เวลานี้ทั้งหลิงหยุนและหลิงซวี่สองพี่น้องก็ได้กำจัดกำแพงในใจของตนลงได้ เมฆหมอกที่เคยครอบคลุมจิตใจก็พลันมลายหายไปเช่นกัน ในที่สุดต่างฝ่ายต่างก็ยอมรับกันด้วยความเต็มใจ!
เสียงร้องไห้ของหลิงซวี่ทำให้ต่งยั่วหลานที่อยู่ในห้องนอนถึงกับตกใจและรีบวิ่งออกมาดูทันที แต่เมื่อได้เห็นภาพสองพี่น้องยืนกอดกันเช่นนี้ นางก็ได้แต่ยืนนิ่ง..
“ดี!ดีมาก!”
ต่งซานชวนพูดได้เพียงเท่านั้นก็หันไปสั่งหลิงซวี่ว่า“ซวี่เอ๋อ เจ้าเลิกงอแงกับพี่ชายได้แล้ว ไปเร็ว.. ไปหยิบเหล้าเหมาไถอายุสามสิบปีมาให้ตา คืนนี้ตามีความสุขมากต้องดื่มให้เต็มที่!”
“ค่ะท่านตา..”
หลิงซวี่ตอบรับอย่างรวดเร็วพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาและหันไปหัวเราะให้หลิงหยุน แล้วรีบวิ่งออกไปทันที
ในเมื่อหลิงหยุนตั้งใจที่จะมาคาราวะต่งซานชวนเขาจึงตั้งใจที่จะอยู่ร่วมฉลองกับครอบครัว และไม่รีบร้อนที่จะกลับไปนัก ต่อให้หลิงหยุนจะกลับ ทั้งต่งซานชวน ต่งยั่วหลาน และหลิงซวี่ก็คงไม่ยินยอมเป็นแน่
ต่งยั่วหลานจัดการทำอาหารออกมาเต็มโต๊ะและทุกคนก็นั่งรับประทานร่วมกันอย่างมีความสุข..
“ท่านป้าต่งข้ากินไม่ไหวแล้ว!”
หลิงหยุนบ่นอุบอิบเมื่อต่งยั่วหลานและหลิงซวี่ซึ่งนั่งข้างๆคอยคีบอาหารอาหารเติมให้เขาเรื่อยๆ
“หลิงซวี่เจ้าคงลืมพี่สาวเช่นข้าหมดแล้วสินะ ในใจของเจ้าคงมีแต่พี่ชาย”
หลิงซิ่ววางตะเกียบลงพร้อมกับหันไปบอกหลิงซวี่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง..
หลิงซวี่รีบหันไปยิ้มให้หลิงซิ่วพร้อมกับพูดเอาใจ“พี่หลิงซิ่ว ท่านก็กินเร็วเข้า..”
หลังจากที่รับประทานอาหาไปได้ครู่ใหญ่หลิงหยุนจึงหันไปพูดกับต่งซานชวนว่า “ท่านตาต่ง ในเมื่อท่านตอบรับที่จะไปช่วยดูแลกิจการให้กับตระกูลหลิงแล้ว ข้ามีสองเรื่องที่ต้องบอกกับท่าน..”
“เจ้าพูดมาได้เลย..”ต่งซานชวนร้องบอกหลิงหยุนอย่างอารมณ์ดี
“เรื่องแรก..ในเมื่อท่านตามาช่วยงานให้ตระกูลหลิงเช่นนี้ จึงต้องพูดคุยเรื่องค่าตอบแทนที่เหมาะสม หรือการตอบแทนด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง”
แต่คิดไม่ถึงว่าต่งซานชวนตอบกลับมาเพียงแค่สั้นๆ“ไม่จำเป็น!”
“เอ่อ..”หลิงหยุนถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ต่งซานชวนยกมือขึ้นชี้หน้าตนเองพร้อมกับพูดต่อว่า“หลิงหยุน เจ้าคิดว่าข้าเพิ่งจะอายุยี่สิบหรืออย่างไร”
จากนั้นก็ยกมือขึ้นชี้ไปรอบๆห้อง“เจ้าคิดว่าข้ายังขาดสิ่งใดอีก ยังมีสิ่งใดในชีวิตนี้ที่ข้าอยากได้อีกรึ?”
“ค่าตอบแทนงั้นรึ!นี่เจ้าต้องการฉีกหน้าข้าหรือยังไง?”
“เมื่อครู่เจ้าพูดเองว่าพวกเราล้วนเป็นคนในครอบครัวไม่ใช่รึเช่นนี้แล้วเจ้าคิดว่าตาเฒ่าแซ่ต่งเช่นข้าควรต้องได้รับสิ่งใดตอบแทนจากตระกูลหลิงเล่า?”
หลิงหยุนถึงกับอึ้งไปแต่ในที่สุดก็เอ่ยออกมาว่า “ท่านตา.. เป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา!”
หลิงซิ่วกับหลิงซวี่เห็นสีหน้าของหลิงหยุนก็พากันหัวเราะคิกคัก..
“อย่าได้พูดเรื่องนี้อีกล่ะ!”ต่งซานชวนย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่ก่อนจะพูดต่อว่า
“หลิงหยุนเวลานี้ข้าไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใด ในเมื่อหลานสาวของข้าแซ่หลิง ข้าเองก็เสมือนคนในตระกูลหลิงด้วยเช่นกัน ข้ายังต้องการเงินทองของตระกูลหลิงไปทำไมอีกเล่า”
“เจ้าพูดเรื่องที่สองมาได้เลย..”
หลิงหยุนยกมือขึ้นเกาศรีษะแล้วรีบบอกกับต่งซานชวนทันที“ท่านตา ข้าจะซื้อบ้านอีกหลังที่ติดกับบ้านตระกูลให้ท่านอยู่ ท่านจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาเช่นนี้”
ต่งซานชวนยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย“เป็นความคิดที่ดีทีเดียว แต่เรื่องบ้านไม่จำเป็นต้องให้เจ้าซื้อให้ ข้าซื้อเองได้!”
หลิงหยุนถึงกับแอบถอนหายใจและได้แต่คิดว่าชายชราผู้นี้ช่างเป็นคนเถรตรงยิ่งนัก!
…….
ทั้งหมดนั่งดื่มฉลองกันต่อจนกระทั่งเวลาสามทุ่มตรงหลิงซิ่วก็ได้โทรศัพท์จากหลิงเย่วสั่งให้รีบกลับบ้าน นางและหลิงหยุนจึงต้องขอตัวกลับ
ระหว่างทางที่ขับรถกลับนั้นหลิงซิ่วก็ได้ขอให้หลิงหยุนเล่าเรื่องที่เคยพบกับหลิงซวี่ครั้งแรกให้ฟังอย่างละเอียด จากนั้นจึงได้แต่พึมพำออกมาว่า
“เฮ้อ..เหตุใดท่านลุงสามจึงไม่เข้าใจอะไรง่ายๆเหมือนกับเจ้านะ”
หลิงหยุนจึงตอบกลับไปทันที“ใช่ว่าท่านพ่อไม่เข้าใจ แต่ท่านพ่อแบกหลายสิ่งหลายอย่างไว้บนบ่ามากจนเกินไปต่างหาก!”
หลิงซิ่วเองก็พอเข้าใจจึงได้แต่หัวเราะออกมาพร้อมกับเอ่ยชมหลิงหยุน“เจ้าเด็กแสบ เจ้าเป็นคนที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างงดงามที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา ไม่ว่าปัญหาอะไรหากอยู่ในมือเจ้า ดูเหมือนจะมีทางออกที่ดีเสมอ..”
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงหยุนหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับตอบหลิงซิ่วไปด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ“เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นคนเฉลียวฉลาด แล้วก็ไอคิวสูงมาก!”
จากนั้นหลิงหยุนก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย“พี่หลิงซิ่ว เจ้ารู้หรือไม่เหตุใดท่านลุงสองจึงต้องเร่งให้เรารีบกลับ”
“รู้สิ!แล้วก็เป็นเรื่องดีด้วย”
หลิงซิ่วหันไปยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับถามขึ้นว่า“เจ้าอยากจะสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับตระกูลหลิงไม่ใช่รึ เวลาพวกเขากำลังคุยกันเรื่องซื้อที่ดินอยู่ไงล่ะ!”
“งั้นรึ!”
…………
กลางดึกเช่นนี้ถนนหนทางจึงโล่งทั้งคู่กลับมาถึงตระกูลหลิงภายในเวลาเพียงแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้น ทันทีที่ลงจากรถ หลิงหยุนก็รีบตรงดิ่งไปที่ห้องรับแขกในสวนด้านหน้าทันที
ภายในห้องรับแขกมีผู้คนอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นหลิงเสี่ยว หลิงเย่ว เกาซิงฉาง ถังเมิ่ง และคนของตระกูลหลี่ ทั้งหมดกำลังนั่งดื่มน้ำชารอคอยการกลับมาของหลิงหยุน
หลิงหยุนเดินเข้าไปในห้องรับแขกพร้อมกับทักทายหลิงเสี่ยวหลิงเย่ว และเกาซิงฉางจากนั้นจึงหันไปทางถังเมิ่งพร้อมกับกระเซ้าว่า
“ว่าไงถังเมิ่ง..ในที่สุดฉันก็ได้พบหน้านายจนได้! แล้วนี่นายมาทำอะไร”
ตั้งแต่วันที่ส่งเซิ่งหยิงหยิงกลับบ้านจนกระทั่งถึงวันนี้ทั้งถังเมิ่งและหลิงหยุนต่างก็ยังไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย ตลอดเวลาเกือบหกวันมานี้ ทั้งหลิงหยุนและถังเมิ่งต่างก็มีภารกิจยุ่งเหยิง จึงคลาดกันตลอด..
“นี่พี่หยุนพี่ไม่รู้หรอกว่าทุกวันนี้ฉันงานยุ่งแค่ไหน ซ้ำยังต้องหอบงานไปทำที่โรงแรมแทน ไว้ฉันจะเล่าให้พี่ฟัง..”
หลิงหยุนพอจะเข้าใจได้ทันทีเพราะถังเมิ่งอาศัยอยู่ในสวนชั้นที่เจ็ดซึ่งอยู่ติดกับห้องฝึกวรยุทธของตระกูลหลิง ถังเมิ่งคงจะไม่มีสมาธิในการทำงาน เพราะคนของตระกูลหลิงเวียนเข้าเวียนออกฝึกวรยุทธตลอดทั้งกลางวันกลางคืน
หลิงหยุนพยักหน้ารับรู้และไม่ถามอะไรถังเมิ่งอีก.. “หลิงหยุนคนผู้นี้คือหลี่จวิ้นหัวแห่งตระกูลหลี่ เขามารอพบเจ้าตั้งแต่เย็นแล้ว!” หลิงเย่วรีบแนะนำหลิงหยุนกับหลี่จวิ้นหัวให้รู้จักกันทันที
ทันทีที่หลิงหยุนเดินเข้ามาในห้องหลี่จวิ้นหัวก็ได้ลุกขึ้นยืนรอยู่แล้ว เมื่อหลิงเย่วเอ่ยแนะนำ เขาก็เดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับจับมือทักทายทันที
หลิงหยุนจับมือหลี่จวิ้นหัวพร้อมกับยิ้มให้“ยินดีที่ได้รู้จัก ความจริงพวกเราควรจะต้องพบกันตั้งแต่อยู่ที่โรงประมูลตระกูลเย่แล้ว..”
หลี่จวิ้นหัวพูดขึ้นพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ“คุณชายหลิง ขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้าไว้ในคืนนั้น!”
หลิงหยุนยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมตอบกลับไปว่า“ท่านลุงหลี่เชื่อใจตระกูลหลิงถึงเพียงนั้น แม้แต่ข้าเองยังนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย หากข้าไม่ช่วยท่าน ไม่เท่ากับว่าท่านตัดสินใจผิดหรอกรึ” แม้หลิงหยุนจะเรียกหลี่จวิ้นหัวว่า‘ท่านลุง’ แต่น้ำเสียงและท่าทางของเขานั้นก็ไม่ได้บ่งบอกถึงความถ่อมเนื้อถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย
หลี่จวิ้นหัวได้ยินคำพูดของหลิงหยุนถึงกับถามขึ้นด้วยความงุนงง “คืนนั้นคุณชายหลิงรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นรึ!”
หลิงหยุพยักหน้า“ถูกต้อง! ข้าได้ยินตระกูลหลิวกับตระกูลถันวางแผนกัน แต่คิดไม่ถึงว่าท่านลุงหลี่จะไว้วางใจตระกูลหลิงถึงเพียงนี้!”
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงเรียบร้อยแล้วหลงหยุนจึงถามขึ้นยิ้มๆ “ตระกูลหลิงของข้าได้รับผ้าแพรไหมดำทั้งสามสิบหกกิโลกรัมแล้ว ไม่ทราบว่าท่านลุงหลี่ยังต้องการพบข้าด้วยเรื่องอันใดรึ”
“เอ่อ..”
หลี่จิ้นหัวถึงกับพูดไม่ออกเมื่อหลิงหยุนพูดจาตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมเลยสักนิดเช่นนี้.. เกาซิงฉางเห็นเช่นนั้นจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า“หลิงหยุน ข้าจะไม่อ้อมค้อมก็แล้วกัน ตรงเข้าเรื่องที่จะคุยกันเลยดีกว่า..”
“เรื่องแรก..จวิ้นหัวไปพบข้าที่บ้านเมื่อสองวันก่อน เขาเสนอตัวซื้อที่ดินผืนนั้นให้กับเจ้า!”
“เขาเสนอที่จะซื้อที่ดินพร้อมจัดการเรื่องโยกย้ายผู้คนที่อยู่แถวนั้นออกไปให้ซึ่งทั้งหมดจะต้องใช้เงินจำนวนกว่าแปดหมื่นล้านหยวน..”
“ห๊ะ..”
หลิงหยุนถึงกับอึ้งไปเมื่อเมื่อรู้ว่าต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลถึงเพียงนี้อีกทั้งตนยังไม่ต้องออกแม้แต่หยวนเดียวเพราะทั้งหมดหลี่จวิ้นหัวจะจัดการให้หมด ทำให้หลิงหยุนอดที่จะตกใจกับความร่ำรวยของตระกูลหลี่ไม่ได้..
“ในเมื่อที่ดินก็ซื้อแล้วก็เหลือเพียงแค่เรื่องการก่อสร้าง..”
เกาซิงฉางหยุดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อว่า“หลิงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนกำลังรุ่งเรือง แล้วบริษัทก่อสร้างชั้นนำล้วนแล้วแต่อยู่ในมือของผู้ใด”
“ย่อมต้องเป็นตระกูลหลี่สินะ!”หลิงหยุนตอบกลับไปโดยแทบไม่ต้องคิด
เกาซิงฉางพยักหน้า“ถูกต้องแล้ว เจ้าต้องการบ้านแบบไหนอย่างไร ตระกูลหลี่สามารถจัดการให้เจ้าได้หมด!”
“จวิ้นหัวบอกกับข้าว่าตระกูลหลี่ต้องการเป็นผู้ดูแลการก่อสร้างบ้านตระกูลหลิงในครั้งนี้โดยจะเลือกวัสดุที่ดีที่สุดให้เท่านั้น ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นต้องพูดถึง..”
หลิงหยุนถึงกับหันไปมองหน้าหลิงเย่วและพบว่าหลิงเย่วกำลังพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ตน..
ดูเหมือนว่าเรื่องนี้หลิงเย่วเองก็ได้เจรจาจนเป็นที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้วเพียงแค่รายงานให้เขารู้เท่านั้นเอง หลิงหยุนจึงหันไปถามหลี่จวิ้นหัวว่า“ท่านลุงหลี่ ไม่ทราบว่าต้องใช้เวลาก่อสร้างนานเพียงใด”
ตระกูลหลี่มอบของขวัญมูลค่ามหาศาลให้หลิงหยุนเช่นนี้แต่เขากลับไม่มีทีท่าดีอกดีใจ สีหน้าท่าทางยังคงสงบนิ่ง และสนใจเพียงแค่ระยะเวลาในการก่อสร้าง
แต่หลี่จวิ้นหัวก็รีบอธิบายให้หลิงหยุนฟัง“ขึ้นอยู่กับขนาดของตัวบ้าน แล้วก็รายละเอียดในการตกแต่ง แต่ตระกูลหลี่มีแรงงานที่เพียงพอ เอาเป็นว่าตั้งแต่เริ่มเขียนแบบไปจนสร้างเสร็จน่าจะไม่เกินสามปี..”
“สามปีเองรึ!”
หลิงหยุนคาดการว่าต้องใช้เวลานานถึงห้าปีนี่เท่ากับเขาย่นเวลาลงไปได้ตั้งสองปี มีหรือที่หลิงหยุนจะไม่ดีใจ
“เรื่องที่สอง..ข้าได้ยินมาว่าคุณชายกำลังจะการก่อสร้างศูนย์วิจัยยาที่นั่นด้วย ตระกูลหลี่ของเรามีความสนใจ..” หลี่จวิ้นหัวเอ่ยปากบอกธุระเรื่องที่สองกับหลิงหยุนด้วยตัวเอง..
“แต่เรื่องการก่อสร้างศูนย์วิจัยยานั้นมีบริษัทก่อสร้างลงมือไปแล้วตระกูลหลี่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ตระกูลหลี่ขอดูแลการก่อสร้างเฉพาะพื้นที่ 1500 ไร่รอบๆศูนย์วิจัยเท่านั้น”
หลิงหยุนได้ฟังเช่นนั้นก็เหลือบมองไปทางถังเมิ่งทันทีและนี่คือเหตุผลที่ถังเมิ่งอยู่ในห้องรับแขกคืนนี้ด้วย เพราะการก่อสร้างพื้นที่รอบศูนย์วิจัยยานั้น คงจะไม่มีผู้ใดรู้ดีมากไปกว่าเขาอีกแล้ว..
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา..”
หลิงหยุนยังไม่รีบรับปากนัก“เพียงแต่พื้นดินโดยรอบนั้น ข้าตั้งใจที่จะสร้างบ้าน และอาคารพาณิชย์ขาย ไม่ทราบว่าตระกูลหลี่ต้องการร่วมทุนลักษณะใด”
ในเมื่อตระกูลหลี่เพิ่งจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับตนหลิงหยุนจึงยอมรับข้อเสนอข้อที่สองง่ายๆ แต่ในเมื่อเป็นการเจรจาทางธุรกิจหลิงหยุนจึงต้องการลงรายละเอียดเพื่อไม่ให้ตนต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
หลี่จวิ้นหัวคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะมีความรอบคอบถึงเพียงนี้เขาจึงได้ยิ้มออกมาพร้อมกับตอบไปว่า
“คุณชายหลิงช่างละเอียดรอบคอบนักเรื่องนี้ตระกูลหลี่ขอเป็นหุ้นเพียงแค่ห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น!”
หลี่จวิ้นหัวเองก็ไม่ได้โง่เขาคร่ำหวอดในวงการธุรกิจมานาน หลิงหยุนถึงกับมองหน้าหลี่จวินหัวพร้อมกับถามขึ้นว่า
“ท่านลุงหลี่ท่านเพิ่งจะมอบของขวัญมูลค่ามหาศาลให้ข้า ขอแค่หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์มันไม่น้อยไปหน่อยรึ!”
“ไม่เลยคุณชายนับจากนี้ธุรกิจของตระกูลหลิงก็คือธุรกิจของตระกูลหลี่ และธุรกิจของตระกูลหลี่ก็คือธุรกิจของตระกูลหลิง..”
“ข้าเพิ่งจะเจรจากับหลิงเย่วและหลิงเสี่ยวจากนี้ไปตระกูลหลี่จะร่วมลงทุนกับธุรกิจของตระกูลหลิงทุกอย่าง ความจริงข้าอยากจะร่วมลงทุน 50% แต่ท่านลุงสองของคุณชายให้เพียงแค่ 30% ข้าจำต้องยินยอม..”
“……”
หลิงหยุนถึงกับอึ้งไปตระกูลหลี่ถือหุ้นทุกธุรกิจของตระกูลหลิง 30% และตระกูลหลิงก็ถือหุ้นทุกธุรกิจของตระกูลหลี่ 30% เช่นกัน นับเป็นความคิดที่เฉลียวฉลาดยิ่งนัก เพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าให้ผู้อื่นยื้อแย่งไป
“ในเมื่อท่านลุงกับท่านพ่อเห็นชอบข้าก็ไม่มีความเห็นใดๆ!”
หลิงหยุนได้แต่เอ่ยขึ้นในที่สุดก็ถามถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของตระกูลหลี่ “ท่านลุงหลี่ ที่ตระกูลหลี่ยอมเสียเงินมากมายถึงเพียงนี้ ต้องการสิ่งใดจากตระกูลหลิงของข้ากันแน่”
หลี่จวิ้นหัวชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้วพร้อมตอบกลับไปทันที“มีเพียงแค่สองเรื่องเท่านั้น..”
“เรื่องแรก..ขอให้ตระกูลหลิงประกาศต่อสาธารณชนว่านับจากนี้ไปตระกูลหลี่ และตระกูลหลิงคือพันธมิตรกัน”
“เรื่องที่สอง..ข้าทราบมาว่าคุณชายหลิงได้ฉายาหมออมตะ มีทักษะทางการแพทย์ล้ำเลิศยิ่งนัก จึงอยากจะขอร้องคุณชายหลิงให้ช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยของท่านพ่อให้ด้วย!”