บทที่ 2685 ละครน้ำเน่าฉากใหญ่ 3
ตี้ฝูอีใคร่ครวญอยู่หลายตลบ สุดท้ายก็สละอำนาจไม่ลง หมางเมินต่อกู้ซีจิ่ว เย็นชาด้วยอย่างยิ่ง
เดิมทีซีจิ่วก็ไม่ได้รักเขาอย่างแท้จริงอยู่แล้ว พอถูกเขาปฏิบัติด้วยเช่นนี้อีก ก็ยิ่งทุกข์ระทม ถึงได้รับความอยุติธรรมนางก็ไม่มีหน้าไปพบฟั่นเชียนซื่อแล้ว ได้แต่อดทนไว้
ส่วนตี้ฝูอีเพื่อที่จะถอนความรู้สึกที่มีต่อนางออกไป จึงเรียกตัวนางเซียนหลายตนจากดินแดนเบื้องบนมา รับไว้เป็นอนุภรรยา
อนุเหล่านั้นแต่ละคนงดงามอ่อนวัยซ้ำยังสดใสยิ่งนัก และปฏิบัติต่อตี้ฝูอีเป็นอย่างดีด้วย
ตี้ฝูอีก็ดีต่อพวกนางอย่างเท่าเทียมกัน เย็นชาใส่แต่เพียงซีจิ่ว ซ้ำยังหาข้ออ้างอย่างหนึ่งมา ปลดซีจิ่วจากตำแหน่งภรรยาเอก ให้กลายเป็นอนุ ปล่อยให้อนุเหล่านั้นกลั่นแกล้งรังแกนาง…
แต่เดิมซีจิ่วเป็นหญิงสาวที่ไม่ประสาเรื่องราวทางโลกคนหนึ่ง แต่เมื่อถูกเขาเคี่ยวกรำเช่นนี้ นิสัยก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเงียบขรึมเยือกเย็น เมื่อก่อนชอบสวมชุดขาว อาภรณ์ขาวพลิ้วไหวบริสุทธิ์หลุดพ้นโลกีย์ แต่หลังจากนิสัยแปรเปลี่ยน รสนิยมของนางก็เปลี่ยนไปด้วย สวมชุดดำดุจรัตติกาล ตัวคนก็ผ่ายผอมซูบเซียว…
เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์สามารถแต่งภรรยารับอนุได้ แต่ไม่อาจหวั่นไหวได้ หลังจากเขาทำเช่นนี้ลงไป หกภพภูมิก็ค่อยๆ กลับสู่สภาพปกติจริงๆ
ตี้ฝูอีพอใจมาก เสวยสุขกับชีวิตมากภรรยาเช่นนี้ นานๆ ทีก็เลือกไปหาซีจิ่วสักหน แต่ซีจิ่วค่อยๆ สิ้นหวังในตัวเขาไปแล้ว ทุกครั้งที่เขาเลือกมาหานาง ล้วนจะได้พบกับการขัดขืนต่อต้านของนาง…
ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ แข็งกระด้างขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งวันหนึ่งฟั่นเชียนซื่อได้มาเยือน พบพานซีจิ่วที่ซูบหมอง เห็นเด็กน้อยที่ตนรักถนอมประคองไว้กลางฝ่ามือเสมอมาได้รับการปฏิบัติด้วยอย่างไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ ฟั่นเชียนซื่อโกรธกริ้วนัก ไปขอคำอธิบายจากตี้ฝูอีทันที
ทั้งสองทะเลาะเบาะแว้งกัน ต่อตีกันใหญ่โต สู้กันจนฟ้าดินสะท้านสะเทือน ตะวันจันทราสิ้นแสง
เทพทั้งสองต่อสู้กัน ย่อมส่งผลให้เกิดภัยพิบัติมากมายขึ้น อนุเหล่านั้นของตี้ฝูอีถูกลูกหลงจากศึกครั้งนี้ด้วย ล้มหายตายจากไปเช่นกัน
ผลของการต่อสู้ครั้งนี้คือเทพทั้งสองต่างบาดเจ็บ แต่ฟั่นเชียนซื่อเหนือกว่าขั้นหนึ่ง พาซีจิ่วจากไป กลับไปยังตำหนักเทวาของตน
ส่วนกู้ซีจิ่วหลังจากมาถึงตำหนักเทวาแล้ว ถึงได้รู้ว่าฟั่นเชียนซื่อมิใช่ว่าไม่อยากแต่งกับนาง แต่เป็นเพราะคิดจะสร้างความประหลาดใจให้นาง มาจัดเตรียมเรือนหอเอาไว้เสมอมา ผลคือเรือนหอยังไม่ทันเตรียมการเสร็จดี ก็เกิดความผิดพลาดถูกตี้ฝูอีตัดหน้าไปก่อน…
ซีจิ่วทั้งสำนึกผิดทั้งเสียใจ ล้มป่วยหนัก
ฟั่นเชียนซื่อคอยเฝ้าดูแลนางอยู่ข้างกายนางตลอด สุดท้ายฟั่นเชียนซื่อได้บอกแก่นางว่า ในเมื่อตี้ฝูอีไม่เห็นค่านาง เช่นนั้นนางแยกทางกับตี้ฝูอีเสียก็ได้ เขาไม่สนใจว่านางจะเคยแต่งงานมาแล้ว สามารถแต่งนางเป็นภรรยาได้ เนื่องจากเขารักที่นางเป็นนาง มิใช่ที่ร่างกายของนาง
ด้วยเหตุนี้ซีจิ่วจึงตรองดูอยู่หลายรอบ ในที่สุดก็ตัดสินใจไปหาตี้ฝูอีเพื่อจรจาเรื่องแยกทางกัน กลับคาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นการส่งเนื้อเข้าปากเสือ
ตี้ฝูอีไม่คิดจะละทิ้งอำนาจของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ และไม่อยากเห็นนางออกเรือนไปกับคนอื่น ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกหนทางที่สาม พานางไปล่องธารดาราก่อน จากนั้นก็พานางไปท่องเที่ยวแดนมนุษย์ ทุกสถานที่ที่นางชมชอบล้วนพานางไปท่องเที่ยวรอบหนึ่ง ส่วนกู้ซีจิ่วก็นึกว่าเขาทำเพื่อส่งท้ายก่อนเลิกรากัน จึงติดตามเขาไปท่องเที่ยว จนกระทั่งท่องเที่ยวไปถึงสถานที่สุดท้าย
ที่นั่นคือริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง สถานที่แรกที่เขากับนางเริ่มอยู่ด้วยกันอย่างแท้จริงก็คือที่นี่ ครั้งแรกที่ได้ล่องเรือด้วยกันก็คือที่นี่
เขาพานางขึ้นนั่งบนนาวาสีครามสมุทรลำนั้นอีกครั้ง นาวาล่องอยู่เหนือทะเลสาบ จากนั้นเขาก็ถามว่านางยังมีความปรารถนาใดอยู่อีกหรือไม่ เขาจะช่วยนางทำให้เป็นจริง
และความปรารถนาเดียวที่กู้ซีจิ่วต้องการก็คือเลิกรากับเขา ทำให้นางกับฟั่นเชียนซื่อสมหวัง
ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ กางอ้อมแขนให้นาง “ได้ จะให้เจ้าสมหวัง กอดเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อบอกลาหน่อยเถอะ”
————————————————————————————-
บทที่ 2686 ละครน้ำเน่าฉากใหญ่ 4
กู้ซีจิ่วหลับตาลงเล็กน้อย ยังคงโผเข้าหาอ้อมแขนของเขา โอบกอดเขาสักหน่อย
และหลังจากการกอดครั้งนี้ นางไม่มีโอกาสได้ถอนตัวอีกแล้ว เนื่องจากเขาเรียกมีดสีครามเจิดจ้าเล่มหนึ่งออกมาแล้วแทงเข้าที่หัวใจของนาง!
มีดนั้นย่อมมิใช่มีดธรรมดา แต่เป็นอาวุธวิเศษของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ เซียนทั่วไปถูกแทงเล็กน้อยก็ดวงวิญญาณแตกสลายแล้ว ถึงแม้ซีจิ่วจะมีร่างกึ่งเทพ แต่ก็ไม่สามารถทนรับไหว นับประสาอะไรกับการแทงนี้ที่เขาเจตนาทำร้ายนางเล่า นางอ่อนยวบอยู่ในอ้อมแขนของเขาทันที สองมือสั่นเทาคิดจะซัดเขาออกไปทว่าไม่มีแรง
แขนข้างหนึ่งของตี้ฝูอีโอบกอดนางไว้อย่างอ่อนโยน ถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่งริมหูนาง “ซีจิ่ว ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าไปแต่งกับคนอื่น ชั่วชีวิตนี้เจ้าเป็นได้เพียงของข้าเท่านั้น ในเมื่อไม่อาจอยู่ร่วมกับข้าได้ เช่นนั้นข้าก็มีแต่ต้องทำลายเจ้า! ไม่ให้กลับชาติมาเกิดได้อีก ต่อให้กลับชาติมาเกิดใหม่ข้าก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าไป! จนกว่าเจ้าจะสิ้นชีพสิ้นใจไปจากข้าอย่างแท้จริง!”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนแว่วหวาน ทว่าวาจาที่เอื้อนเอ่ยกลับเยียบเย็นไร้ปรานี ดุจมีดที่ทิ่มแทงลำคอ
เมื่อกล่าวประโยคนี้จบ เขาก็บิดมีดที่ถืออยู่ คว้านหัวใจของสตรีในอ้อมแขนจนแหลกเละอย่างสิ้นเชิง ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็หลับตาลงแล้ว แต่ก่อนจะสิ้นใจได้ดิ้นรนเอ่ยวาจาออกมาประโยคหนึ่ง “ข้าไม่มีทางรักเจ้า ไม่มีทางไปทุกชาติภพ!”
ละครรักประหัตประหารที่ฉายอยู่ในจอ พล็อตเรื่องมีหย่อนมีเคร่ง เรียบเรียงอย่างมีจังหวะจะโคน ฉากสังหารตอนสุดท้ายนี้เป็นจุดไคลแมกซ์ ไม่มีปล่อยผ่านรายละเอียดเลย ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงมองเห็นสีหน้าท่าทางของตัวละครในเรื่อง ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่หยาดน้ำค้างที่สั่นไหวอยู่บนยอดหญ้าริมทะเลสาบก็แจ่มแจ้งอย่างยิ่ง
ละครฉากนี้ทำให้คนมองแล้วหายใจไม่ออกเลย โดยเฉพาะยามที่เห็นว่าตัวละครเอกในเรื่องที่คือตนกับคนรัก ก็ยิ่งทำให้คนมองแล้วอยากพุ่งโขกกำแพงเสีย!
กู้ซีจิ่วกำมือ ฝืนข่มกลั้นความรู้สึกชั่ววูบที่อยากจะทุบจอฉายภาพนี้ให้แหลกไปซะไว้ รับชมต่อไป
เธอมองเห็นตี้ฝูอีที่หลังจากสังหารกู้ซีจิ่วไปแล้ว ก็โยนศพทิ้งลงทะเลสาบ ในทะเลสาบแห่งนี้มีปลากินคนที่ดุร้ายยิ่งนักและงดงามยิ่งนักอยู่
เมื่อก่อนกู้ซีจิ่วเคยตกปลาชนิดนี้มากินไม่น้อยเลย ตอนนี้ในที่สุดก็ถูกปลากินบ้างแล้ว
ร่างนางมีพลังวิญญาณ เมื่อปลาเหล่านั้นกินเลือดเนื้อของนางเข้าไปไม่น่าเชื่อว่าจะพากันจำแลงกายได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์แล้ว
ตี้ฝูอีมองภูตมัจฉาเหล่านี้ ถอนหายใจเบา ๆ “นางอยู่บนเส้นทางปรโลกคงจะเดียวดายนัก พวกเจ้าจงไปเป็นเพื่อนนางเสียเถิด!” พลันโบกแขนเสื้อ แสงเจ็ดสีพร่างพราวพร่าตา ครอบคลุมภูตมัจฉาทั้งหมดเอาไว้ เมื่อแสงเจ็ดสีสลายไป ภูตมัจฉาเหล่านั้นก็กลายเป็นเถ้าธุลีปลิดปลิวสูญหายไปด้วย
เมื่อจัดการทุกอย่างนี้เรียบร้อย ในที่สุดตี้ฝูอีก็ไปพบฟั่นเชียนซื่อที่ตามหาเขามาโดยตลอด ฟั่นเชียนซื่อทวงถามคนจากเขา เขาหัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง เอ่ยถามฟั่นเชียนซื่อ “ความจริงแล้วที่ท่านสร้างนางขึ้นมาก็เพื่อใช้กลหญิงงามมาทำให้ข้าหวั่นไหวกระมัง?”
ฟั่นเชียนซื่อชะงักไปแวบหนึ่งแล้วเอ่ยตอบ “เริ่มแรกเป็นเช่นนี้จริงๆ แต่ข้ามีใจปฏิพัทธ์ต่อนางไปแล้ว นางไม่ควรจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในเกมของข้ากับเจ้า เจ้าปล่อยมือจากนางเถอะ ข้าจะพานางปลีกวิเวก หลีกห่างจากเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ เจ้าก็เป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ของเจ้าต่อไปเช่นเดิม ส่วนข้ายินดีปล่อยวางเพื่อนาง! นางอยู่ที่ไหน? ให้นางออกมาเถอะ”
ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเฉยชา “ตายแล้ว”
“อะไรนะ?!” นัยน์ตาฟั่นเชียนซื่อแดงก่ำในชั่วพริบตา
“ท่านคิดว่าข้ามองไม่ออกหรือว่านางคือตัวหายนะตัวหนึ่ง? ในเมื่อเป็นตัวหายนะย่อมไม่อาจปล่อยไว้ได้ มีแต่ต้องส่งนางไปปรโลก ฟั่นเชียนซื่อ ในเมื่อข้าเคยชมชอบนาง เคยครอบครองนาง เช่นนั้นไม่ว่าจะร่างกายหรือว่าหัวใจของนางก็ต้องเป็นของข้าตลอดไป! ไม่มีทางเป็นของคนอื่นได้อีก เจ้าจะไม่มีวันได้ครอบครองนางอีกไปชั่วนิรันดร์ แม้ว่านางจะเคยรักเจ้าก็ตาม…” ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ แต่ละประโยคเสียดแทงใจ!
….
————————————————————————————-