“เร็ว..เร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ! เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”
โจวเหวินอี้ดูเหมือนจะหูอื้อตาลายไปหมดจนไม่ได้ยินคำพูดของหลิงหยุนเมื่อครู่ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่แหวนพื้นที่ทั้งสองวงอย่างไม่ละสายตา
ในความคิดของเขาต่อให้หลิงหยุนใช้เวลาในการทำแหวนพื้นที่เสร็จภายในครึ่งชั่วโมง หรือจะทำแหวนเสียอีกกี่สิบวงก็ไม่สำคัญ เพราะเวลานี้เขาได้ทำให้แหวนธรรมดาๆสองวง กลับกลายเป็นแหวนพื้นที่ที่ล้ำค่าอย่างหาใดเปรียบไม่ได้!
จากแหวนแพลตตินั่มธรรมดาๆตามท้องตลาดสองวงซึ่งราคาไม่เกินห้าหมื่นหยวนแต่เวลานี้หลิงหยุนกลับทำให้มันกลายเป็นแหวนพื้นที่ซึ่งมีมูลค่าสูงถึงหกล้านแต้มในหน่วยนภา!
โม่วู๋เตาที่นั่งเอนกายพิงโซฟาอย่างสบายอกสบายใจอดที่จะหมั่นไส้ท่าทางเสแสร้าของหลิงหยุนไม่ได้
“หลิงหยุนเจ้า.. เจ้าช่างน่าทึ่งมากจริงๆ!”
หลังจากที่หายตกใจโจวเหวินอี้ก็หันมามองหลิงหยุนด้วยสายตาชื่นชม เขามองหลิงหยุนไม่ต่างเทพเจ้าแห่งโชคลาภ!
โจวเหวินอี้ได้แต่คิดในใจว่าด้วยความสามารถของหลิงหยุน หากเขาต้องการได้ตำแหน่งหัวหน้าผู้เฒ่าหน่วยนภาก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพราะเขาช้เวลาไม่ถึงครึ่งวัน ก็สามารถสร้างแหวนพื้นที่จำนวนสามสิบวงซึ่งมีมูลค่าเกือบหนึ่งร้อยล้านคะแนนได้แล้ว
“หลิงหยุนพวกเรามาเจรจากัน หากเจ้ายอมสร้างแหวนพื้นที่ที่มีขนาดกว้างใหญ่เท่าของเจ้าให้กับข้า ข้าจะยอมยกตำแหน่งหัวหน้าผู้เฒ่าหน่วยนภาให้.. เจ้าคิดเห็นเช่นใด”
“เหล่าโจว..ท่านอย่าได้ฝันไปเลย!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆเพราะรู้ดีว่าโจวเหวินอี้นั้นตั้งใจหยอกเย้า และทดสอบตนเท่านั้น..
“เหล่าโจวท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าพวกเราจะได้รับของตอบแทนในฐานะผู้เฒ่าหน่วยนภาเมื่อใด”
แน่นอนว่าการที่หลิงหยุนเข้าร่วมหน่วยนภาและพยายามแย่งชิงตำแหน่งผู้เฒ่าหน่วยนภามานั้น เหตุผลหนึ่งก็เพื่อให้ได้ทรัพยากรสำหรับฝึกฝนนั่นเอง..
โจวเหวินอี้ตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ทางหน่วยจะทำการแจกจ่ายให้ปีละสี่ครั้งภายในสิบห้าวัน ครั้งต่อไปก็อีกสองอาทิตย์นับจากนี้ซึ่งจะตรงกับวันที่ 1 ตุลาคมพอดี ”
“หากช่วงเวลานั้นข้าไม่ได้อยู่ปักกิ่งเล่าข้าต้องทำเช่นใด!”
หลิงหยุนเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยเพราะเขาคงไม่สามารถกลับมาทันเวลาได้แน่
โจวเหวินอี้ตอบกลับยิ้มๆ“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลใจ ทางหน่วยจะเก็บรวมรวมไว้ให้จนกว่าสมาชิกผู้นั้นจะมารับได้!”
“ปกติแล้วสมาชิกของหน่วยนภาหลายคนก็มักจะเก็บตัวฝึกฝนวิชาแม้กระทั่งทางหน่วยเองก็ไม่สามารถติดต่อได้ กรณีเช่นนี้ทางหน่วยก็มีมาตรการรับมือ เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป ไม่ว่าอย่างไรต้องได้รับของครบตามจำนวนอย่างแน่นอน!”
หลิงหยุนพยักหน้าอย่างพอใจพร้อมกับบอกโจวเหวินอี้ไปว่า“หากเป็นเช่นนั้นข้าก็ค่อยวางใจหน่อย หากติดต่อข้าไม่ได้ ท่านก็เก็บรวบรวมไว้ เมื่อใดที่กลับมาข้าจะมารับเอง..”
“แล้วส่วนของเฉียวเปียวกับหลี่เจิ้งเฟิงเล่า”
“ส่วนของเฉียวเปียวกับหลี่เจิ้งเฟิงในตำแหน่งผู้เฒ่าหน่วยนภาก็จะไม่ได้แล้วเพราะจะตกเป็นของเจ้าแทน”
แววตาของหลิงหยุนเป็นประกายในขณะที่พูดว่า“หลังจากนี่เฉียวเปียวกับหลี่จิ้งเฟิงต้องกลับมาเป็นสมาชิกธรรมดาของหน่วยนภาสินะ!”
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
จู่ๆโจวเหวินอี้ก็หัวเราะออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ข้าคิดอยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องถามถึงเรื่องนี้ แต่เอาเถอะ.. หน่วยนภาจะมอบทรัพยากรของสองคนนั้นในตำแหน่งผู้เฒ่าหน่วยนภาให้กับเจ้าก็แล้วกัน”
“เหล่าโจวยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่ หากไม่มีพวกเราต้องขอตัวกลับก่อนแล้ว!” หลิงหยุนร้องถามขึ้นเมื่อเห็นว่าหมดธุระจำเป็นแล้ว
“ยังมีเรื่องสำคัญอีกหนึ่งเรื่อง!”
โจวเหวินอี้เห็นหลิงหยุนทำท่าจะกลับจึงรีบร้องตอบกลับไปทันที“อีกสองสามวันเจ้าจะออกเดินทางไปร่วมงานชุมนุมชาวยุทธใช่หรือไม่”
หลิงหยุนพยักหน้า“สายข่าวของท่านรวดเร็วดีนี่!”
“หลิงหยุน..หากไม่จำเป็นจริงๆ เจ้าอย่าได้สังหารชาวยุทธจะได้หรือไม่ แต่หากจำเป็น ก็ขอให้ฆ่าผู้คนให้น้อยที่สุด ถือว่าตาแก่เช่นข้าข้อร้องก็แล้วกัน!”
ทั้งน้ำเสียงสีหน้า และแววตาของโจวเหวินอี้นั้นล้วนเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ เขารู้ดีว่าด้วยความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้ สามารถสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับยุทธภพได้อย่างไม่ยาก และหากหลิงหยุนลงมือจริง ทั่วทุกแห่งหนคงต้องนองไปด้วยเลือด ร่างไร้วิญญาณคงต้องนอนเกลื่อนกลาด เมื่อถึงตอนนั้นโจวเหวินอี้เองก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้เช่นกัน
“ก็ต้องดูก่อนว่าคนพวกนั้นทำตัวเช่นใด”
หลิงหยุนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาคิ้วรูปดาบเลิกสูงขึ้นพร้อมกล่าวต่อว่า “ข้าพอรู้ว่าชาวยุทธคนใดบ้างที่เป็นศัตรูกับตระกูลหลิงมาโดยตลอด หากให้ข้าพบเห็น ต้องสังหารพวกมันทิ้งแน่!”
โจวเหวินอี้ถึงกับแอบถอนหายใจแต่ก็ตอบกลับไปว่า “อ่อ.. เรื่องทำนองนี้ก็มักเกิดขึ้นเป็นปกติ!”
“เอาล่ะไหนๆพวกเจ้าก็มาศูนย์บัญชาการหน่วยนภาเป็นครั้งแรก ให้ข้าเลี้ยงอาหารพวกเจ้าสามคนสักมื้อแล้วค่อยกลับ พ่อหนุ่ม.. เจ้าคงไม่ปฏิเสธข้าหรอกนะ!”
ทั้งสี่คนนั่งดื่มกินกันจนกระทั่งถึงเวลาบ่ายโมงครึ่งหลิงหยุนจึงได้ขอตัวกลับอีกครั้ง..
“เหล่าโจวข้ามีของขวัญวันไหว้พระจันทร์มามอบให้กับท่านด้วย!” พูดจบหลิงหยุนก็โยนโอสถเยาว์วัยให้กับโจวเหวินอี้หนึ่งเม็ด
ทันทีที่โจวเหวินอี้รับไว้ในมือเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตเข้มข้นและกลิ่นหอมของสมุนไพร จึงรู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช่โอสถธรรมดาทั่วไป
“นี่คือโอสถอันใดงั้นรึ!”
“ท่านต้องลองดูด้วยตัวเองถึงจะรู้!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็หันไปยิ้มให้ตี้เสี่ยวอู๋กับโม่วู๋เตา แล้วทั้งสามคนก็เดินจากไปทันที “เฮ้อ..เพียงแค่วันรายงานตัวเข้าร่วมหน่วยนภา เด็กหนุ่มผู้นี้ก็สามารถยึดตำแหน่งผู้เฒ่าหน่วยนภาของตระกูลหลงกับตระกูลเย่ไปได้ หากหลงฮ่าวหลานกับเย่ชิงเฟิงรู้เข้า จะมีท่าทีเช่นใดกันแน่”
โจวเหวินอี้ได้แต่รำพึงรำพันออกไปเมื่อทั้งสามคนจากไปแล้ว..
“ดูท่าครั้งนี้ข้าคงเลือกถูกข้างแล้วจริงๆ!”
จากนั้นโจวเหวินอี้ก็จ้องมองโอสถในมือที่กำลังเปล่งประกายสีม่วงใสแล้วกลืนเข้าไปทันที
เพียงแค่หนึ่งนาทีผ่านไปโจวเหวินอี้พลันกลับกลายเป็นชายหนุ่ม เขาตกใจจนต้องร้องตะโกนเรียกหลิงหยุนพร้อมกับวิ่งตามออกไป
“หลิงหยุนเจ้ากลับมาก่อน!”
แต่หลิงหยุนได้กลับออกไปไกลแล้วโจวเหวินอี้จึงได้แต่ยืนตกใจเช่นนั้นอยู่นาน ตั้งแต่เขาได้พบเจอกับหลิงหยุน เด็กหนุ่มผู้นี้ก็มักนำความประหลาดใจมาให้อยู่เสมอ โจวเหวินอี้เดินกลับไปที่ห้องรับแขกเขานั่งลงบนโซฟาอีกครั้งพร้อมกับครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ประกาศกับตัวเองว่า
“นับจากนี้ไปข้าโจวเหวินอี้จะก้มหัวให้เฉพาะตระกูลหลิงและหลิงหยุนเท่านั้น!”
…..
หลังจากที่หลิงหยุนกลับออกมาเขาก็พอจะเดาได้ว่าโจวเหวินอี้จะทำหน้าเช่นใดหลังจากที่กลืนโอสถเยาว์วัยแล้ว หลิงหยุนรู้ดีว่าของกำนัลชิ้นนี้จะนำประโยชน์มาให้ตระกูลหลิงอีกมากมายมหาศาล..
“หลิงหยุน..เจ้ามอบโอสถเยาว์วัยล้ำค่าเช่นนั้นให้กับอาวุโสโจว ไม่รู้สึกเสียดายบ้างหรือยังไง” โม่วู๋เตาบ่นพึมพำเพราะนึกเสียดายแทน
“ก็แค่โอสถพลังชีวิตชั้นสูงเม็ดหนึ่งเท่านั้น”
หลิงหยุนเหลือบมองโม่วู๋เตาพร้อมตอบกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย“เจ้าจะกังวลใจไปทำไม น้ำผึ้งหยกขาวที่เหลืออยู่ตอนนี้ ข้าสามารถนำมากลั่นเป็นโอสถพลังชีวิตชั้นสูงได้อีกเกือบสองพันเม็ดทีเดียว”
วันนี้นับเป็นวันที่หกหลังจากที่หลิงหยุนได้กลืนเปลวไฟห้าธาตุเข้าไปหลังจากได้รับการบ่มเพาะด้วยพลังหยินและหยาง เปลวไฟห้าธาตุก็เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงขึ้นบ้าง อีกไม่นานคงจะหลอมรวมเป็นเปลวไฟห้าธาตุหยินหยางเป็นแน่
และด้วยเปลวไฟห้าธาตุหยินหยางนี้หลิงหยุนจะสามารถกลั่นโอสถเยาว์วัยที่มีประสิทธิภาพสูงกว่านี้ได้ หรือกลั่นโอสถชนิดอื่นๆได้ด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นโอสถหรือวัตถุวิเศษใดๆ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่มีระดับขั้นของมัน ตั้งแต่ระดับทั่วไป ระดับวิญญาณ ระดับสมบัติ ระดับเต๋า ระดับเหนือฟ้า และระดับบรรพกาล
“ไม่ว่าจะเป็นของล้ำค่ามากเพียงใดจะมีประโยชน์ก็เมื่อถูกใช้ไป ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นของไม่มีค่าอันใด!” หลิงหยุนย้ำกับโม่วู๋เตา
ราวบ่ายสองโมงตรงทั้งสามคนก็กลับถึงบ้านตระกูลหลิง..
“พี่ใหญ่ท่านกลับมาแล้วเหรอ ท่านปู่กำลังรอพี่อยู่ในสวนด้านหลัง พี่รายงานตัวเข้าร่วมหน่วยนภามีปัญหาอะไรหรือไม่”
เมื่อหลิงหยุนก้าวเท้าลงจากรถเสียงร้องตะโกนของหลิงซวี่ก็ดังขึ้นทันที
“ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่นเวลานี้ทั้งพี่ใหญ่ของเจ้า พี่เสี่ยวอู๋ แล้วก็พี่วู๋เตา พวกเราทั้งสามคนได้เป็นถึงผู้เฒ่าของหน่วยนภาแล้ว!”
หลิงหยุนเดินเข้าไปโอบไหล่หลิงซวี่พร้อมกับร้องบอกทันที..
“ห๊ะ!ไม่อยากจะเชื่อเลย!”
หลิงซวี่จ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาตกตะลึงและแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง และได้แต่คิดในใจว่าหลิงหยุนเก่งกล้าจนสามารถขึ้นเป็นผู้เฒ่าหน่วยนภาได้ตั้งแต่วันแรกเลยหรือนี่!
“เอาล่ะจากนี้ไปเจ้าก็ลาออกจากหน่วยเทพอินทรีย์ได้เลย แล้วกลับมาฝึกฝนที่บ้าน ต่อไปตระกูลหลิงของเราจะไม่ขาดแคลนทรัพยากรในการฝึกอีกแล้ว เจ้าจะสามารถก้าวหน้าได้เร็วกว่าก่อนนับสิบเท่า!”
“ได้!ข้าจะเชื่อฟังพี่ใหญ่”
สองพี่น้องเดินเคียงกันเข้าไปหาหลิงลี่ที่บ้านซึ่งเวลานี้ทั้งหลิงลี่หลิงเสี่ยว และหลิงเย่วต่างก็อยู่ที่นั่นด้วย ทุกคนมานั่งรอฟังข่าวการไปรายงานตัวเข้าหน่วยนภาของหลิงหยุน
“เจ้าเด็กร้ายกาจข้าเพิ่งจะได้ยินว่าพวกเจ้าทั้งสามคนได้ตำแหน่งผู้เฒ่าหน่วยนภาด้วยงั้นรึ นี่เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่?”
ทันทีที่เห็นหลิงหยุนเดินเข้ามาหลิงลี่จึงรีบเอ่ยถามออกมาด้วยความตื่นเต้น
หลังจากที่นั่งลงและทักทายทุกคนแล้วหลิงหยุนจึงตอบหลิงลี่กลับไปว่า “แหวนพื้นที่สองวงแลกตำแหน่งผู้เฒ่าหน่วยนภาสามที่ คุ้มมากใช่หรือไม่ท่านปู่!”
“หลิงหยุนหากเรื่องแหวนพื้นที่แพร่งพรายออกไป จะไม่ยิ่งทำให้ผู้อื่นอยากได้บ้างหรอกรึ” หลิงเสี่ยวเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นแน่ท่านพ่อ!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับอธิบายต่อว่า“แต่ข้ามั่นใจว่าโจวเหวินอี้จะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ อีกอย่างเรื่องที่ข้ามีแหวนพื้นที่นั้นแม้แต่คนของดินแดนทะเลตะวันออกยังล่วงรู้ มันไม่ใช่ความลับอันใดอีกต่อไปแล้ว หากผู้ใดกล้ามาแย่งชิงของของข้า มันผู้นั้นเท่ากับเอาชีวิตมาทิ้ง..”
หลังจากนั่งคุยกันอยู่ครู่หนึ่งหลิงหยุนก็หยิบขวดหยกเล็กๆออกมาสองขวดส่งให้หลิงลี่ “ท่านปู่ ในสองขวดนี้มีโอสถเยาว์วัยและโอสถโฉมสะคราญอยู่อย่างละสิบเม็ด ท่านปู่กลืนโอสถเยาว์วัยก่อน แล้วจึงตามด้วยโอสถโฉมสะคราญ หลังจากนั้นท่านปู่จะกลายเป็นหนุ่มเชียวล่ะ..” “ท่านปู่เก็บโอสถทั้งสองนี้ไว้สำหรับคนตระกูลหลิงหากเห็นว่าผู้ใดเหมาะสมที่จะต้องใช้ ท่านปู่ก็ตัดสินใจเองได้เลย..”
หลิงหยุนร้องบอกพร้อมชายตามองไปทางหลิงเสี่ยวผู้เป็นพ่อเขาเกรงว่าหากเป็นผู้มอบโอสถทั้งสองชนิดนี้ให้กับหลิงเสี่ยวด้วยตัวเอง หลิงเสี่ยวจะต้องปฏิเสธเป็นแน่ จึงได้มอบให้หลิงลี่ทำหน้าที่แทน
หลิงลี่เทโอสถออกมาจากขวดพร้อมกับหันไปทางหลิงเสี่ยว“ลูกสาม เจ้ากินโอสถเยาว์วัยนี้ก่อน หาไม่แล้วข้าเองก็จะไม่กินเช่นกัน!” novel-lucky
หลิงเสี่ยวแอบมองหลิงหยุนแล้วจึงหันไปตอบหลิงลี่ว่า “เอ่อ.. ท่านพ่อ รอให้หลิงหยุนเดินทางออกจากปักกิ่งเสียก่อนข้าจึงจะกินโอสถนี่!”
หลังจากนั้นทั้งหมดก็นั่งพูดคุยกันเรื่องการเดินทางของหลิงหยุนต่อ..
“หลิงหยุนหากเจ้าจะเดินทางไปเขาหลงหู่ ควรไปที่เมืองหนานชางก่อน แล้วจึงค่อยต่อไปที่เมืองอิงถาน ที่นั่นอยู่ไม่ห่างจากเขาหลงหู่มากนัก” หลิงเย่วให้คำแนะนำ
หลิงลี่จึงเสนอให้ใช้เครื่องบินส่วนตัวของเขาบินไปส่งที่เมืองหนานชางและเสนอตัวไปกับหลิงหยุนด้วย แต่หลิงหยุนตอบกลับไปว่า
“ไม่ต้องรบกวนท่านปู่ข้ามีคนที่จะไปด้วยอยู่แล้ว!”
“มีเสี่ยวอู๋โม่วู๋เตา ท่านน้าจินเหยียว เสี่ยวเม่ยเม่ย น้าหญิง ซิงเฉิน แล้วก็แวมไพร์ทั้งห้าของข้า!”
แต่หลิงหยุนไม่ได้เปิดเผยชื่ออีกสองคนที่จะร่วมเดินทางไปกับเขาด้วยซึ่งก็คือไป๋เซียนเอ๋อและหวังชงเซียว!
เพราะเพียงแค่มีเย่ซิงเฉินจินเหยียว และตัวเขาเองพร้อมด้วยแวมไพร์ทั้งห้า ต่อให้อีกฝ่ายจะมีจำนวนคนมากเพียงใดก็คงไร้ประโยชน์
“ท่านปู่ท่านพ่อ ท่านลุง ครั้งนี้ข้าคงจะไปนานราวครึ่งถึงหนึ่งเดือน พวกท่านอย่าได้เป็นห่วง!” หลิงหยุนเอ่ยขึ้น
“อืมมส่วนเรื่องภายในตระกูลหลิงเจ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงเช่นกัน ข้าจะช่วยดูแลให้เอง!” หลิงลี่ตอบหลิงหยุนกลับไป
….
ในช่วงบ่ายหลิงหยุนได้พาเกาเฉินเฉินกลับไปตระกูลเกาเพื่อมอบโอสถเยาว์วัย และโอสถโฉมสะคราญให้กับเกาจิ้นสงและเกาซิงฉาง พร้อมรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน
ในระหว่างที่จะถึงวันออกเดินทางนั้นหลิงหยุนก็ได้ตระเวนไปเยี่ยมเยียนอีกหลายๆคน และได้มอบโอสถทั้งสองชนิดให้เป็นของกำนัล
จนกระทั่งในในช่วงบ่ายของวันที่18 กันยายน หลิงหยุนก็ได้นำนักบวชเลี่ยยื่อและมือกระบี่ตี๋ยั่วถังขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของหลิงลี่ไปที่เมืองหนานชางพร้อมกัน และไปถึงเมืองหนานชางราวบ่ายสี่โมงครึ่ง
และในเวลาห้าโมงครึ่งของเย็นวันเดียวกันหลิงหยุนกับทุกคนก็ได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองนั้น