“ไม่มีปัญหา!”
หลิงหยุนรับทันที
ตระกูลหลี่ยอมเสียเงินจำนวนมากมายมหาศาลและข้อเรียกร้องทั้งสองข้อของเขาก็ไม่มีอะไรมากมายไปกว่าการรักษาสถานภาพของตระกูลไว้ อีกทั้งตระกูลหลิงกับตระกูลหลี่ก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ข้อเรียกร้องทั้งสองข้อจึงนับว่าเล็กน้อยมากสำหรับหลิงหยุน
อีกหนึ่งเหตุผลหลักที่หลิงหยุนยอมรับปากเพราะเขาชื่นชอบในทัศนคติ ความเฉลียวฉลาด และความกล้าหาญของหลี่จิ้นหัวนั่นเอง
ไม่เช่นนั้นแล้วด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องยากเลยหากจะบีบตระกูลหลี่ให้ยอมแบ่งธุรกิจของตนออกมาให้ตระกูลหลิงครึ่งหนึ่ง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายตัดสินใจทำเช่นนี้ก่อนหลิงหยุนจึงถือว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด และสวยงาม
หลี่จวิ้นหัวถึงกับถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าหลิงหยุนยอมรับปากง่ายดายเช่นนี้ จึงได้เอ่ยออกไปว่า
“คิดไม่ถึงว่าคุณชายหลิงจะเป็นคนมีเหตุมีผลเช่นนี้ข้าชื่นชมยิ่งนัก!”
หลังจากพูดออกไปแล้วหลี่จวิ้นหัวก็ยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับยื่นมือออกไปด้านหน้า หลิงหยุนและหลี่จวิ้นหัวจับมือกันเป็นการกระชับไมตรีกันอีกครั้ง
ในที่สุดตระกูลหลี่ก็สามารถทำได้บรรลุเป้าหมาย..
หลิงเย่วยืนมองทั้งสองคนจับมือกันอยู่เช่นนั้นในที่สุดก็ยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยว่า “หลิงหยุน ในเมื่อเจ้าเห็นด้วยข้าก็จะเซ็นเอกสารพวกนี้เลยนะ”
เมื่อหลิงหยุนพยักหน้าหลิงเย่วจึงเริ่มลงมือเซ็นเอกสารปึกใหญ่ที่วางอยู่ตรงหน้า นับจากนี้ไปตระกูลหลี่กับตระกูลหลิงก็จะเป็นพันธมิตรกันอย่างเป็นทางการแล้ว
หลิงเสี่ยวเองก็พูดขึ้นว่า“หลิงหยุน เรื่องบ้านหลังใหม่เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยดูแลจัดการให้ตามที่เจ้าต้องการ”
หลิงเสี่ยวเองก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลับกลายเป็นเช่นนี้เพราะไม่เพียงตระกูลหลี่จะออกเงินซื้อที่ดินเองทั้งหมด แต่ยังจะจัดหาทีมงานที่ดีที่สุดมาลงมือก่อสร้างให้ด้วย จึงไม่มีสิ่งใดที่หลิงหยุนจะต้องกังวลใจอีก
“ขอบคุณท่านพ่อ”
หลิงหยุนเอ่ยขอบคุณหลิงเสี่ยวแล้วจึงหันไปพูดกับหลี่จวิ้นหัวว่า “ท่านลุงหลี่ เรื่องพันธมิตรระหว่างเราสองตระกูล พรุ่งนี้ท่านลุงสองจะทำการประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ”
“ส่วนเรื่องการรักษาอาวุโสหลี่นั้นข้าจะตามท่านไปตระกูลหลี่รักษาในคืนนี้เลย ไม่ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า!” หลี่จวิ้นหัวถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นด้วยความตกใจ “รวด.. รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
หลิงหยุนยิ้มกว้าง“ถูกต้อง! แต่ท่านลุงอยู่คุยกับท่านพ่อที่นี่ไปก่อน ข้าขอตัวไปทำธุระประเดี๋ยว เสร็จแล้วจะได้ออกไปได้เลย”
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปมองหน้าถังเมิ่งแล้วทั้งคู่ก็ตรงไปยังสวนชั้นที่แปดของตระกูลหลิงทันที
“มีเรื่องอะไร”หลิงหยุนถามขึ้นอย่างไม่อ้อมค้อม
“เฮ้อ..ก็ลุงหลิงน่ะสิ! เมื่อครู่ตระกูลหลี่เสนอให้หุ้นเรา 50% แต่ลุงหลิงกลับยืนยันจะเอาแค่ 30% ฉันนี่เสียดายแทบตายพี่หยุน!”
หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมตอบถังเมิ่งกลับไปว่า“นายยังไม่เข้าใจ สถานการณ์ในปักกิ่งค่อนข้างอ่อนไหวและล่อแหลม หากตระกูลหลิงละโมบจนเกินไป จะทำให้ตระกูลหลงกับตระกูลเย่อิจฉาได้ พวกเขาอาจจะยื่นมือเข้ามาแทรกแซงสร้างปัญหาให้ หากเป็นเช่นนั้นเรื่องราวก็อาจจะไม่ง่ายเช่นนี้..”
“งั้นเหรอพี่หยุน!ถ้าเป็นแบบนี้ก็พอจะเข้าใจได้..”
“อ่อ..ที่ฉันมาหาพี่วันนี้ก็เพื่อจะมาบอกพี่ว่า ฉันสั่งให้บริษัทขนส่งไปจัดการับสมุนไพรจากเหออวี้ฉงมาแล้วนะ”
หลังจากที่ถังเมิ่งติดต่อเหออวี้ฉงไปตามคำสั่งของหลิงหยุนเขาก็ได้จัดการให้บริษัทขนส่งไปทำการรับของเหมือนปกติทั่วไป และตั้งใจไม่ส่งคนไปรับเองเพื่อไม่ให้เป็นการเอิกเริกจนดึงดูดสายตาของผู้คน
“เยี่ยมมาก!ว่าแต่เหออวี้ฉงยังอยู่ปักกิ่งอีกเหรอ” หลิงหยุนเอ่ยถาม
ถังเมิ่งขยิบตาให้หลิงหยุนก่อนจะพยักหน้าและตอบกลับไปว่า“ใช่! แล้วรู้มั๊ยว่าตอนนี้เหออวี้ฉงอยู่กับใคร”
สีหน้าของหลิงหยุนเปลี่ยนเป็นอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที“ใครกัน!”
“เซิ่งหยิงหยิงฮ่า.. ฮ่า..” ถังเมิ่งตอบพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
แต่หลิงหยุนกลับไม่รู้สึกประหลาดใจนักและเปลี่ยนมากำชับถังเมิ่งแทนว่า “เอาล่ะ ทันทีที่สมุนไพรมาถึง นายรีบนำมาเก็บที่นี่โดยเร็วที่สุด สมุนไพรพวกนั้นเป็นสมุนไพรชีวิตชั้นดี หากทิ้งไว้ข้างนอกนานเกินไป พลังชีวิตจะระเหยออกไปหมด..”
ถังเมิ่งพยักหน้ารับรู้แล้วจึงพูดธุระของตนเองต่อ“ฉันจัดการยึดบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นมาแล้วนะ ใชเ้เงินไปพันกว่าล้าน ตอนนี้หวังเจิ้นจวินไม่มีสิทธิ์ในบริษัทชิงหยุนอีกแล้ว..”
“พันกว่าล้าน!บทนายจะโหดก็ใช้เงินเป็นเบี้ยเหมือนกันนะ..” หลิงหยุนถึงกับบ่นอุบอิบ
ถังเมิ่งตอบกลับด้วยความภาคภูมิใจ“พี่หยุน ฉันจะเปลี่ยนจากชื่อชิงหยุนโปรดักชั่นเป็นหลิงหยุนโปรดักชั่นแล้วนะ ลุงสองก็เห็นด้วย..”
“ตามใจนาย..แต่ฉันขอเตือนไว้ก่อนว่านายอย่าทำงานที่ปักกิ่งเพลินจนลืมสอดส่องบริษัทในจิงฉู อย่าปล่อยปละละเลยจนมีปัญหาขึ้นล่ะ!” หลิงหยุนไม่ลืมที่จะกำชับถังเมิ่ง
“พี่หยุนเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงฉันเข้าใจดี! ฉันมีประชุมกับทีมงานผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ทุกวัน วันละสองรอบ..”
เมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของถังเมิ่งเช่นนี้หลิงหยุนก็รู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนถังเมิ่งจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และมีความเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ความคิดอย่างเห็นได้ชัด
“เอาล่ะถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเรารีบกลับเข้าไปกันดีกว่า ฉันต้องไปบ้านตระกูลหลี่ต่อ!”
หลิงหยุนรู้ว่าเวลานี้ถังเมิ่งได้รับความไว้วางใจจากหลิงเย่วมากไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ได้เข้ามานั่งในห้องรับแขกในคืนนี้ด้วยแน่
…………
คืนนี้หลิงหยุนไม่ต้องใช้แม้แต่เข็มเงินในการรักษาผู้เฒ่าหลี่ด้วยซ้ำไปเขาใช้เพียงแค่ดัชนีห้าธาตุในการรักษาหลี่กวนผิง จากนั้นหลี่กวนผิงก็สามารถลุกขึ้นเดินเหินได้ดังเช่นคนปกติทันที
คนตระกูลหลี่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ยืนตกตะลึง!
หลี่กวนผิงป่วยเช่นนี้มานานหลายปีเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นแต่ก็ไม่ดีขึ้นเลย จนทุกคนในครอบครัวต่างก็หมดหวัง
แต่หลิงหยุนใช้เวลาเพียงแค่สองสามนาทีก็สามารถทำให้หลี่กวนผิงกลับมาเดินเหินได้ดังเช่นคนปกติ!
“หากท่านลุงคิดว่าการรักษาง่ายจนเกินไปไม่คุ้มค่ากับที่ตระกูลหลี่ลงทุนไป จะเปลี่ยนใจยกเลิกข้อเสนอก็ยังทัน..”
หลี่จวิ้นหัวได้ฟังหลิงหยุนพูดเช่นนั้นก็ถึงกับตกตะลึงแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของเขาจึงรู้ได้ว่าหลิงหยุนกำลังล้อตนเล่น
“ไม่..ไม่.. คุณชายหลิงอย่าล้อเล่นเช่นนี้! นั่นเพราะคุณชายมีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศสมฉายาหมออมตะต่างหาก ท่านพ่อของข้าสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้..”
หลี่จวิ้นหัวระล่ำระลักบอกหลิงหยุนด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ..
“จวิ้นหัวเจ้าหลบไป!”
หลี่กวนผิงซึ่งลุกลงจากเตียงครู่หนึ่งและเริ่มรู้สึกร่างกายมีเรียวแรงขึ้นมาแล้ว จึงร้องสั่งให้หลี่จวิ้นหัวหลีกทางให้ตน เขาก้าวเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ
“หลิงหยุนขอบคุณที่ช่วยเหลือ!”
หลี่กวนผิงรู้อาการป่วยของตนเองดีว่าหากไม่ได้หลิงหยุนช่วยไว้เขาก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี แต่ตอนนี้เขากลับมาแข็งแรงเป็นปกติเช่นนี้ จึงอดที่จะขอบคุณหลิงหยุนไม่ได้
“อาวุโสอย่างได้เกรงใจตระกูลหลี่จ่ายค่ารักษาให้กับข้ามากมาย ข้าย่อมต้องรักษาอาวุโสให้หายดี!” หลิงหยุนเอ่ยตอบ
“กล่าวเช่นนั้นก็ไม่ถูกนักหากสูญสิ้นชีวิต เงินทองยังจะมีประโยชน์อันใดเล่า” หลี่กวนผิงยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกล่าวต่อว่า
“ในเมื่อสองตระกูลผูกสัมพันธ์เป็นพันธมิตรกันเช่นนี้ต่อไปคงมีเรื่องที่ต้องร่วมมือกันอีกมาก ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเองก็ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวเรื่องธุรกิจ จากนี้ไปข้าจะให้จวิ้นหัวไปคุยกับกับหลิงเย่วเรื่องธุรกิจ และตระกูลหลี่จะขอดูแลตระกูลหลิงเอง..”
“หากเป็นเช่นนั้นย่อมดีไม่น้อยข้าหวังว่าในวันข้างหน้าตระกูลหลี่จะไม่รู้สึกผิดหวังที่ตัดสินใจเช่นนี้!”
ในข้อตกลงนั้นหลิงหยุนเพียงแค่ต้องรักษาอาการป่วยให้กับหลี่กวนผิงเท่านั้นแต่เขาต้องการดูท่าทีของหลี่กวนผิงและตระกูลหลี่เสียก่อน จึงยังไม่ได้นำโอสถเยาว์วัยออกมาใช้..
ตราบใดที่มั่นใจว่าตระกูลหลี่จะจงรักภักดีและเชื่อฟังตระกูลหลิงจริงๆเขาจึงจะมอบโอสถเยาว์วัยให้กับหลี่กวนผิง
“ย่อมไม่ผิดหวังแน่!นับจากนี้ไปตระกูลหลี่จะอยู่ในการดูแลของตระกูลหลิง และเมื่อใดที่ตระกูลหลิงเอ่ยปากเรื่องเงิน ตระกูลหลี่ก็พร้อมที่จะสนับสนุนทันที!”
หลี่กวนผิงกล่าวไปเช่นนั้นและไม่รู้สึกว่าตนเองต้องเสียหน้า หรือทำให้ตระกูลหลี่ดูต้อยต่ำลงเลยแม้แต่น้อย
‘ผู้เฒ่าหลี่สายตาหลักแหลมยิ่งนัก!’
หลิงหยุนยิ้มและได้แต่คิดในใจว่าในปักกิ่งมีตระกูลใหญ่ให้พึ่งพาอีกถึงสองตระกูลแต่ตระกูลหลี่กลับเลือกตระกูลหลิงเช่นนี้ มีหรือที่ตระกูลหลี่จะมีแต่เสีย มีแต่จะได้ต่างหากเล่า!
เวลานี้ตระกูลเกามีอำนาจบารมีในวงการธุรกิจตระกูลหลี่มีทรัพย์สินเงินทอง ส่วนตระกูลหลิงมีความแข็งแกร่งที่ผู้คนยำเกรง จึงเสมือนมีทั้งดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ในคราวเดียว..
สามพันธมิตรตระกูลหลิงตระกูลเกา และตระกูลหลี่ แม้แต่ตระกูลหลงกับตระกูลเย่เองยังต้องยำเกรง! …..
ในเช้วันใหม่เวลาเจ็ดโมงครึ่งหลิงหยุนเพิ่งจะฝึกซ้อมเสร็จพอดี
หลังจากหลิงซวี่กลับมาถึงบ้านตระกูลหลิงนางก็ตรงเข้าไปหาหลิงหยุนในสวนชั้นที่หกทันที เพราะรู้ว่าช่วงเวลาตั้งแต่ตีห้าจนถึงแปดโมงเช้า หลิงหยุนจะต้องฝึกวิชาอยู่ที่นั่นทุกวัน
“พี่ใหญ่วันนี้ไม่ว่าพี่จะไปไหน ข้าจะไปกับท่านด้วยทุกที่!”
“เอ่อ..”
หลิงหยุนถึงกับปวดขมับขึ้นมาทันทีและนึกถึงคำเตือนของหลิงซิ่วเมื่อคืนนี้ “เจ้าเตรียมตัวไว้เลย นับจากนี้ไปหลิงซวี่จะตามติดเจ้าเป็นตังเม!”
“วันนี้ข้าจะต้องไปเยี่ยมเยียนศิษย์ทั้ง72 คนที่พามาจากจิงฉูที่โรงฝึกซ้อม นานแล้วที่ไม่ได้ไปพบพวกเขาบ้างเลย..”
หลิงซวี่ได้ฟังถึงกับตาโต“พี่ใหญ่ ข้าจะไปกับท่านด้วย!”
“…..”หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออก
“พี่ใหญ่คะ!พี่ใหญ่คนดี ให้ข้าไปด้วยคนนะ ได้โปรด!” หลิงซวี่เข้าไปกอดแขนหลิงหยุนไว้ พร้อมกับออดอ้อนและเริ่มเอาแต่ใจตัวเอง
“ได้ๆข้าพาเจ้าไปด้วยก็ได้!” หลิงหยุนได้แต่ยอมตามใจเพราะไม่อาจปฏิเสธได้
อีกอย่างตัวเขาก็จะต้องออกเดินทางในอีกสามถึงสี่วันข้างหน้าเขาเองก็เพิ่งจะทำลายกำแพงกั้นของหลิงซวี่ลงได้ จึงอยากจะใช้เวลาที่มีอยู่ไม่กี่วันนี้ชดเชยให้กับนาง
จากนั้นหลิงหยุนจึงเดินโอบไหล่หลิงซวี่ไปอย่างสนิทสนมพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ไปกินข้าวเช้ากันก่อน แล้วค่อยออกไปด้วยกัน!”
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนก็ได้เรียกตี้เสี่ยวอู๋ และโม่วู๋เตาไปด้วย ส่วนหลิงเฟิงนั้นให้นั่งทำหน้าที่เป็นผู้บอกเส้นทาง
“นี่น้องซวี่..วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกรึ!”
หลิงเฟิงที่นั่งอยู่ข้างคนขับเห็นหลิงซวี่เกาะติดหลิงหยุนเป็นปลิงอย่างสนิทสนมเช่นนั้นจึงอดที่จะถามออกไปไม่ได้
“พี่หลิงเฟิงถ้าพี่ยังพูดมากอีก ต้องมีเรื่องกับข้าแน่!” หลิงซวี่ตอบกลับด้วยความไม่พอใจ
“จ้าๆข้ายอมแพ้เจ้าก็ได้!” หลิงเฟิงรีบยกมือสองข้างขึ้นทำท่าสิโรราบ
ทุกคนในรถต่างพากันหัวเราะออกมาอย่างนึกขัน..
“หลิงเฟิง..นี่มันทางไปที่ดินที่ผืนนั้นไม่ใช่รึ” หลิงหยุนร้องถามหลิงเฟิงออกมาด้วยความสงสัย
“ใช่แล้วโรงฝึกวรยุทธอยู่ห่างจากที่ดินที่เจ้าเลือกไปสิบกิโลเมตร ท่านพ่อพบเข้าเมื่อครั้งมาดูที่ดินผืนนั้นให้กับท่าน จึงได้ตัดสินใจซื้อไว้..”
“ครั้งนั้นข้าถามท่านพ่อว่าเหตุใดจึงได้ซื้อโรงฝึกวรยุทธในที่ห่างไกลเช่นนี้ท่านพ่อบอกข้าว่าต่อไปที่ดินผืนนั้นจะเป็นบ้านหลังใหม่ของตระกูลหลิง และในวันข้างหน้าบริเวณนี้จะกลายเป็นอาณาเขตของตระกูลหลิงเช่นกัน ส่วนโรงฝึกวรยุทธก็จะได้ใช้อย่างแน่นอนในวันข้างหน้า..”
หลิงหยุนฟังแล้วได้แต่นึกอัศจรรย์ในการการคาดเดาที่แม่นยำของหลิงเย่วจากนั้นก็ได้ยินเสียงของหลิงเฟิงเล่าต่อว่า
“เมื่อเข้าไปดูด้านในของโรงฝึกวรยุทธถึงได้รู้ว่าพื้นที่ด้านในนั้นกว้างใหญ่มากมีทั้งสระน้ำขนาดใหญ่ หอพัก อาคารสันทนาการต่างๆที่มีทั้งห้องสมุด ห้องอาหาร สนามกีฬา มิหนำซ้ำยังมีห้องฝึกวรยุทธแยกต่างหากด้วย เรียกได้ว่าครบวงจรเลยล่ะ..”
หลิงหยุนได้แต่ยิ้มและเอ่ยชมออกมา“ลุงสองไม่เคยมองสิ่งใดพลาดเลยจริงๆ!”
ไม่นานนักทั้งหมดก็มาถึงที่โรงฝึกวรยุทธปักกิ่ง..
หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดูโดยรอบทั้งภายในและภายนอกโรงฝึกและพบว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างที่หลิงเฟิงเล่ามาทั้งหมด โรงฝึกแห่งนี้รายล้อมด้วยเขาสูงมากมาย และด้านหน้ามีแม่น้ำไหลผ่าน ตัวอาคารใหญ่โตสามารถรับคนได้ถึงหนึ่งพันคนเลยทีเดียว
นอกจากแม่น้ำที่ไหลผ่านแล้วรอบๆก็ยังมีทะเลสาบงดงามล้อมรอบ..
“ห๊ะ!ท่านพ่อก็อยู่ที่นี่ด้วยงั้นรึ? พี่หลิงหย่งกับหลิงสือชีก็อยู่ด้วยรึนี่?!” หลิงหยุนร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ..
หลิงเฟิงกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจเช่นเดียวกับหลิงหยุน“ตั้งแต่ศิษย์ทั้ง 72 ของเจ้ามาอยู่ที่โรงฝึกนี้ ท่านอาสามก็มาที่นี่แทบทุกวัน!”
“ส่วนหลิงหย่งก็ยังกระอักกระอ่วนใจที่จะกลับไปอยู่บ้านแต่ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาสามไปพาตัวเขามาที่โรงฝึกนี่ได้อย่างไร!”
“ท่านอาสามไม่เพียงมาที่นี่ฝึกสอนวรยุทธให้กับศิษย์ทั้ง72 คนของเจ้า แต่ยังนำนักรักตระกูลหลิงมาฝึกวรยุทธที่นี่อยู่เป็นประจำ..” หลิงหยุนฟังแล้วได้แต่ตื้นตันใจและคิดไม่ถึงว่าพ่อของเขาจะทำเพื่อเขามากมายถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่เคยปริปากบอกเขาเลยแม้แต่คำเดียว
ความรักของบิดาหนักแน่นดั่งภูผายิ่งใหญ่แต่ไร้เสียง..
หลิงซวี่เองก็เช่นกันนับตั้งแต่กำแพงในใจได้ทลายลง นางก็ได้มองเห็นความรักที่หลิงเสี่ยวมีให้ตนตั้งแต่เล็กจนโต และเป็นสิ่งที่นางมองข้ามมันมาตลอด นางเริ่มมองเห็นว่าตั้งแต่เล็กจนโตมา ไม่ว่านางจะดื้อรั้นเอาแต่ใจมากเพียงใด แต่หลิงเสี่ยวกลับไม่เคยดุด่านางแม้แต่คำเดียว!
แววตาของหลิงเสี่ยวเปี่ยมไปด้วยความสำนึกผิดและน้ำตาก็เริ่มไหลพร่างพรูออกมา..
พ่อที่ต้องแบกรับความอัปยศอดสูไว้แต่เพียงผู้เดียวพ่อที่ต้องเก็บงำความแค้นไว้ภายในใจคนเดียว พ่อที่ยอมแบกรับความผิดทั้งหมดไว้ที่ตัวเองเพียงลำพัง แต่กลับไม่เคยปริปากบอกผู้ใดแม้แต่คำเดียว.. หลิงหยุนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มให้กับหลิงซวี่พร้อมกับพูดขึ้นว่า“หลิงซวี่ น้องคงเข้าใจความรู้สึกของท่านพ่อแล้วสินะ”
หลิงซวี่พยักหน้าด้วยดวงตาที่แดงก่ำ..
“เฮ้อ..ท่านอาสามเป็นคนที่น่าทึ่งมากจริงๆ!”
พูดจบหลิงเฟิงก็ก้าวลงจากรถทันที“ลงรถกันได้แล้ว!”
เมื่อหลิงซวี่สงบสติอารมณ์ลงมากแล้วหลิงหยุนจึงเดินลงจากรถพร้อมกับหันไปสั่งตี้เสี่ยวอู๋
“เสี่ยวอู๋เจ้าขับรถไปจอดแล้วไปเดินดูโรงฝึกกัน..”