ภาคที่ 34 เทพจักรวาล ตอนที่ 38 ถูกทอดทิ้ง

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

รัฐโบราณสหโลกา รัฐโบราณคิมหันตวายุ รัฐโบราณหิมะน้ำแข็ง รัฐโบราณบรรพชน รัฐโบราณเสียดฟ้า และรัฐโบราณจันทร์บุปผา

 

ยอดฝีมือของหกรัฐโบราณในครั้งนี้ทยอยมาถึงอย่างต่อเนื่อง

 

“คราวนี้ฝูอี่และเจียลัวซาก็เข้าไปด้วยหรือ” บุรุษร่างใหญ่ที่มีเสื้อคลุมกันลมสีดำพูดยิ้มๆ เขามีผิวหนังสีดำ บนผิวหนังยังมีลายดอกสีแดงจำนวนมาก นัยน์ตาทั้งคู่ก็แดงก่ำราวกับหยกโลหิต เขาก็คือ ‘บรรพชนนิจรัตติกาล’ แห่งรัฐโบราณบรรพชน

 

“หาได้ยากนัก หาได้ยากนัก ฝูอี่มิได้เข้าไปนานพอดูแล้วกระมัง”

 

“เจียลัวซา คราวก่อนๆ เจ้าก็เพิ่งจะเข้าไปมิใช่หรือ ยังจะเข้าไปอีกหรือ ให้โอกาสบรรดารุ่นเล็กสักหน่อยเถิด เจ้าอย่าได้ยึดครองเอาไว้คนเดียวเลย”

 

ในที่นั้นมีบุคคลผู้ไร้เทียมทานปรากฏตัวขึ้นทั้งสิ้นแปดคน ซึ่งก็คือจักรพรรดิเซี่ย จักรพรรดิชาง ผู้พเนจร บรรพชนนิจรัตติกาล ประมุขรัฐจันทร์โรจน์ และคนอีกกลุ่มหนึ่ง พวกเขาแต่ละคนต่างก็มีเคล็ดวิชาร่างแยกกันทั้งสิ้น แม้กระทั่งอย่างเช่น ‘ประมุขรัฐจันทร์โรจน์’ ก็บำเพ็ญวิถีอากาศไปถึงระดับขั้นอลวน เคล็ดร่างแยกไปถึงระดับสูงสุดจนบำเพ็ญร่างแยกร่างที่สองออกมาได้

 

เคล็ดร่างแยกของประมุขรัฐเมฆทักษิณา ที่ดินแดนจิตโลกาก็สามารถนับได้เพียงว่าธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ยังห่างชั้นกับทางสายของประมุขหอหมื่นโลกาและจ้าวภูเขาฉื้อเหมยนั้นอยู่มากนัก

 

“ติดอยู่ที่จุดคอขวดมาโดยตลอด คราวนี้ก็อยากจะเข้าไปเสาะหาโอกาสสักหน่อย” มหาเคารพฝูอี่พูดพลางยิ้มน้อยๆ

 

“เป็นท่านพี่จันทร์บุปผาที่ให้ข้าเข้าไป ข้าก็ต้องฟังท่านพี่จันทร์บุปผาสิ” เจียลัวซาก็คือหญิงสาวผู้งดงามที่สวมอาภรณ์ผ้าฝ้ายสีขาวโปร่งแสงคนหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วนางคือวีรสตรีผู้ล้ำเลิศที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา ความอำมหิตน่าหวาดหวั่นของนางยังเหนือกว่าพวกเจ้าสำนักเหยียนโม๋และบรรพชนเหินประจิมเสียอีก แต่นางสวามิภักดิ์อยู่ใต้บังคับบัญชาของประมุขรัฐจันทร์โรจน์

 

ประมุขรัฐจันทร์โรจน์ปฏิบัติต่อนางดุจพี่ชายน้องสาว บวกกับการที่เจียลัวซา มารในหมู่มารผู้นี้ มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งเป็นที่สุด บุคคลผู้ไร้เทียมทานก็ยังมิอาจสังหารได้ ดังนั้นบุคคลผู้ไร้เทียมทานมากมายจึงได้ไว้หน้านางกันเป็นอย่างมาก

 

……

 

บุคคลผู้ไร้เทียมทานแปดคน มหาเคารพฝูอี่ และเจียลัวซา สิบคนนี้พูดคุยแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ถึงแม้ว่ามหาเคารพฝูอี่และเจียลัวซาต่างก็ค่อนข้างถ่อมตัว แต่ก็เห็นได้ชัดว่าได้รับความเคารพจากเหล่าบุคคลผู้ไร้เทียมทานเป็นอย่างมาก

 

สำหรับคนอื่นๆ น่ะหรือ

 

เหล่าบุคคลผู้ไร้เทียมทานก็มิใคร่จะใส่ใจกันสักเท่าใดนัก

 

สามารถสังหารได้อย่างง่ายดายแล้วจะใส่ใจให้มากไปทำไมกันเล่า

 

ในบรรดายี่สิบเก้าคนที่เหลือก็มีระดับจอมเคารพอยู่เกือบครึ่ง เช่นพลังยุทธ์ของตงป๋อเสวี่ยอิง ที่อ่อนแอกว่าเขาก็มีน้อยจนสามารถนับนิ้วได้! ต่างก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศที่แต่ละขุมอำนาจใหญ่บ่มเพาะกันอย่างสุดกำลัง ต่อให้อยู่ในวังเทพจิตโลกาก็มียอดฝีมือของตระกูลคอยช่วยเหลือ แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงที่มาจากรัฐเมฆทักษิณากลับไม่มีผู้ใดบังลมกันฝนให้กับเขาในสถานที่อย่างวังเทพจิตโลกานี้เลย

 

“พรึ่บ”

 

บรรพชนราตรีนิรันดร์กวาดตามองแวบหนึ่ง

 

ระลอกคลื่นวิญญาณอันไร้รูปร่างกวาดผ่านเทพจักรวาลทุกคนในที่นั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกไม่สบายเป็นอย่างยิ่ง อดที่จะมองบรรพชนราตรีนิรันดร์ปราดหนึ่งมิได้ บรรพชนราตรีนิรันดร์และบรรพชนนิจรัตติกาลสวมเสื้อคลุมกันลมสีดำเช่นเดียวกัน เพียงแต่ด้านบนของเสื้อคลุมกันลมของเขามีลวดลายดอกไม้สีทองอยู่ เพิ่มความระยับจับตาให้มากขึ้นพอสมควร บรรพชนราตรีนิรันดร์มีดวงหน้าขาวผ่อง อีกทั้งยังหล่อเหลางดงามมากกว่า นัยน์ตาทั้งคู่คล้ายกับจะมองทะลุวิญญาณของทุกผู้คนได้

 

“ข้าตรวจสอบพบว่าไม่มีใครลอบพาสิ่งมีชีวิตอื่นเข้ามาเลย” ประมุขรัฐเสียดฟ้าเอ่ยกลั้วหัวเราะ

 

“เข้าไปเถิด” บรรพชนราตรีนิรันดร์ออกคำสั่งเสียงหนึ่ง เขากับบรรพชนนิจรัตติกาลนำทางเทพจักรวาลสามคนเข้าไปอย่างรวดเร็ว

 

“ไป”

 

“ไป”

 

หกรัฐโบราณแบ่งออกเป็นหกกลุ่มแล้วเข้าไปอย่างรวดเร็ว

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไปกับพวกจักรพรรดิเซี่ยและจักรพรรดิชาง เป็นพลพรรคใหญ่ถึงสิบสองคน มีเพียงพลพรรคของรัฐโบราณสหโลกาที่สามารถเปรียบเทียบกันได้ เช่นพลพรรคของรัฐโบราณจันทร์บุปผาและรัฐโบราณเสียดฟ้านั้นก็มีอยู่เพียงแค่สองคนอย่างน่าสงสาร

 

******

 

ประตูหลักของวังเทพจิตโลกาสูงใหญ่ตระหง่าน ประตูใหญ่เปิดกว้างอยู่ในขณะนี้

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงติดตามพลพรรคผ่านประตูใหญ่ไป ในขณะเดียวกันกับที่ผ่านประตู มิติบริเวณรอบๆ ก็เปลี่ยนเป็นมายา เพียงพริบตาก็มาปรากฏตัวอยู่บนถนนที่ปูลาดด้วยแผ่นหินซึ่งเต็มไปด้วยหมอกขาวปกคลุมเส้นหนึ่ง ด้านหน้าของถนนที่ปูลาดด้วยแผ่นหินก็คือปากทางแยก มีทางแยกทั้งสิ้นสามสาย

 

“พวกเจ้าก็ระวังตัวกันหน่อยล่ะ”

 

หลังจากที่จักรพรรดิเซี่ยออกคำสั่งประโยคหนึ่งแล้ว สวบ สวบ

 

เขากับจักรพรรดิชางก็เหินทะยานมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน เริ่มต้นเส้นทางการสำรวจของพวกเขา

 

“ขอให้ทุกท่านโชคดี” มหาเคารพฝูอี่แย้มยิ้มน้อยๆ แล้วก็เลือกเหินทะยานตรงไปยังทิศทางหนึ่ง

 

ชั่วพริบตาเดียว สามคนที่แกร่งกล้าที่สุดในพลพรรคต่างก็ไปกันหมดแล้ว

 

เหลือมหาเคารพสี่คน เทพจักรวาลชั้นที่สองสองคน และระดับเทพจักรวาลสามคนเอาไว้

 

“อ้างอิงจากกฎที่สามตระกูลใหญ่บัญญัติเอาไว้ ต่อไปพวกเราก็จำเป็นต้องแยกกัน จะได้สิ่งใดมาจากวังเทพจิตโลกา ก็ขึ้นกับโชคชะตาของแต่ละคนแล้วล่ะนะ” มหาเคารพผู่ซู่พูดพลางยิ้มน้อยๆ คนอื่นๆ ก็มองตงป๋อเสวี่ยอิง จอมเคารพมารอัคคี และประมุขเกาะฟู่ชุน แววตาบ้างก็สงสาร บ้างก็คาดหวัง บ้างก็นิ่งสงบ

 

บุรุษผมยุ่งเหยิงที่สะพายกระบี่เทพก็มองดูตงป๋อเสวี่ยอิงครั้งแล้วครั้งเล่า อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็มิได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใด

 

“ไป”

 

มหาเคารพผู่ซู่เอ่ยปาก ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็เปล่งรัศมีอันน่าประหลาด รัศมีนั้นห่อหุ้มเอาไว้ทั้งหมดหกคน ซึ่งได้แก่สมาชิกสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ มหาเคารพทั้งหมดสามคน และระดับเทพจักรวาลสามคน

 

พรึ่บ

 

กาลเวลาผันแปร พวกเขาก็หายลับไปอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียง

 

บนถนนที่ปูลาดด้วยแผ่นหินซึ่งเต็มไปด้วยหมอกขาวปกคลุมเหลือเพียงแค่ตงป๋อเสวี่ยอิง จอมเคารพมารอัคคี และประมุขเกาะฟู่ชุน

 

“หึ สามตระกูลใหญ่ช่างใจแคบเกินไปแล้ว! มิได้เต็มใจจะพาพวกเราเดินทางไปในวังเทพจิตโลกาเลย” จอมเคารพมารอัคคีเอ่ยด้วยเสียงเฮอะเยียบเย็น

 

“จอมเคารพมารอัคคี พวกเราไปด้วยกันได้หรือไม่” ประมุขเกาะฟู่ชุนอดที่จะเอ่ยโน้มน้าวมิได้ วังเทพจิตโลกามิใช่สถานที่ที่จะบุกเข้าไปได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น ยิ่งผู้ที่พลังยุทธ์แกร่งกล้าก็ยิ่งมีความหวังมากขึ้น

 

จอมเคารพมารอัคคีเหลือบมองเขาปราดหนึ่งแล้วส่งเสียงเฮอะ “พาเจ้าไปอย่างนั้นหรือ กลัวว่าเจ้าจะมาทำให้ข้าเสียเรื่องน่ะสิ”

 

พูดจบแล้วจอมเคารพมารอัคคีก็เลือกทางเส้นหนึ่งแล้วหายลับไป

 

ประมุขเกาะฟู่ชุนสีหน้าเข้มขึ้นเล็กน้อย เขาเหลือบมองตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ข้างๆ ปราดหนึ่งแล้วก็คร้านจะใส่ใจ  เขาก็เลือกทางเส้นหนึ่งแล้วหายลับไป

 

“วังเทพจิตโลกา”

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่บนถนนที่ปูลาดด้วยแผ่นหิน เขาได้รับข้อมูลจากประมุขรัฐเมฆทักษิณาผู้เป็นอาจารย์มาบ้าง ก็นับได้ว่าเข้าใจเรื่องราวอยู่พอสมควร

 

วังเทพจิตโลกากว้างใหญ่ไพศาล ภายในผันผวนยากคาดเดา แต่การเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า

 

โดยเฉพาะอย่างเช่นจักรพรรดิเซี่ยนั้นดูเหมือนว่าจะต้องเข้าไปทุกครั้ง! เชื่อว่าตลอดระยะเวลาอันยาวนานก็สามารถคลำกฎออกมาได้มากมาย แต่อย่างไรก็ตามประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ย่อมมิได้รับข่าวสารข้อมูลมากมายภายในวังเทพจิตโลกาอยู่แล้ว สำหรับจำนวนครั้งที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเข้ามาด้วยตนเองนั้นก็น้อยเสียจนน่าสงสาร

 

แน่นอนว่าข้อมูลที่สามตระกูลใหญ่รู้นั้นจะต้องมากมายมหาศาล พวกจักรพรรดิเซี่ยก็มีคำสั่งออกมาก่อนแล้วว่าห้ามมิให้สามตระกูลใหญ่พาเค่อชิงเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน

 

ให้เหล่าเค่อชิงเข้ามาก็นับว่าเป็นบุญคุณของสามตระกูลใหญ่แล้ว! จะพาพวกเขาไปยังสถานที่สำคัญเช่นวังเทพจิตโลกาได้อย่างไรกัน

 

“ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้วล่ะ”

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ

 

ภายในวังเทพจิตโลกาเต็มไปด้วยสำนักต่างๆ มากมาย ยิ่งเป็นสถานที่ที่มีสิ่งล้ำค่าอยู่ก็ยิ่งทวีความอันตราย! บุกเข้าไปแล้วได้สมบัติมา! อีกทั้งยังสามารถบุกไปยังสถานที่อื่นๆ ต่อไปได้อีกด้วย

 

แต่เมื่อใดที่มิได้บุกเข้าไปก็ยังดี มิได้มีอันตรายถึงชีวิต แต่ก็จะถูกเคลื่อนย้ายออกไปในทันที! ส่งออกไปจากวังเทพจิตโลกา การผจญภัยในวังเทพจิตโลกาคราวนี้ก็นับได้ว่าสิ้นสุดแล้ว!

 

ดังนั้นก็พูดได้ว่าวังเทพจิตโลกาเอง…ก็ไม่มีทางให้ผู้บำเพ็ญเป็นอันตรายจนถึงขั้นตายตกไป

 

แต่ในทางกลับกันคือบรรดาเทพจักรวาลคนอื่นๆ อาจจะเข่นฆ่ากันเองเพราะสมบัติล้ำค่าก็เป็นได้!

 

หากตายไปที่วังเทพจิตโลกา ก็ไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อยว่าตายด้วยฝีมือของเทพจักรวาลคนอื่นๆ

 

“เฮอะ”

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงมุ่งหน้าเข้าไปใกล้ มองดูทางแยกทั้งสามสายตรงหน้าแล้วก็เลือกเส้นทางทางด้านขวามุ่งหน้าต่อไปตามใจชอบ

 

……

 

“มิได้มีระดับจอมเคารพช่วยเหลือ ก็เข้ามาเผชิญอันตรายอย่างนั้นหรือ” จอมเคารพมารอัคคีเดินทางอย่างระมัดระวัง ภายในใจก็ตัดสินโทษประหารให้กับประมุขเกาะฟู่ชุนและจ้าวหิมะเหินแล้ว “คาดว่าพวกเขาสองคนคงจะถูกขับไล่ออกไปมือเปล่ากระมัง”

 

จอมเคารพมารอัคคีมีพลังยุทธ์กล้าแข็ง ก็ขึ้นชื่อด้านความอหังการในรัฐโบราณคิมหันตวายุ

 

แต่ในขณะนี้กลับระมัดระวังเป็นที่สุด

 

……

 

สมาชิกของสามตระกูลใหญ่ก็กำลังมุ่งหน้าเข้าไปอยู่เช่นเดียวกัน

 

มหาเคารพผู่ซู่ มหาเคารพลู่เทียน และจอมเคารพกระบี่ปีศาจ พวกเขาสามคนถ่ายเสียงสนทนาระหว่างกัน สำหรับระดับเทพจักรวาลคนอื่นๆ อีกสามคน สามารถมุ่งหน้าไปยังอาณาบริเวณต่างๆ ได้ภายใต้ความคุ้มครองของมหาเคารพสามคน

 

“น่าจะเป็นด้านซ้าย” พวกมหาเคารพผู่ซู่ทั้งหกคนติดอยู่ภายในเขาวงกตขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง

 

“อืม ไปกัน”

 

พวกเขามีข้อมูลของอาณาบริเวณมากมายเกี่ยวกับวังเทพจิตโลกาที่สืบทอดมาจากจักรพรรดิเซี่ย จักรพรรดิชาง และบรรพชนฝาน นี่ทำให้พวกเขาเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบากต่างๆ ได้อย่างสบายมากขึ้น อีกทั้งมหาเคารพสามคนร่วมกันช่วยเหลือ อย่างเช่น ‘มหาเคารพลู่เทียน’ ถึงแม้จะไม่กล้าพูดว่าบุคคลผู้ไร้เทียมทานก็ฆ่าไม่ตาย แต่พลังการต่อสู้กลับน่าหวาดหวั่นอย่างที่สุด ใกล้เคียงกับมหาเคารพฝูอี่เลยทีเดียว

 

ส่วนสิ่งที่มหาเคารพผู่ซู่บำเพ็ญก็คือ ‘วิถีกาลเวลา’ ฝีมือก็น่าอัศจรรย์ยากประมาณได้

 

จอมเคารพกระบี่ปีศาจก็เป็นมหาเคารพที่เยาว์วัยที่สุดในสกุลชาง มีพรสวรรค์ร้ายกาจ

 

พวกเขาสามคนร่วมมือกัน ทั้งยังมีข้อมูลข่าวสารจำนวนมากจากพวกจักรพรรดิเซี่ย แม้กระทั่งช่วงเวลาวิกฤติ พวกเขาก็สามารถขอความช่วยเหลือได้!

 

“ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเหตุใดตอนนั้นอิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้นจึงไม่คารวะบรรพชนฝานเป็นอาจารย์ แต่กลับไปคารวะประมุขรัฐเมฆทักษิณาผู้นั้นเป็นอาจารย์เสียได้ หึๆ ตอนนี้เขาจะต้องนึกเสียใจอย่างแน่นอน”

 

“ใช่แล้ว ต่อให้ฝืนเข้าไปยังวังเทพจิตโลกาได้ก็ต้องมืดแปดด้านอยู่ดี เกรงว่าคงจะค้างเติ่งอยู่ที่สถานที่อันตรายสักแห่งสองแห่ง ทนได้ไม่นานเท่าไหร่ก็ต้องถูกขับไล่ออกไปแล้วกระมัง”

 

ระดับเทพจักรวาลสามคนนั้นกลับไปด้วยกันอย่างสบายๆ

 

ภายใต้ความคุ้มครองก็ช่างผ่อนคลายเหลือเกิน

 

……

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มืดแปดด้านจริงๆ เช่นเดียวกับที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้ ท่ามกลางความระมัดระวังรอบด้าน แต่ก็ยังคงตกอยู่ในอันตรายอยู่ดี

 

…………………………………………..