บทที่ 2681 ความเป็นมาของตี้ฝูอี 3
เพียงแต่ ที่น่าประหลาดก็คือ ลวดลายบนชุดที่คนผู้นี้สวมใส่ล้วนประทับไว้อย่างชัดเจน ทว่าดวงหน้านั้นกลับว่างเปล่า กล่าวอีกนัยหนึ่งคือไม่มีเครื่องหน้าทั้งห้าเลย ดูพิลึกพิลั่นยิ่ง
คนไร้หน้า? นี่มันตัวประหลาดอะไร?
เหตุการณ์ทุกอย่างที่กู้ซีจิ่วได้เห็น ค่อนข้างคล้ายกับผานกู่แยกฟ้าดิน
ชายคนนั้นล่องลอยไปมาอยู่ในห้วงอวกาศอย่างไร้จุดมุ่งหมาย ไม่ว่าจะไปถึงที่ใดล้วนรกร้างว่างเปล่า ต้นหญ้าก็ไม่งอกเลยด้วยซ้ำ แน่นอน มองไม่เห็นคนอื่นหรือสิ่งมีชีวิตอื่นด้วย
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเทพ กรีดมือเงื้อเท้าก็สามารถทำให้รอบข้างเกิดสายลมพัดพาเมฆากระเพื่อมได้ หลังจากเขาตระเวนไปพักหนึ่ง ก็นั่งลงท่ามกลางมวลดารากลุ่มหนึ่ง จากนั้นก็โบกสะบัดแขนเสื้อ
ละอองธุลีนับไม่ถ้วนในจักรวาลได้รวมตัวกันในมือของเขา หลังจากหมุนวนเป็นกลุ่มก้อนอยู่ในมือของเขา ก็กระจายตัวออกไปอีกครั้ง โปรยปรายลงสู่ดวงดาวรกร้างเปล่าเปลี่ยวที่อยู่รอบข้างเหล่านั้น กลายเป็นอุกกาบาตพุ่งชนดาวเคราะห์เหล่านั้น กระตุ้นหมอกธุลีมหาศาลขึ้นมา…
คล้ายว่าเขาจะเสพติดการเล่นสนุกแล้ว กระทำสิ่งนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยเหตุนี้อุกกาบาตที่มีองค์ประกอบต่างๆ จึงพุ่งชนดาวเคราะห์เหล่านั้นลูกแล้วลูกเล่า
เวลาค่อยๆ ผ่านไป บนดาวเคราะห์เหล่านั้นปรากฏพืชพรรณสีเขียว ปรากฏขุนเขาสูง ปรากฏสายน้ำ ปรากฏสิ่งมีชีวิตขึ้นมาแล้ว…
กู้ซีจิ่วนั่งกอดเข่าดูอยู่ตรงนั้นเสียเลย รู้สึกเหมือนได้เห็นเวอร์ชั่นอัพเกรดของผานกู่ผสมหนี่ว์วา
เพียงแต่ผานกู่กับหนี่ว์วาล้วนเป็นคนเดียวกัน เนื่องจากชายที่อยู่เบื้องหน้านี้ล้วนปฏิบัติงานของเทพทั้งสองออกมาแล้ว
แน่นอน เทวตำนานเล่าขานว่าหนี่ว์วาใช้ดินสร้างมนุษย์ แต่คนผู้นี้ใช้อุกกาบาต ทำให้สิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์เหล่านั้นค่อยๆ วิวัฒนาการขึ้นมา สอดคล้องกับทฤษฎีการวิวัฒนาการของดาร์วิน[1]มาก…
แต่เรื่องราวที่ฉายอยู่บนจอนี้เห็นได้ชัดว่าดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนับตั้งแต่พืชสีเขียวต้นแรกปรากฏขึ้นบนดาวเคราะห์เหล่านั้น จนกระทั่งมนุษย์ได้ปรากฏตัวขึ้นมาใช้เวลาเพียงหนึ่งนาทีเท่านั้น…
ชัดเจนยิ่งนัก บนดาวเคราะห์เหล่านี้สิ่งที่วิวัฒนาการจนมีสติปัญญาสูงมิได้มีเพียงมนุษย์ทั่วไปเท่านั้น ยังมีมนุษย์สัตว์ มนุษย์วิหค ถึงขั้นที่มีมนุษย์แมลงด้วย…
สรุปก็คือ มีแต่สิ่งที่คุณคาดไม่ถึง แต่ไม่มีสิ่งที่พวกมันจะวิวัฒนาการออกมาไม่ได้
ต่อให้เป็นมนุษย์เหมือนกัน มนุษย์บนดาวเคราะห์แต่ละดวงก็ยังมีความแตกต่างกันมากอยู่ดี บ้างก็มีเรือนกายสูงใหญ่ล่ำสันเหมือนทาร์ซาน บ้างก็บอบบางเล็กจิ๋วสูงเพียงสองฉื่อ บ้างก็งดงาม บ้างก็อัปลักษณ์ บ้างก็มีสองมือสองเท้าตามปกติ บ้างก็มีเจ็ดมือแปดเท้า ทำเอากู้ซีจิ่วที่ดูอยู่ขนลุกซู่ขึ้นมา
เทพผู้สร้าง คนนั้นได้เดินทางไปยังดาวเคราะห์แต่ละดวงเป็นครั้งคราว หากเผ่าพันธุ์ใดทำให้เขารู้สึกขัดนัยน์ตาเขาก็จะปรากฏตัวขึ้นแล้วทำลายล้างให้สิ้นซากทันที จากนั้นก็ค่อยวิวัฒนาการเผ่าพันธุ์ที่ทำให้เขาพอใจขึ้นมาใหม่…
กู้ซีจิ่วจ้องมองเทพผู้สร้างบนจอ เริ่มครุ่นคิดแล้วว่าหรือนี่จะเป็น ‘หนี่ว์วาสร้างมนุษย์’ ฉบับดาวจิ้งจอกคราม
เพียงแต่เทพผู้สร้างตนนี้ค่อนข้างโหดเหี้ยมอยู่บ้าง ถ้าสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์เหล่านั้นไม่น่าพึงใจแม้เพียงนิดเดียวก็จะถูกเขาทำลายล้างจนสิ้นซากทันทีบ้างก็ใช้อุทกภัย บ้างก็ใช้อัคคีภัย บ้างก็ใช้ฟ้าผ่า…
เทพผู้สร้างตนนี้เพียงโบกมือเงื้อเท้าก็สามารถพลิกฟ้าแปลงดินได้แล้ว! ล้ำเลิศอย่างยิ่ง
ในสายตาของเขามนุษย์เหล่านั้นที่มีชีวิตอยู่ในดาวเคราะห์แต่ละดวงไม่ต่างไปจากมดปลวกเลย มีแต่ต้องน้อมรับการจัดแจงของเขา
สายตาของเธอหันเหไปตามเทพผู้สร้างตนนี้ รู้สึกอยู่เสมอว่าเรือนกายของเขาทำให้เธอคุ้นตาอยู่บ้าง ทว่าบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
เทพผู้สร้างคงจะรังเกียจที่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ยังคงโง่เขลาเกินไป หรือการจัดการสิ่งเหล่านี้ทุกวันค่อนข้างเหนื่อยล้า เขาจึงนั่งลงท่ามกลางมวลดาราแล้วร่ายอาคมอีกครั้ง จากนั้นภายใต้การควบรวมพลังของเขา ก็ค่อยๆ ปรากฏมนุษย์คนหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง…
กู้ซีจิ่วกลั้นหายใจแล้ว เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ!
คนผู้นี้คือตี้ฝูอี!
เป็นไปได้ยังไงกัน?!
ในสารคดีหรือหนังเทวตำนานของเผ่าจิ้งจอกครามจะมีตี้ฝูอีปรากฏตัวขึ้นได้ยังไง?!
————————————————————————————-
บทที่ 2682 ความเป็นมาของตี้ฝูอี 4
กู้ซีจิ่วคิดไปสารพัดก็ยังไม่เข้าใจ เดิมทีเธอดูวิดีโอนี้ด้วยอารมณ์เหมือนชมภาพยนตร์ จวบจนเห็นตี้ฝูอีปรากฏขึ้น เธอถึงเริ่มจริงจังขึ้นมา
ถึงแม้เธอกับตี้ฝูอีจะไม่ได้พบหน้ากันเกือบหนึ่งเดือนเท่านั้น แต่กลับรู้สึกเหมือนจากกันมานานมากแล้ว เธอคิดถึงเขามาก…
กลับคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นในวิดีโอชุดนี้
ไม่น่าเชื่อว่าตี้ฝูอีจะเกิดขึ้นจากการสร้างของเทพผู้สร้างตนนี้
เรื่องนี้ทำให้กู้ซีจิ่วประหลาดใจมาก เธอคิดมาตลอดว่าเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้นี้บ่มเพาะจากฟ้าดิน ถือกำเนิดขึ้นมาจากไอวิญญาณพิสุทธ์ของฟ้าดิน ไม่นึกเลย…
นี่เป็นเรื่องจริงหรือหลอกกัน?
เป็นสารคดีหรือว่าผลงานเชิงวรรณศิลป์?
แล้วคนที่บันทึกวิดีโอนี้ไว้เป็นใคร?
คำถามนับไม่ถ้วนวนเวียนไปมาอยู่ในสมองของกู้ซีจิ่ว เธอจึงดูต่อไปเสียเลย
ตี้ฝูอีในชุดสีม่วงพราวระยับย่อกายทำความเคารพเทพผู้สร้าง เทพผู้สร้างหลุบตามองเขาอยู่พักหนึ่ง เสมือนมองผลงานที่น่าพึงใจชิ้นหนึ่ง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพลันหงายมือขึ้นปรากฏแถบแพรคาดหน้าผากประดับทับทิมทรงนัยน์ตาจิ้งจอกผืนหนึ่งขึ้นมา ประทานให้ตี้ฝูอี หลังจากตี้ฝูอีสวมแถบแพรคาดหน้าผากเข้าไปแล้ว รัศมีบนร่างคนก็แปรเปลี่ยนไปทั้งหมด! มีรัศมีของเทพผู้สร้างเพิ่มขึ้นมาสามสี่ส่วน
เทพผู้สร้างเอ่ยสั่งการอันใดกับเขาไม่กี่ประโยค จากนั้นตนก็ไปหาสถานที่สักแห่งเพื่อหลับใหลจำศีล
ส่วนตี้ฝูอีก็รับช่วงต่อหน้าที่ของเขา เริ่มเดินทางไปยังดาวเคราะห์แต่ละดวง…
ตี้ฝูอีมีความสามารถยิ่งนัก และโน้มน้าวใจคนได้ยิ่งนัก เผ่าพันธุ์บนดาวแต่ละดวงเริ่มเคารพบูชาเขา เริ่มยกย่องเขาเป็นเทพ และความสามารถของเขาก็แกร่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆ มีทีท่าว่าจะไล่ตามเทพผู้สร้างทันแล้ว…
เมื่อเทพผู้สร้างตื่นจากการหลับใหลไปนับหมื่นปี ท้องฟ้าก็แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว สิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ทุกดวงล้วนมีกฎเกณฑ์กันหมดแล้ว ถึงขั้นที่วงจรของดาวเคราะห์ก็โคจรไปตามกฎเกณฑ์บางประการของลิขิตสวรรค์ด้วย
ตี้ฝูอีที่เขาสร้างขึ้นมาส่งๆ กลายเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ ในช่วงเวลาพิเศษ จะใช้วิชาโหราศาสตร์ควบคุมดาวเคราะห์ทั้งหมดด้วย ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดดำเนินชีวิตไปตามกฏเกณฑ์ลิขิตสวรรค์ที่เขาตราขึ้น หากต่อต้านฝ่าฝืน จะต้องเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์…
เริ่มแรกที่เทพผู้สร้างได้เห็นดาวเคราะห์แต่ละดวงเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้ก็เบิกบานชื่นมื่นนัก เขาไปหาตี้ฝูอี คิดจะชมเชยเชิดชูเขา แต่เมื่อตี้ฝูอีได้พบเขาอีกครั้งกลับสูญสิ้นความเคารพทั้งหมดในอดีตที่เคยมีต่อเขาไปแล้ว เฉยชาต่อเขาอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่คิดหาทางปองร้ายเขาด้วย
ต่อหน้าก็เล่นหมากแก้เบื่อกับเขา ราวกับการแลกเปลี่ยนระหว่างสุภาพชน ลับหลังกลับลอบปองร้ายเขาอยู่หลายครั้ง…
เทพผู้สร้างเห็นเขากระทำการโดยพลการเกินไป ค่อนข้างทนดูไม่ได้ยิ่งนัก ต้องการจะริบอำนาจที่ให้ไปกลับมา แต่เนื่องจากสมดุลอันละเอียดอ่อนระหว่างหมู่ดาว จึงริบกลับมาไม่ได้ชั่วขณะ…
เทพผู้สร้างย่อมไม่ยินยอม อยู่มาวันหนึ่ง เขาเกิดความคิดอันบรรเจิดขึ้น ควบรวมไอวิญญาณฟ้าดินก่อร่างสตรีผู้เลอโฉมนางหนึ่งขึ้นมา
ยามที่ใบหน้าของสตรีนางนั้นค่อยๆ แจ่มแจ้งขึ้นมาบนจอ กู้ซีจิ่วพลันกำมือแน่น หักมุมโต๊ะหลุดออกมาชิ้นหนึ่ง
รูปโฉมของสตรีนางนี้คือเธอ!
…กู้ซีจิ่ว
ไม่นึกเลยว่าเธอก็ถือกำเนิดขึ้นโดยกรรมวิธีพิเศษของเทพผู้สร้างด้วย
กู้ซีจิ่วลูบจมูก เธอก็น่าจะมีเกียรติยิ่งนักด้วยใช่ไหม? ไม่น่าเชื่อว่าจะมีประวัติความเป็นมาเช่นเดียวกับตี้ฝูอี...
กู้ซีจิ่วบนจอย่อมเคารพเลื่อมใสในตัวเทพผู้สร้างเป็นธรรมดา เรียกขานเขาว่าเทพบิดา ส่วนเทพผู้สร้างก็รักใคร่เอ็นดูนางอย่างยิ่งพานางท่องเที่ยวไปในอวกาศ ศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณีของดาวเคราะห์แต่ละดวง
อาจเป็นเพราะวันเวลาเนิ่นนานไปก่อให้เกิดสายใยรักขึ้น สายตาที่กู้ซีจิ่วในจอมองเทพผู้สร้างยิ่งเคารพเทิดทูนขึ้นเรื่อยๆ ในส่วนลึกของแววตามีความหลงใหลที่ไม่อาจซ่อนเร้นไว้ได้ นางทำตัวกระเง้ากระงอดออดอ้อนราวกับเด็กน้อยต่อเทพผู้สร้าง กอดแขนเทพผู้สร้างไว้ทั้งยิ้มแย้มทั้งเรียกขาน ส่วนเทพผู้สร้างก็เห็นนางเป็นผลงานอันน่าพอใจของตน สายตาที่มองนางก็ยิ่งเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
….
————————————————————————————-
[1] ในปี 1859 ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ กล่าวถึงหลักการของวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตว่า วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตนั้น เป็นผลมาจาก ‘การคัดสรรตามธรรมชาติ’ (Natural Selection) ทำให้เกิดการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสของการอยู่รอด โดยจะเกิดการถ่ายทอดลักษณะพิเศษจากการปรับตัวที่เกิดขึ้น ส่งผ่านไปยังสิ่งมีชีวิตในรุ่นต่อไป