GGS:บทที่ 951 พิพิธภัณฑ์เปิดแล้ว
เป็นซูจิ้งที่ถ่ายวิดีโอเหตุการณ์ปล้นเรือและนรกกลางทะเลนี้และปล่อยขึ้นไปบนอินเตอร์เน็ต ในตอนนั้นเขาได้คิดไว้แล้วอาจจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจึงได้ถ่ายวิดีโอเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานตั้งแต่ต้นจนจบ
เอาจริงๆเขาก็ไม่ยากจะอัพโหลดวิดีโอนี้ขึ้นอินเตอร์เน็ตสักเท่าไหร่ เพราะนั่นจะเป็นการเปิดเผยการคงอยู่ของหมึกยักษ์หัวกลมต่อสาธารณชน
แต่ในเมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นนั้นคิดจะทำเรื่องหน้าไม่อายอย่างกล่าวหาทีมเก็บกู้จากจีนและคิดจะทำให้ชนชาติจีนขายหน้าต่อชาวโลกแบบนี้ แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้อย่างแน่นอน
ซูจิ้งได้ลองให้ใครบางคนวิเคราะห์สมบัติที่เขานำกลับมาจากก้นทะเล สมบัติทั้งหมดหลังจากประเมินแล้วนั้นมีมูลค่าประมาณสองพันล้านหยวน แน่นอนว่าสมบัติมูลค่าขนาดนี้ไม่ว่าประเทศไหนที่ได้ไปแน่นอนว่าย่อมกลายเป็นข่าวดังได้อย่างแน่นอน
ซูจิ้งเองตั้งใจว่าจะเก็บสมบัติพวกนี้ไว้ก่อน รอให้เรื่องซาลงแล้วค่อยว่ากันอีกทีว่าจะทำยังไงกับพวกนี้ต่อ เพราะไม่ว่าจะขายมันหรือมอบให้คนอื่นก็มีสิทธิ์ที่จะเชื่อมโยงมายังตัวเขาได้ เพราะเขาขี้เกียจมานั่งตอบคำถามเรื่องหมึกยักษ์และวิธีการที่เขาได้นำสมบัติพวกนี้มา
วันถัดมาเป็นวันอาทิตย์ “พิพิธภัณฑ์สุดมหัศจรรย์ฯ” ของเขาก็ถึงเวลาเปิดตัว เขานั้นเลือกที่จะไม่ไปและเลือกที่จะอยู่จัดการขยะของเขาต่อ โดยมอบหมายให้เฉินฮงไปทำหน้าที่เป็นคนเปิดงานและจัดการเรื่องต่างๆแทน
ซูจิ้งในตอนนี้นั้นได้ก้าวเข้าไปอยู่ในรายการผู้มีชื่อเสียงระดับที่หนึ่งเรียบร้อยแล้ว และฉายาจ้าวแห่งของขวัญของเขาเองก็เป็นที่รู้กันจนทั่ว
ด้วยการที่ว่าตัวเขานั้นถือครองสมบัติของนครที่สาบสูญแอตแลนติสนี้เองทำให้เขากลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงในระดับโลก
แน่นอนว่าพิพิธภัณฑ์สุดมหัศจรรย์ของเขานั้นต้องเป็นที่จับตามองอย่างแน่นอน
ในช่วงเช้าตรู่ก่อนที่พิพิธภัณฑ์สุดมหัศจรรย์นี้จะเปิดก่อนประมาณชั่วโมงครึ่งก็ได้มีผู้คนต่อแถวกันอยู่หน้ประตูชนิดที่ยาวสุดลูกหูลูกตา แน่นอนว่าทุกคนนั้นมีท่าทีตื่นเต้นกันไปหมด แม้แต่ชาวเน็ตเองก็ยังพูดถึงเรื่องนี้กัน
“นี่ก็ว่ามาเร็วแล้วนะ คนยังเยอะขนาดนี้อีก” โจวฉือเซียนที่ตื่นแต่เช้าเพื่อมาร่วมงานแต่เมื่อมาถึงแล้วพบว่ามีคนจำนวนมากมารออยู่ก่อนแล้วทำได้เพียงบ่นอุบออกมา
“ก็ไม่น่าแปลกล่ะนะ ยังไงซะนี่ก็เป็นพิพิธภัณฑ์ของคุณซูนี่นา” เอี้ยป๋อพูดออกมา
“เฮ้ออออ ยังไงซะฉันก็คิดว่าเขานั้นไม่น่าจะนำสมบัติอื่นนอกจากสมบัติจากแอตแลนติสนั่นออกมาจัดแสดงหรอกนะ
คุณซูไม่แม้กระทั่งสนใจสมบัติบนซากเรือที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแอตแลนติสแบบนี้แล้วเขาจะมีสมบัติอย่างอื่นได้ยัง นอกจากนั้นเขาเองก็ยังจัดประมูลอยู่บ่อยขนาดนั้นไม่น่าจะมีอะไรเหลือแล้วนะ”
โจวฉือเซียนนั้นบ่นออกมาอย่างอารมณ์เสีย ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะพึ่งจะเกิดเรื่องแย่ๆอย่างการหาสมบัติแล้วไม่ได้อะไรติดมือกลับมาเลย
แถมยังต้องเจอความน่ารังเกียจจากชาวญี่ปุ่นสองสามครั้งติดๆกันแบบนี้อีก ต่อให้ไม่ได้เสียอะไรไปแต่ต้องเจอเรื่องแย่ๆติดๆกันแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดีแต่อย่างใด ยิ่งคิดก็ยิ่งแย่ต่อความรู้สึกของตัวเอง
“น่าน่าอย่าไปว่าคุณซูเลย เขาอาจจะเจอปัญหาจริงๆจนไม่สามารถยื่นมือช่วยพวกเราก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้คุณซูยอมช่วยเราจริงล่ะก็ ตอนนั้นเราก็เคลื่อนไหวช้าไปแล้วล่ะนะ ยังไงผลก็ออกมาไม่ต่างกันหรอก” เอี้ยป๋อพูดออกมา
โจวฉือเซียนนิ่งคิดไปพักหนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าเห็นด้วยและไม่คิดจะพูดเรื่องนี้อีก ความจริงเขานั้นก็ไม่ได้อยากจะโทษซูจิ้งแต่อย่างใด
คนอื่นๆเองที่เขาไปขอความช่วยเหลือเองก็มีเหตุผลที่ช่วยพวกเขาไม่ได้เหมือนกัน เอาจริงๆเขานั้นเพียงหวังไว้อย่างเดียวคือว่าพิพิธภัณฑ์สุดมหัศจรรย์ของซูจิ้งนี้จะไม่ได้ด้อยกว่าพิพิธภัณฑ์อื่นๆล่ะนะ
“โอ้ว คุณมาด้วยเหรอ” คนอีกกลุ่มหนึ่งได้เข้ามาทักทายและเป็นผู้อาวุโสหวู่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“งานเปิดตัวของคุณซูมีหรือที่ฉันจะพลาดได้ พิพิธภัณฑ์ของคุณซูต้องสุดยอดอย่างแน่นอน ยังไงซะพิพิธภัณฑ์ของคุณซูนี้สมควรจะเอาไว้จัดแสดงของที่ไม่อยากจะขาย คุณหวู่เองคงได้แต่มองเท่านั้นแหล่ะ” ผู้อาวุโสเซี่ยพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“แค่ได้เห็นก็บุญตาแล้วน่า ใครจะไปรู้คุณซูอาจจะอยากขายก็ได้ในอนาคต” ผู้อาวุโสหวู่หัวเราะออกมา คำพูดที่เขาพูดออกมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทุกคำ จะเพียงแค่เห็นก็ดี หากขายด้วยยิ่งดีเข้าไปใหญ่
ไม่ไกลจากกลุ่มคนที่กำลังสนทนาอยู่นี้ก็ได้มีกลุ่มคนที่เป็นชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งต่อแถวอยู่เช่นเดียวกัน และในนั้นก็ได้มีอลันและแอนนาที่เคยขอซื้อรูปปั้นเทพธิดาแห่งเมืองที่สาบสูญแอตแลนติสอยู่ในกลุ่มด้วย
“ในที่สุดก็จะได้ยลโฉมเทพธิดาตนนั้นอีกครั้งได้สักที” อลันเองได้พูดพร้อมทั้งแสดงท่าทีตื่นเต้นออกมาเล็กน้อย
“ถ้าฉันรู้ว่าเราไม่สามารถซื้อได้ในตอนนั้นล่ะก็ ฉันคงไม่เสียเวลาและเชยชมรูปปั้นนั้นให้หนำใจไปเลย” แอนนาบ่นออกมา
“เธอน่ะยังดีได้เห็นกับตาตัวเอง พวกเราได้แต่ดูผ่านรูปเองนะ คิดว่าเรารู้สึกยังไงล่ะ” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งในกลุ่มพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ฉันได้ยินมาว่าคุณซูคนนี้มีฉายาว่าจ้าวแห่งของขวัญ นั่นก็เพราะเขานั้นมีสมบัติจำนวนมากอยู่ในมือ นอกจากรูปปั้นเทพธิดาแห่งแอตแลนติสแล้วคุณเองก็น่าจะได้เห็นสมบัติอย่างอื่นด้วยล่ะนะ เรามาลองสัมผัสบรรยากาศสมบัติของชาวจีนบ้างก็ไม่เลวหรอกนะ” หญิงวัยกลางคนอีกคนหนึ่งพูดออกมา
“สำหรับผม ผมสนใจแค่รูปปั้นเทพธิดาจากแอตแลนติสเท่านั่นแหล่ะ นั่นก็เพราะว่ามีเพียงซูจิ้งเท่านั้นที่มีพวกมันไว้ในครอบครองเท่านั้น
ต่อให้เขานั้นมั่นใจในรูปปั้นนั้นยังไงแต่การที่เขาสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาเพื่อจัดแสดงสมบัติของตัวเองแบบนี้ ผมว่าเขาน่าจะใส่ของห่วยๆเข้ามาเท่านั้นแหล่ะ” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มพูดออกมา
นอกจากกลุ่มของอลันและแอนนาแล้วก็ยังมีชาวต่างชาติกลุ่มอื่นต่อแถวอยู่ด้วย แน่นอนว่าส่วนใหญ่นั้นมาที่พิพิธภัณฑ์สุดมหัศจรรย์ของซูจิ้งเพียงเพราะรูปปั้นเทพธิดาจากแอตแลนติสเท่านั้น
เพราะหลังจากเรื่องที่พบเจอรูปปั้นแห่งเมืองแอตแลนติสได้แพร่ออกไป เรื่องนี้ยังคงเป็นเรื่องที่พูดถึงกันอย่างแต่เนื่อง นี่ขนาดผ่านมาพักใหญ่แล้วเรื่องนี้ก็ยังเป็นประเด็นพูดคุยกันอยู่
แต่ถึงจะว่ามาแบบนั้นแต่ก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เห็นรูปปั้นกับตาตัวเอง ส่วนใหญ่แล้วจะเห็นเพียงจากภาพถ่ายเท่านั้น ด้วยความที่ที้งโลกนี้เพิ่งมีการพบเจอเพียงแค่สามชิ้นเท่านั้น แน่นอนว่าเหล่านักสะสมเองก็ได้ยกรูปปั้นนี้เป็นสิ่งที่ต้องนำมาครอบครองให้ได้โดยปริยาย ต่อให้ไม่ได้มาครอบครองขอเพียงได้เฉยชมก็ยังดี
“พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ไม่ได้ดูดีอะไรเลยนี่นา” ชายหนุ่มในชุดแฟชั่นใส่ตุ้มหูคนหนึ่งได้พูดออกมาในขณะที่ยืนมองหน้าตึกอย่างดูถูก
“นั่นน่ะสิ ข้างนอกตึกห่วยขนาดนี้แล้วนับประสาอะไรกับข้างใน พวกเรามาก็แค่อยากจะรู้ว่าของข้างในมีค่าแค่ไหนจนทำให้ซูจิ้งกล้าดีมาเปิดพิพิธภัณฑ์แบบนี้ล่ะนะ” ชายหนุ่มอีกคนที่สวมแว่นตาพูดออกมา เขานั้นดูสุขุม แต่งตัวดูดีและใส่นาฬิกาโรเล็กซ์อีกด้วย
“เฮอะ ไม่ว่าแกจะมีดีขนาดไหนแต่ก็ไม่สู้นายน้อยฮัวของเราได้หรอก แล้วฉันจะสนทำไม”
“ซูจิ้งคนนี้ต่อให้ไม่สามารถเทียบได้กับนายน้อยฮัวแต่ก็ประมาทไม่ได้เหมือนกัน เขาถูกเรียกว่าคุณชายสี่จากชาวเน็ตน่าเบื่อบางกลุ่ม ถึงแม้เรื่องแค่นี้จะไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกับนายน้อยฮัวของเราก็ตาม
นายอาจจะไม่รู้แต่นายน้อยฮัวเองเขาก็ได้รับสมญาว่าคุณชายสี่เหมือนกัน ด้วยการที่ไอ้หมอนี่มาจากบ้านนอกแต่กลับได้รับสมญาแบบเดียวกับเขาแบบนี้ทำให้เขารู้สึกเซ็งไปเหมือนกัน
แถมตอนที่รู้มาว่าแฟนของซูจิ้งนั้นงามเลิศจนทำให้เขาหลงใหลและเสนอรถหรูพร้อมบ้านและที่ดินมูลค่ากว่าหลายสิบล้านหยวนให้เธอ
ผลที่ได้คือเธอปฏิเสธในทันที นี่ขนาดเธอรู้จักตัวตนของนายน้อยฮัวแล้วนะยังไม่สนใจเลย”
“แม่..เอ๊ย นี่หล่อนไม่รู้รึไงว่าเขานั้นเป็นลูกเศรษฐี มีผู้หญิงนับร้อยรอให้เขาควงและเขาเองก็ได้เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าหลายๆคนในแต่ละวัน บุญของยัยนั่นแล้วนะที่นายน้อยฮัวสนใจ”
“มันเป็นเพราะความสวยของฉือชิงนี่แหล่ะที่ทำให้นายน้อยฮัวลืมหล่อนไม่ลงและทำให้เกลียดขี้หน้าซูจิ้งมากยิ่งขี้น ตอนที่ว่าพบซากเรือนั่นเองก็เหมือนกัน
เขานั้นพอรู้ว่ามันอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเมืองแอตแลนติสก็ได้เสนอตัวสนับสนุนทีมเก็บกู้ในทันที เขาอยากได้สมบัติพวกนั้นมาเพื่อที่จะนำมาสู้กับซูจิ้งในเรื่องชื่อเสียง
ไม่คิดเลยว่าจะไม่ได้อะไรกลับมาเลย นี่แสดงให้เห็นว่านายน้อยฮัวนั้นจริงจังกับเรื่องนี้จริงๆ เอาเถอะยังเราก็ลองเข้าไปดูก่อนแล้วกัน แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปบอกนายน้อยฮัวเปิดพิพิธภัณฑ์ที่หรูกว่านี้ นั่นจะได้เปิดหูเปิดตายัยคนไม่มีตานั่นสักหน่อย”
เมื่อถึงเวลาแปดโมงเช้า ในที่สุด ประตูของพิพิธภัณฑ์ก็ได้เปิดออกมา