เฉินฉางเซิงล้มลง
ดวงตาปิดสนิทหมดสติไปแล้ว เขาล้มลงอย่างแน่วแน่ เฉกเช่นลมพัดต้นไม้บนยอดเขา เฉกเช่นภูผาที่ถล่มด้วยแรงสั่นสะเทือน เสมือนแผ่นดินพลิกตลบ
กวนไป๋ได้อยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว กระบี่ก็อยู่เช่นกัน ใบหน้าเขาในยามที่เห็นเฉินฉางเซิงล้มลง แสดงความตกใจและสับสน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหยุดกระบี่นี้ กระบี่นี้เป็นตัวแทนของวิถีสวรรค์ แม้ว่ากระบี่จะอยู่ในมือเขา เขาก็มิใช่เจ้านายของมันอีกต่อไป
เกิดอะไรขึ้น ทำไมเฉินฉางเซิงถึงได้ล้มลงอย่างฉับพลัน
คำถามพวกนี้ก็ผุดขึ้นในใจของฝูงชน ไม่มีใครมีเวลาที่จะป้องกันความวิปโยคที่จะตามมา ด้วยไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหลังจากทะลวงผ่านสู่ขั้นรวบรวมดวงดาวจนทำให้ฝูงชนตกตะลึงแล้ว เขาจะตกอยู่ในสภาพที่แปลกประหลาดเช่นนี้
โก่วหานสือเชื่อว่าต่อให้เฉินฉางเซิงไม่อาจเอาชนะกวนไป๋ เขาก็สามารถรับการโจมตีได้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง นี่เป็นเพราะเขาเข้าใจในตัวเฉินฉางเซิง หากไม่มั่นใจมากพอ เฉินฉางเซิงคงไม่ก้าวออกไปตั้งแต่แรก
เจ๋อซิ่วกับถังซานสือลิ่วยิ่งมั่นใจในตัวเฉินฉางเซิง เชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าเฉินฉางเซิงนั้นสามารถเอาชนะกระบี่วิถีสวรรค์ของกวนไป๋ได้ แม้ว่าจะไม่มีใครคิดว่าเขาจะมีโอกาสก็ตาม
เหมาชิวอวี่มีความเข้าใจในกระบี่วิถีสวรรค์ดีที่สุด รู้ว่าเมื่อออกกระบวนท่าแล้วไม่อาจรั้งกลับได้ เขามั่นใจว่าเฉินฉางเซิงจะพ่ายแพ้ แต่เขาจะคาดคิดได้อย่างไรว่าเฉินฉางเซิงจะไม่อาจยกกระบี่หรือเคลื่อนไหวได้
ความคิดนี้ไม่เกิดขึ้นในใจพวกเขา แล้วใครจะสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้นแค่นี้ได้
มีแต่ผู้เฒ่าความลับสวรรค์ที่จะเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ เขารู้ล่วงหน้าว่าร่างกายของเฉินฉางเซิงมีความเจ็บป่วยซ่อนอยู่ แม้จะไม่มั่นใจว่าอาการเจ็บป่วยที่ซ่อนอยู่นี้จะระเบิดออกมาเมื่อไร แต่เขาก็รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญเพียร นับตั้งแต่ตอนที่เฉินฉางเซิงทะลวงเข้าสู่ขั้นรวบรวมดวงดาว คิ้วเขาก็ขมวดแน่นจับจ้องไปที่เวที ยิ่งไปกว่านั้น ยอดฝีมือระดับเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์เช่นเขาย่อมมีความสามารถแสดงพลังออกมาได้ในเวลาอันสั้น แต่กระนั้น…มือที่ชราเหี่ยวย่นก็ยังอยู่ตรงที่พักแขน สั่นเทาเล็กน้อย เห็นเส้นเลือดได้อย่างเลือนราง เขายังอยู่บนแท่นสูงไม่มีท่าทีว่าจะทำอะไร
หรือว่าหลังจากเฉินฉางเซิงได้ทะลวงผ่านสู่ระดับรวบรวมดวงดาวและกำลังได้รับเสียงโห่ร้องยินดีจากฝูงชน เขากลับต้องมาตายอย่างลึกลับภายใต้กระบี่วิถีสวรรค์เช่นนี้หรือ
ฝูงชนตกตะลึง อารมณ์อันสับสนเปลี่ยนเป็นเสียงหลุดออกจากปากในที่สุด ครั้นเสียงร้องตกใจเริ่มดังขึ้นในหมู่ฝูงชน ก็ถูกเสียงลมโหยหวนสะกดเอาไว้จนหมดสิ้น
ปีกสีขาวคู่หนึ่งกระพือในอากาศด้วยความเร็วที่แทบจะไม่อาจจินตนาการได้ ก่อให้เกิดลมกระโชกแรง
ชั้นผ้าม่านบนแท่นสูงถูกฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันทีเมื่อลำแสงพุ่งออกไป ความเร็วของร่างนั้นน่ากลัวเกินไป และมีไม่กี่คนเท่านั้นในที่แห่งนี้ที่มองเห็นเส้นสีขาวสองเส้น ทว่าไม่มีใครมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าปีกสีขาวทั้งสองแหวกฝ่าอากาศมาด้วยความเกินจินตนาการ สร้างสายลมอันรุนแรง พัดพาร่างนั้นพุ่งตรงข้างหน้า!
ลำแสงพุ่งมาอยู่หน้าเฉินฉางเซิง
กระบี่วิถีศักดิ์สิทธิ์ร่วงลงมา
แสงพุ่งออกมาราวกับดอกไม้ไฟ บรรจุไว้ด้วยเจตจำนงกระบี่นับไม่ถ้วน เพลงกระบี่ที่ประณีตจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีจิตอันศักดิ์สิทธิ์ไม่ยอมแพ้เพียงหนึ่งเดียว
กระบี่จรัสแสง!
ตู้ม!
น้ำในทะเลสาบสวรรค์พุ่งขึ้นมาราวกับน้ำตกทวนกระแส เวทีหินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหว ก้อนกรวดลอยขึ้นอย่างบ้างคลั่ง ปกคลุมไปทั่วบริเวณและทำให้ดวงตะวันหม่นมัวลงอย่างที่สุด
ฝุ่นค่อยๆ จากลงให้ที่สุด เผยให้เห็นภาพที่เกิดขึ้น
สาบเสื้อด้านซ้ายของกวนไป๋มีรอยตัดที่บางอย่างยิ่ง ทว่าไม่มีเลือดออก เขาถือกระบี่สีหน้างงงวย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขามองตรงไปด้วยความมึนงง
สายตาเขาเหลือบมองพื้น หลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนเวทีหิน
หลุมนี้ลึกว่าการยุบตัวตอนที่เฉินฉางเซิงรวบรวมดวงดาวและมันก็เต็มไปด้วยกรวด
สวีโหย่วหรงยืนอยู่ที่ก้นหลุม มือถือกระบี่จำศีลใบหน้าขาวซีด
พรวด! นางกระอักเลือดออกมา
ครั้นเมื่อเลือดตกลงบนพื้น มันก็ลุกไหม้ขึ้นในทันที
เพลิงสีแดงทองหลอมละลายก้อนกรวดบนพื้นอย่างง่ายดาย
นี่คือเลือดแท้หงส์สวรรค์ แม้ว่านางจะมีเลือดหงส์ที่แท้จริงและมีพรสวรรค์อันน่าทึ่ง ทว่าการรับกระบี่วิถีสวรรค์ของกวนไป๋โดยมิได้เตรียมตัวย่อมทำให้นางได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่สุดท้ายแล้ว ในยามที่ไม่มีใครสามารถตอบสนองได้ทันเวลา นางกลับสามารถพุ่งมาตรงหน้าเฉินฉางเซิงและรับกระบี่ไว้ ฝืนต้านจำนงของสิ่งที่เรียกว่าวิถีสวรรค์
นางไม่ยอมให้กระบี่ของกวนไป๋ตกลงบนร่างของเฉินฉางเซิง แม้แต่เพียงเศษเสี้ยวของเจตจำนงกระบี่ก็ไม่ได้
กระบี่จำศีลที่ล้ำค่าที่สุดของสถานศึกษาหนานซี มีความหมายลึกล้ำต่อยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ ถูกทิ้งลงโดยไม่ลังเล เพราะนางต้องให้มือทั้งสองข้างว่าง
นางตระกองกอดเฉินฉางเซิงที่หมดสติไว้แนบอก
ปีกสีขาวราวหิมะของนางลอยตัวลงมาช้าๆ หุ้มร่างของเขากับนางเอาไว้ภายใน
เฉกเช่นบนเกาะหญ้าในสวนโจว
ภาพนี้สะกดทะเลสาบเงียบสนิทไป ฝูงชนตะลึงงัน
ไม่มีใครคาดคิดว่าคนแรกที่ปรากฏตัวออกมาโดยไม่สนอันตรายอันใดและยินดีน้อมรับอาการบาดเจ็บสาหัสเพื่อปกป้องเฉินฉางเซิงจะเป็นนาง
ในสายตาของพวกเขา นางเป็นคนที่ไม่น่าจะออกมามากที่สุด
สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องร่างสวีโหย่วหรง ทว่านางไม่สนใจ
เช่นเดียวกับที่นางไม่สนใจว่ากระบี่จำศีลถูกทิ้งไว้ท่ามกลางก้อนกรวด
นางเพียงแค่มองเฉินฉางเซิงในอ้อมอกนาง ใบหน้าของนางขาวซีด ตื่นตระหนกและเป็นกังวล
ในตอนนี้ นางทั้งงดงาม เศร้าสร้อย สิ้นหวัง และเปราะบาง
ไม่มีใครเคยเห็นนางในแบบนี้มาก่อน ไม่แม้แต่คนของสำนักกระบี่หลีซาน หรือผู้เฒ่าความลับสวรรค์ บางทีแม้แต่เทพธิดาศักดิ์สิทธิ์และจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ก็คงไม่เคย
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
……
……
เจ๋อซิ่วพุ่งออกไป แต่เจตจำนงกระบี่หลายสิบสายพุ่งขึ้นมาขวางทางเขา
บ้านหลังนั้นอยู่แค่ตรงหน้า แต่เขาไม่อาจก้าวเข้าใกล้แม้แต่เพียงก้าวเดียว ศิษย์หญิงของสถานศึกษาหนานซีตั้งค่ายกลกระบี่อยู่ตรงหน้าบ้าน
ผู้บำเพ็ญเพียรที่เข้าร่วมการประชุมใหญ่จู่สือไม่อาจนำอาจารย์หรือผู้ร่วมเดินทางมาได้มากนัก นิกายหลวงกับยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์สามารถนำมาได้มากที่สุด เนื่องจากสถานะของพวกเขาที่สูงกว่า
ศิษย์จากสถานศึกษาหนานซีร้อยกว่าคนคุ้มครองสวีโหย่วหรงขึ้นหานซาน และตอนนี้พวกเขาก็ยืนคุ้มกันอยู่รอบบ้านหลังนั้น ค่ายกลกระบี่ของสถานศึกษาหนานซีนั้นมีชื่อเสียงยิ่งนัก ในอดีต เมื่อโจวตู๋ฟูบุกยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเพื่อทะลวงผ่านค่ายกลกระบี่ ดังนั้นไม่ว่าเจ๋อซิ่วจะกล้าหาญชาญชัยเพียงไร ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทะลวงผ่าน
เจ๋อซิ่วสีหน้าเฉยชา แต่ในความเป็นจริงเขาเป็นห่วงสถานการณ์ของเฉินฉางเซิงเป็นอย่างมาก เมื่อถูกค่ายกลกระบี่ของสถานศึกษาหนานซีขวางไว้และไหล่ของเขาได้รับบาดแผล ไม่เพียงแค่เขาจะไม่ยอมแพ้ แต่กลับโหดเหี้ยมยิ่งขึ้น รอยเลือดปรากฏขึ้นในส่วนลึกของนัยน์ตา เล็บแหลมคมงอกออกมาจากปลายนิ้ว เขาเตรียมพร้อมที่จะเปลี่ยนร่าง ดึงความสามารถระหว่างชีวิตและความตายออกมาต่อสู้
ทว่าก่อนที่เขาจะลงมือ เขาก็ถูกอีกคนหนึ่งขวางไว้ นั่นก็คือถังซานสือลิ่วที่ส่ายหน้าปรามพลางมองเขา
ตรงหน้าค่ายกลกระบี่ของสถานศึกษาหนานซี ศิษย์หญิงคนหนึ่งจ้องมองไปที่ฝูงชนภายนอกบ้านและกล่าวด้วยน้ำเสียงหนัก “เทพธิดาศักดิ์สิทธิ์เคยกล่าวไว้ ใครที่กล้าก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้จะต้องถูกสังหารโดยไม่ต้องถาม!”
ใช่แล้ว ไม่เพียงแต่ถังซานสือลิ่วและเจ๋อซิ่วเท่านั้นที่ถูกกันจากบ้านหลังนี้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งจากนิกายหลวงอย่างเหมาชิวอวี่กับราชันย์แห่งหลิงไห่ก็ยังไม่อาจเข้าไปได้
นอกจากเฉินฉางเซิงที่หมดสติ คนที่อยู่ในบ้านหลังนี้ก็มีเพียงสวีโหย่วหรงกับผู้เฒ่าความลับสวรรค์