเงามืด เอาแต่ปรุงยาพิษกระมัง! ”
ชายผู้นั้นยกยิ้มเย็นชาตามซูจิ่นซี “ฝีปากของพระชายาร้ายกาจเสียจริง! อย่างไรก็ตาม ข้าอยากจะรู้ว่าฝีปากร้ายกาจของเจ้าจะร้ายได้นานเพียงใด? ”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินออกจากประตูและกดกลไกที่อยู่ด้านข้างกำแพง
ตามมาด้วยเสียง ‘แกรก แกรก แกรก’ เครื่องมือสีขาวดำที่อยู่ด้านข้างหมุนเปิดออกมาเป็นประตู โลงศพที่ทำด้วยผลึกแก้วค่อยๆ เคลื่อนออกมาจากเครื่องนั้น
ซูจิ่นซีเห็นภาพภายในโลงศพผลึกแก้ว ใบหน้าของนางพลันซีดขาว
นางกำหมัดแน่น กัดฟันกรอด มองมู่หรงอวิ๋นไห่นอนนิ่งอยู่ในโลงศพผลึกแก้ว
สายระโยงระยางและเครื่องมือที่มีลักษณะแปลกประหลาดติดอยู่ทั่วร่างกายของเขา ทั้งยังมีท่อที่ไม่รู้ว่ามีไว้เพื่อการใด มันเสียบเข้าไปในแขนของเขา ด้านนอกโลงศพผลึกแก้วมีขวดยาห้อยอยู่ น้ำยาเข้มข้นบางอย่างถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของมู่หรงอวิ๋นไห่
ซูจิ่นซีทนไม่ไหวอีกต่อไป ดวงตาของนางเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
นางหันไปมองชายผู้นั้นด้วยดวงตาเฉียบคม “เจ้าคิดจะทำอันใดเขา? มีอันใดก็ทำกับข้า ซูจิ่นซี เจ้าจับชายชราผู้นี้ไปเพื่ออันใด? ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชายผู้นั้นหัวเราะอีกครั้ง “พระชายาโยวอ๋อง ไม่ต้องรีบร้อน เรื่องระหว่างเจ้ากับข้า ช้าเร็วจะต้องคิดบัญชีแน่นอน ทว่าเขานั่นหรือ… ” ชายผู้นั้นหันไปมองมู่หรงอวิ๋นไห่ที่อยู่ในโลงศพผลึกแก้ว
“ข้าลงทุนลงแรงในตัวเขามานานหลายปี จะให้ปล่อยเขาไปง่ายๆ ได้อย่างไร เขาเป็นสมบัติล้ำค่าของข้า! ”
ขณะที่พูด แววตาของชายผู้นั้นปรากฏความดุร้ายและน่าสะพรึงกลัว
ซูจิ่นซีคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเขาต้องการทำอันใดมู่หรงอวิ๋นไห่
ตั้งแต่เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ระบบถอนพิษได้สแกนทุกอย่าง ทั้งหมดเป็นเครื่องมือทางการแพทย์และยาสมุนไพรสำหรับรักษาโรคทั่วไป
เครื่องมือได้รับการดูแลอย่างสะอาดเรียบร้อย ระบบถอนพิษไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าคนผู้นั้นใช้ทำอันใด ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง
เครื่องมือบนร่างกายของมู่หรงอวิ๋นไห่ หลายสิ่งหลายอย่างในยุคปัจจุบันต้องใช้ไฟฟ้าเพื่อเปิดใช้งาน ซูจิ่นซีไม่รู้ว่า ในยุคโบราณที่ยังไม่มีแนวคิดคำว่า ‘ไฟฟ้า’ ตาเฒ่าผู้นี้ใช้งานมันอย่างไร
สำหรับของเหลวที่ฉีดเข้าไปในร่างกายของมู่หรงอวิ๋นไห่ ซูจิ่นซีได้ตรวจสอบกับระบบถอนพิษแล้ว
ส่วนผสมของมันมีอย่างน้อยหลายร้อยชนิด ส่วนผสมจำนวนมากถูกนำมารวมกัน ไม่สามารถตรวจสอบได้ในวันสองวัน ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก
ระบบถอนพิษยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลในระบบปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ยังช้าเกินไป กว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจน นอกจากนั้น สมองของซูจิ่นซีมีจำกัด อาศัยเพียงแรงคนคงไม่สามารถทำได้ ทำได้เพียงรอผลจากระบบถอนพิษ
อย่างไรก็ตาม เมื่อระบบถอนพิษแสดงผลลัพธ์ออกมาเพียงเล็กน้อย จู่ๆ มันก็หยุดทำงาน
ข้อมูลที่เพิ่งตรวจพบหายไปอย่างกะทันหัน แม้แต่ดวงจิตของซูจิ่นซีก็ไม่สามารถเข้าสู่ระบบถอนพิษได้อีก
ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังสับสน ชายผู้นั้นก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“พระชายาโยวอ๋อง มิตินี้ของเจ้าทำมาได้ดีมาก ทว่าเมื่อเทียบกับข้าแล้ว… ยังห่างชั้นกันมาก”
เขาพูดพลางโบกมือ ทันใดนั้น วงกลมแสงก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา ภาพภายในวงกลมแสงคือแปลงสมุนไพรที่พวกเขาเคยผ่านมาก่อนหน้านี้ ทุกสิ่งที่พวกเขาทำลายไปได้รับการฟื้นฟูทีละน้อย
ซูจิ่นซีไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ชายชราผู้นี้เป็นใครกันแน่?
การฝึกตนของเขาถึงระดับใด?
นอกจากนั้น เขายังสามารถควบคุมระบบถอนพิษของนางได้อีกด้วย