“ซิงเฉินเจ้าเลือกที่พักได้ยอดเยี่ยมนักที่นี่ทิวทัศน์งดงามยิ่ง!”
  หลิงหยุนยืนชื่นชมทัศนียภาพที่งดงามจากหน้าต่างห้องนอนภายในโรงแรมอย่างมีความสุขและอดที่จะเอ่ยชมเย่ซิงเฉินออกมาไม่ได้
  หลังจากที่หลิงหยุนได้บอกหมายกำหนดการเดินทางให้กับเย่ซิงเฉินรู้นางก็ได้ทำการจองโรงแรมห้าดาวหรูหราแห่งนี้ในทันที โรงแรมนี้ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบชิงซาน บรรยากาศของโรงแรมที่รายล้อมด้วยทะเลสาบจึงงดงามยิ่งนัก
  หนานชางเป็นเมืองที่มีแม่น้ำดังสามสายไหลมารวมกันจนเกิดเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศจีนชื่อว่าทะเลสาบผอหยาง
  เครื่องบินส่วนตัวของหลิงหยุนก็ได้บินผ่านทะเลสาบผอหยางแห่งนี้ด้วยและหลิงหยุนก็ได้ชื่นชมทิวทัศน์ที่งดงามของทะเลสาบแห่งนี้ตั้งแต่อยู่บนเครื่องแล้ว
  เขาหลงหู่ตั้งอยู่ในเขตเมืองอิงถานและอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหนานชาง หากขับรถไปก็ใช้เวลาราวสองชั่วโมง
  เย่ซิงเฉินได้ทำการจองโรงแรมแห่งนี้ไว้ให้หลิงหยุนกับทุกคนทั้งชั้นซึ่งมีห้องสูทอยู่ทั้งหมดสิบแปดห้อง เย่ซิงเฉินต้องใช้เงินในการจองโรงแรมครั้งนี้มากกว่าหกหมื่นหยวน แต่นั่นไม่ได้มีปัญหาอะไรสำหรับนางเลยแม้แต่น้อย
  “เจ้าอยู่ปักกิ่งก็มีแต่ภารกิจรัดตัวอีกทั้งยังสังหารศัตรูไม่เว้นวัน อย่างน้อยสองวันที่พักอยู่ที่นี่เจ้าก็จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่บ้าง!”
  เย่ซิงเฉินซึ่งยืนอยู่ข้างหลิงหยุนเอ่ยตอบจนกระทั่งถึงตอนนี้นางก็ยังคงไม่กลับไปที่ห้องพักของตน
  “อืมม”   หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆ“น่าเสียดายที่มีเวลาพักผ่อนเพียงแค่สองวัน หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าต้องฆ่าคนตายอีกเท่าไหร่”
  “ผิดแล้ว..เรื่องนี้เป็นเรื่องของข้าไม่เกี่ยวกับเจ้า!” เย่ซิงเฉินยิ้มเย็นชาพร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย..
  หลิงหยุนยิ้มหยันพร้อมตอบกลับไปว่า“เมื่อสี่เดือนก่อนหน้านี้ เจ้าออกล้างแค้นให้กับท่านพ่อและท่านแม่ของข้า ภายในเวลาแค่เดือนเดียวก็สามารถกำจัดสำนักต่างๆ และตระกูลน้อยใหญ่ได้เป็นสิบ นั่นย่อมเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างออกไปแล้ว..”
  ธิดาพรรคมารกำลังกลับมาล้างแค้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสิบแปดปีก่อน!
  “ส่วนข้าก็แซ่หลิงมีหรือที่จะยอมมองคนที่บีบคั้นพ่อแม่ตัวเองเฉยๆได้!”
  “อีกอย่างข้าเองก็มีกระบี่โลหิตแดนใต้อยู่ในมือ ผู้ใดครอบครองกระบี่โลหิตแดนใต้ ผู้นั้นคือเทพแห่งมาร! เช่นนี้แล้วงานชุมนุมพรรคมารในครั้งนี้ใช่ว่าจะเกี่ยวข้องกับเจ้าผู้เดียว แต่ยังเกี่ยวพันถึงข้าด้วย..”
  “ตลอดระยะเวลามากกว่าหนึ่งเดือนที่ข้าอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลหลิงชาวยุทธภพเองต่างก็ล่วงรู้กันหมดแล้วว่าข้าคือทายาทตระกูลหลิง ชาวยุทธเองย่อมต้องตระหนักว่าข้ามาที่นี่เพื่อล้างแค้นให้กับพ่อแม่เช่นกัน”
  “ชาวยุทธที่มักอ้างตัวอยู่ฝ่ายธรรมะที่จริงล้วนเต็มไปด้วยกิเลสและกลัวตาย พวกมันต่างก็รู้ว่าข้าแข็งแกร่งมากขึ้นทุกวัน มีหรือที่จะไม่หารือกันเพื่อที่จะร่วมมือกันสังหารข้าก่อนที่ข้าจะแข็งแกร่งไปมากกว่านี้”
  หลิงหยุนบอกจุดประสงค์ในการมางานชุมนุมชาวยุทธครั้งนี้ให้กับเย่ซิงเฉินรู้จากนั้นจึงหันไปย้ำกับนางอีกครั้งว่า
  “ฉะนั้นแล้ว..งานชุมนุมชาวยุทธครั้งนี้มีขึ้นเพื่อให้พวกเราสองคนทำการล้างแค้นต่างหากเล่า!”
  ไม่เช่นนั้น..ครั้งนี้หลิงหยุนคงไม่พาตี้เสี่ยวอู๋ โม่วู๋เตา รวมทั้งฉินตงเฉี่วย เย่ซิงเฉิน จินเหยียว เสี่ยวเม่ยเม่ย และแวมไพร์ทั้งห้ามาด้วยเป็นแน่ ยังมีหวังชงเซียว เหมี่ยวเสี่ยวเหมาและไป๋เซียนเอ๋อที่เพิ่งมาถึงโรงแรมเช่นกัน
  รวมแล้วฝ่ายหลิงหยุนมีทั้งหมดสิบห้าคนพรรคมารสามคนคือเย่ซิงเฉิน จินเหยียว และเสี่ยวเม่ยเม่ย แวมไพร์ห้าตน ปีศาจจิ้งจอกหนึ่งตน และมนุษย์อีกห้าคน
  ครั้งนี้หลิงหยุนและพรรคมารมาเพื่อตบหน้าเหล่าชาวยุทธภพ!
  พวกเจ้าจัดงานชุมนุมชาวยุทธขึ้นเพื่อหาทางปราบพรรคมารข้าก็จะพาคนของข้าถล่มพวกเจ้าให้ราบเป็นหน้ากอง!
  “ได้!คืนนั้นพวกเราจะร่วมมือกันสังหารพวกมันทุกคน เพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับท่านอาจารย์กับท่านลุงหลิง!”
  เย่ซิงเฉินหัวเราะเสียงดังแววตาของนางเป็นประกายสังหารขึ้นมาทันที ตลอดระยะเวลาสิบแปดปีที่นางอยู่กับหยินชิงเฉวียนมา นางต้องพบเห็นความเจ็บปวดใจแสนสาหัสของอาจารย์ตลอดทั้งวันทั้งคืน จึงได้แต่เก็บความคับแค้นใจนี้เอาไว้  ก่อนหน้านี้เย่ซิงเฉินยังคิดว่านางจะต้องจัดการล้างแค้นคนเหล่านี้ด้วยตัวคนเดียวแต่ตอนนี้กลับมีหลิงหยุนต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับตนไปด้วย!
  ระหว่างนั้นเครื่องมือสื่อสารในมือของหลิงหยุนก็ดังขึ้นปรากกฏว่าเป็นเหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่โทรเข้ามา
  “เจ้าเข้ามารอที่ล็อบบี้โรงแรมเดี๋ยวข้าจะลงไปรับ!”
  ตั้งแต่เดินทางออกจากจิงฉูมานานนับเดือนหลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าทั้งเหมี่ยวเสี่ยวเหมากับไป๋เซียนเอ๋อนั้นก้าวหน้าไปมากเพียงใดแล้ว เขาจึงกระหายใคร่รู้ยิ่งนัก
  หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ของตนออกสำรวจดูและรถหรูคันหนึ่งก็กำลังแล่นเข้ามาในโรงแรมอย่างช้าๆ ภายในรถมีหญิงสาวสองคนนั่งอยู่ ซึ่งก็คือเหมี่ยวเสี่ยวเหมากับไป๋เซียนเอ๋อนั่นเอง
  “หึ!”   เย่ซิงเฉินเองก็เปิดจิตหยั่งรู้ออกดูเช่นกันเมื่อพบว่าภายในรถมีหญิงสาวหน้าตางดงามอยู่ถึงสองคน น้ำเสียงและสายตาของนางก็เปลี่ยนเป็นขุ่นมัวทันที
  “อะแฮ่ม..เจ้าเองก็อย่าคิดมากจนเกินไป! ข้าจะลงไปรับพวกนางก่อน..”
  หลิงหยุนรู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อธิบายได้ลำบากเขาจึงรีบหาข้ออ้างหนีออกจากห้องให้เร็วที่สุด
  “เจ้าเด็กดื้อคอยข้าด้วย!”
  ฉินตงเฉี่วยที่ออกมาจากห้องพักของตนก็รีบร้องตะโกนเรียกหลิงหยุน และวิ่งตามออกไปเช่นกัน เพราะเมื่อครั้งที่อยู่จิงฉูนั้นฉินตงเฉี่วยเองก็ค่อนข้างสนิทสนมกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมา และไป๋เซียนเอ๋อไม่น้อย เมื่อทั้งคู่มาถึงนางจึงต้องการลงไปต้อนรับ
  “โอ้เสี่ยวเหมาไม่เลวทีเดียว! ขั้นเซียงเทียน-3 แล้วรึ!”
  หลิงหยุนลงไปถึงล็อบบี้จึงรีบร้องทักทายเหมี่ยวเสี่ยวเหมาทันทีส่วนไป๋เซียนเอ๋อก็รีบร้องตะโกนทักทายหลิงหยุน และโผเข้าหาอ้อมกอดของเขาทันที
  “พี่หลิงหยุน!”
  “เซียนเอ๋อ..เจ้ากอดข้าแน่นจนหายใจไม่ออกแล้ว!”
  หลิงหยุนรีบร้องบอกไป๋เซียนเอ๋อพร้อมกับแกะไม้แกะมือของนางออกเพราะหวาดกลัวสายตาของเย่ซิงเฉินที่จ้องมองอยู่..
  “เซียนเอ๋อคิดถึงพี่หลิงหยุน!”
  แต่มีหรือที่ไป๋เซียนเอ๋อจะยินยอมถอนตัวออกจากอ้อมกอดของหลิงหยุนนางกอดคอหลิงหยุนไว้แน่นพร้อมกับกระซิบเสียงเบา
  “พี่หลิงหยุนหางที่สี่ของข้างอกแล้ว!”
  “จริงรึ!”
  หลิงหยุนนิ่งไปครู่หนึ่งด้วยความตกใจแล้วจึงหันไปถามว่า “แล้วเจ้าเหาะได้หรือยัง!”
  ไป๋เซียนเอ๋อหรี่ดวงตามีเสน่ห์แบบนางจิ้งจอกจ้องมองหน้าหลิงหยุนแล้วจึงพยักหน้าหงึกๆ
  “โอ้เซียนเอ๋อ!เก่งมาก เซียนเอ๋อของข้าเก่งมากจริงๆ!” หลิงหยุนร้องอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่รู้ดีอยู่แล้วว่าหากไป๋เซียนเอ๋อได้พบหลิงหยุนนางต้องมีอาการเช่นนี้ จึงไม่ได้ใส่ใจและเดินตรงเข้าไปทักทายฉินตงเฉวี่ยทันที
  ส่วนหลิงหยุนเมื่อได้จังหวะก็รีบผลักร่างของไป๋เซียนเอ๋อออกทันทีและบอกนางให้ไปทักทายฉินตงเฉี่วยเช่นกัน
  “เซียนเอ๋อนับวันเจ้าก็ยิ่งงดงามมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ!”
  เมื่อได้ยินฉินตงเฉี่วยเอ่ยชมไป๋เซียนเอ๋อก็ถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย ในขณะที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็หันไปหยอกเย้าหลิงหยุน
  “หลิงหยุนข้าพาไป๋เซียนเอ๋อมาส่งแล้ว รางวัลของข้าล่ะ”   ความจริงแล้วหลิงหยุนไม่ได้ตั้งใจจะให้เหมี่ยวเสี่ยวเหมามาช่วยงานตนเขาเพียงแค่ขอให้นางช่วยขับรถพาไป๋เซียนเอ๋อมาเท่านั้น
  “แม่นางคนสวยเจ้าไม่ต้องกังวลใจไป เจ้าต้องพอใจรางวัลของข้าแน่! แล้วเจ้าทองอ้วนเล่า”
  “มันน่าจะบินเล่นอยู่แถวนี้ล่ะ”เหมี่ยวเสี่ยวเหมาตอบกลับไปยิ้มๆ
  “ที่นี่ไม่เหมาะจะพูดคุยพวกเราขึ้นไปคุยกันต่อข้างบนดีกว่า ข้าเตรียมห้องพักไว้ให้พวกเจ้าแล้ว”
  หลิงหยุนร้องบอกพร้อมกับเดินนำทุกคนขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น13 ทันที!
  หลังจากที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมากับไป๋เซียนเอ๋อมาถึงแล้วนอกเหนือจากแวมไพร์ทั้งห้าและหวังชงเซียวแล้ว ทุกคนต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่ห้องพักของหลิงหยุนทั้งหมด
  นับว่าโชคดีที่ห้องพักของหลิงหยุนเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในจำนวน18 ห้อง ทุกคนจึงนั่งรวมกลุ่มกันโดยไม่รู้สึกอึดอัด
  หลังจากที่ห่างเหินกันไปมากกว่าหนึ่งเดือนเมื่อได้มาพบเจอกันอีกครั้ง ทุกคนจึงรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างที่สุด และในเมื่อได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง หลิงหยุนจึงปิดห้องอาหารโรงแรมเพื่อเลี้ยงฉลองให้กับทุกคน
  หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยและแยกย้ายกันกลับเข้าห้องพักหลิงหยุนก็ได้ไปพบเหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่ห้องพร้อมกับมอบแหวนพื้นที่ และโอสถโฉมสะคราญให้กับนางเป็นรางวัล จีงได้รู้ว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาฝึกวิชาพฤกษาขจีก้าวหน้าถึงขั้นที่ห้าแล้ว
  …..
  หลังจากรับประทานอาหารเช้าทุกคนก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง
  หลิงหยุนเรียกรถขนาดเจ็ดที่นั่งสองคันที่เตรียมไว้ออกมาจากแหวนพื้นที่ส่วนเย่ซิงเฉินก็เรียกรถสปอร์ตของตนที่เตรียมไว้ออกมาจากแหวนของตนเช่นกัน  จากนั้นทั้งสิบห้าคนและนักโทษอีกสองก็นั่งรถทั้งสี่คันมุ่งหน้าไปยังเขาหลงหู่ในเมืองอิงถาน..
  เวลานี้รถทั้งสี่คันได้มุ่งหน้าออกจากเมืองหนานชางเข้าสู่ทางด่วนเซี่ยงไฮ้–คุนหมิงโดยมีจุดหมายปลายทางที่เมืองอิงถาน
  เย่ซิงเฉินเป็นผู้ขับนำรถทั้งสามคันไปโดยมีฉินตงเฉี่วยนั่งไปด้วย..
  ส่วนหวังชงเซียวและแวมไพร์ทั้งห้าก็นั่งรถMercedes-Benz เจ็ดที่นั่งตามไป โดยมีนักโทษทั้งสองคนนั่งไปด้วย
  ส่วนเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ขับรถของตนตามไปพร้อมกับเสี่ยวเม่ยเม่ยส่วนอีกห้าคนที่เหลือก็นั่งรถคันเดียวกับหลิงหยุน
  “ท่านน้าจินเหยียว..มีอะไรงั้นรึ!”
  หลิงหยุนสังเกตเห็นว่าตั้งแต่จินเหยียวพบเจอเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเมื่อคืนนี้นางก็ดูแปลกไป และคอยเหลือบมองเหมี่ยวเสี่ยวเหมาอยู่ตลอดเวลา  หลิงหยุนเองก็พอรู้มาบ้างว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนนั้นจินเยียวเป็นเด็กสาวจากเผ่าเหมี่ยวเจียง ที่เก่งกาจในเรื่องการใช้หนอนกู่ พิษ และสมุนไพร หลังจากที่สูญเสียความทรงจำไปกว่าสิบแปดปี ในวันนี้เมื่อได้มาพบกับหญิงสาวเผ่าเหมี่ยวเจียงจึงเกิดความว้าวุ่นใจ
  หลิงหยุนตั้งใจไว้ว่า..นับจากนี้ไปเขาจะให้จินเหยียวอยู่ในบ้านตระกูลหลิงอย่างสุขสบาย เก็บสมุนไพร ฝึกวิชาไปวันๆ ไม่จำเป็นต้องไปตะลอนๆเข่นฆ่า หรือประมือกับผู้ใดอีก..
  ตั้งแต่ที่หลิงหยุนช่วยจินเหยียวกลับมานางเองก็อยากจะพบกับเย่ซิงเฉินเพื่อไต่ถามถึงหยินชิงเฉวียนด้วยเช่นกัน เพียงแต่อยู่ในปักก่ิงไม่สะดวก นางเกรงว่าจะมีผู้พบเห็นเข้า และจะไม่เป็นผลดีต่อตระกูลหลิง เมื่อได้ข่าวว่าเย่ซิงเฉินจะไปงานชุมนุมชาวยุทธ นางจึงขอติตตามมาด้วยเพื่อจะได้มีโอกาสพูดคุยกับเย่ซิงเฉิน
  อีกทั้งนางเองก็รักใคร่หลิงหยุนราวกับลูกของตนเองนางไม่อาจทนอยู่บ้านเฉยๆ นั่งมองหลิงหยุนออกไปต่อกรกับเหล่าชาวยุทธเพียงลำพังได้
  เวลานี้จินเหยียวไม่เพียงรื้อฟื้นความทรงจำกลับมาได้แล้วนางยังกลับมาเป็นหญิงสาวที่อ่อนเยาว์ และพละกำลังแข็งแกร่งกว่าเดิม จึงต้องการติดตามมาช่วยหลิงหยุนในครั้งนี้
  แต่ยังไม่ทันที่งานชุมนุมชาวยุทธจะเริ่มต้นขึ้นนางก็ได้มาพบเจอกับหญิงสาวชาวเหมี่ยวเจียงเช่นเดียวกับตน จึงเกิดความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้
  “ข้ารู้สึกถูกชะตาและชื่นชอบเด็กสาวผู้นั้นยิ่งนัก!”