วิญญาณทั้งสี่เป็นสตรีทั้งหมด และเป็นแสงสีแดงเข้มที่พูดขึ้น
ระหว่างทาง ซูจิ่นซีได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับบันทึกของตำหนักเทพหวงอิน เป็นที่ทราบกันดีว่าในช่วงรุ่งเรืองของแคว้นจิ้นโหลว ตำหนักเทพหวงอินมีทูตทั้งสี่คอยปกป้อง
และทูตทั้งสี่ล้วนเป็นสตรีทั้งหมด
เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า ซูจิ่นซีก็เข้าใจในทันที แม้แคว้นจิ้นโหลวจะไม่มีอยู่แล้ว ทั้งตำหนักเทพหวงอินยังถูกปิดผนึก ทว่าทูตทั้งสี่ที่ดูแลตำหนักเทพหวงอินยังอยู่ที่นั่น หลังจากผ่านไปหลายพันปี พวกนางได้กลายเป็นดวงวิญญาณ คอยปกป้องดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
วิญญาณทั้งสี่ดวงที่อยู่เบื้องหน้า ได้แก่ สีแดง สีส้ม สีเหลือง และสีเขียว ก็คือพวกนาง
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ น้ำเสียงของซูจิ่นซีจึงมีความเคารพมากขึ้น
“ท่านทูตทั้งสี่ ข้าและสามีของข้าหาได้มีเจตนาบุกรุกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เราเพียงต้องการนำไฟศักดิ์สิทธิ์เหนือตำหนักเทพหวงอินกลับไปช่วยชีวิตคน จึงเข้ามายังดินแดนของท่าน ขอความเมตตาท่านทูตทั้งสี่ โปรดมอบไฟศักดิ์สิทธิ์แก่พวกเราด้วยเถิด”
หากสามารถแก้ไขได้โดยไม่ต้องต่อสู้ ซูจิ่นซีก็ไม่มีปัญหาที่จะใช้เวลาในการพูดคุย
ดวงวิญญาณสีแดงกระชากเสียงเย็นชาเล็กน้อย “ช่วยชีวิตหรือ… หึ ข้าปกป้องไฟศักดิ์สิทธิ์ในสถานที่แห่งนี้มานับพันปี ข้าไม่เห็นรู้เลยว่าไฟศักดิ์สิทธิ์สามารถช่วยชีวิตคนได้ เจ้าอย่ามาพูดปดกับพวกเราเลย”
วิญญาณสีเหลืองมองซูจิ่นซีอย่างละเอียด
“หึ คงจะช่วยชีวิตตนเองมากกว่ากระมัง? ข้ามองออกว่าวิญญาณของเจ้าไม่สมบูรณ์ ไฟศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่มีผลกับการช่วยชีวิตคน หากเจ้าต้องการรวบรวมดวงวิญญาณของเจ้า เจ้าสามารถไปหาเทพอัคคีสามท่านบนสวรรค์ชั้นฟ้าเพื่อให้พวกเขาช่วยเหลือเจ้าอีกแรงได้”
เมื่อพูดถึงดวงวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ของซูจิ่นซี วิญญาณสีแดงมองซูจิ่นซีอย่างละเอียดอีกครั้ง คิ้วของนางสั่นไหวเล็กน้อย
“เจ้า… เจ้าคือคนเผ่าเม้ย… ” ผ่านไปครึ่งประโยค ดูเหมือนนางจะพลาดอันใดบางอย่างไป จึงพูดเสริมว่า “ไม่ เจ้าเป็นคนจากเขาคุนหลุน”
จากน้ำเสียงของวิญญาณสีแดง เห็นได้ชัดว่าทูตทั้งสี่ตนให้ความเคารพคนจากเขาคุนหลุน
สถานะนี้มีประโยชน์อย่างมาก ซูจิ่นซีไม่ใช้ประโยชน์ไม่ได้แล้ว
นางวางมาดขึ้นอีกนิด ยกหลังมือปิดปากและกระแอมสองครั้ง ก่อนจะพูดด้วยท่าทางจริงจังว่า “ใช่แล้ว ข้าเป็นคนจากเขาคุนหลุน ข้าคือ… ดอกบัวในสระบัวใต้พระที่นั่งของซีหวังมู่”
แม้พวกนางจะดูออกนานแล้ว ทว่าเมื่อได้ยินซูจิ่นซียอมรับจากปากตนเอง ดวงวิญญาณทั้งสี่ก็ตกตะลึงเล็กน้อย
“โอ้ ที่แท้เป็นเจ้าจริงๆ ! ”
“ไม่คิดว่าคนจากเขาคุนหลุนจะมายังสถานที่เล็กๆ ของเราเช่นนี้”
ชั่วขณะหนึ่ง วิญญาณทั้งสี่มองซูจิ่นซีด้วยท่าทางตื่นเต้นจนลืมหน้าที่ปกป้องไฟศักดิ์สิทธิ์ภายในตำหนัก
เมื่อเห็นท่าทางของพวกนาง ซูจิ่นซีก็อดขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
กล่าวกันว่าทูตทั้งสี่ที่ปกป้องตำหนักเทพหวงอินโหดร้าย เย็นชาอย่างมาก อีกทั้งยังมีพลังร้ายกาจอีกด้วย
ซูจิ่นซีไม่เห็นท่าทางเช่นนั้นแม้แต่น้อย!
สิ่งที่นางเห็นดูเหมือนจะเป็นวิญญาณสาวสี่ดวงที่มี ‘ความรัก’
แน่นอนว่า ‘ความรัก’ นี้ไม่ได้หมายถึงการได้พบซูจิ่นซี
ทูตทั้งสี่ยังแสดงออกอย่างเป็นปกติ
ตัวอย่างเช่น จู่ๆ พวกนางก็เก็บอาวุธในมือ และคว้าแขนของซูจิ่นซีเขย่าไปมา
“ท่านเซียนดอกบัว พวกเราได้ยินมาว่า ใต้พระที่นั่งของซีหวังมู่มีเทพกระเรียนเฝ้าสระบัว เจ้าสามารถเห็นเทพกระเรียนในสระบัวได้ทุกวันใช่หรือไม่? ”
“ใช่! ใช่ ข้าได้ยินมาว่าเทพกระเรียนมีใบหน้าหล่อเหลาคมคายมากใช่หรือไม่? ”
“บอกพวกเรามาเร็วเข้า เขามีหน้าตาเป็นอย่างไร? ”
การแสดงออกบนใบหน้าของซูจิ่นซีแห้งเหี่ยวในทันที โดยไม่ต้องหันไปมอง นางก็สามารถสัมผัสได้ถึงสายตาของเยี่ยโยวเหยาที่กำลังมองมาทางนาง
ยามที่ร้อนอบอ้าว ก็ร้อนยิ่งกว่าไฟศักดิ์สิทธิ์ภายในตำหนัก ยามที่หนาวเหน็บ ก็เย็นยะเยือกยิ่งกว่าหิมะขาวโพลนบนภูเขาน้ำแข็ง
ซูจิ่นซียิ้มแห้งด้วยรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนาง ทั้งไม่ยืนยันและไม่ปฏิเสธ
หากท่านอ๋องผู้ชั่วร้ายเกิดความหึงหวง ผลลัพธ์ที่ตามมาคงร้ายแรงยิ่งนัก
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เมื่อวิญญาณทั้งสี่มั่นใจว่าพวกเขาไม่สามารถถามสิ่งใดจากปากของซูจิ่นซีได้ แม้พวกเขาจะไม่เต็มใจนัก ทว่าพวกเขาจำเป็นต้องยอมแพ้
ซูจิ่นซีเน้นย้ำความตั้งใจของนางอีกครั้ง
“ข้าและสามีมาที่นี่เพื่อขอไฟศักดิ์สิทธิ์ ท่านทูตทั้งสี่ได้โปรดมอบให้พวกเราด้วย”
สามี…
สายตาของดวงวิญญาณทั้งสี่จับจ้องไปที่เยี่ยโยวเหยา พวกเขาพลันประหลาดใจ
แต่เนื่องจากรัศมีที่กดดันและเยือกเย็นของเยี่ยโยวเหยา พวกนางจึงไม่กล้ามองเยี่ยโยวเหยาโดยตรงมากเกินไป
อันที่จริง บุรุษผู้นี้ก็หล่อเหลาไม่เบาเช่นกัน!
ทว่าหัวใจทั้งหมดของพวกนาง ถูกดึงดูดโดยเทพกระเรียนที่อาศัยอยู่ในสระบัวบนเขาคุนหลุน ผู้ที่พวกนางไม่เคยพบเห็นมาก่อน
นอกจากนั้น รัศมีของเยี่ยโยวเหยาแข็งแกร่งเกินไป ต่อให้มอบความกล้าเพื่อให้พวกนางมอง พวกนางก็ไม่กล้ามอง!
“ท่านทูตทั้งสี่? ” ซูจิ่นซีเอ่ยเรียกอีกครั้ง
ทันใดนั้น วิญญาณสีแดงก็แย้มยิ้ม “ในเมื่อท่านเซียนต้องการ ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้ ทว่า… ” วิญญาณสีแดงยังกล่าวไม่จบ ดวงตาของนางก็ทอประกาย
“ทว่าอันใด? ”
“ทว่า ท่านต้องเอาชนะพวกเราทั้งสี่คนก่อน ข้าถึงจะมอบไฟศักดิ์สิทธิ์นี้ให้ท่าน! นี่คือกฎของตำหนักเทพหวงอิน”
บรรพบุรุษเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์เช่นนี้ แม้ทูตทั้งสี่จะเคารพและศรัทธาซูจิ่นซีมากเพียงใด พวกนางก็ไม่สามารถละเมิดกฎและมอบไฟศักดิ์สิทธิ์ให้ซูจิ่นซีได้!
ขณะที่พูด ใบหน้าที่แสดงออกถึง ‘ความรัก’ ของวิญญาณสีแดงก็หายไปในทันที เปลี่ยนเป็นท่าทางเคร่งขรึมเพื่อทำตามหน้าที่
นางแสดงท่าทางเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับซูจิ่นซี
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากอ่อนโยน พลางหันไปมองเยี่ยโยวเหยา “ท่านอ๋อง สตรีต่อสู้กัน ท่านไม่ควรเข้ามาแทรกแซง เช่นนั้น ท่านอ๋อง… ยืนรออยู่ด้านข้างดีหรือไม่เพคะ? ”
เห็นได้ชัดว่าเยี่ยโยวเหยาไม่ใส่ใจที่จะรอ “จัดการให้เร็วที่สุด”
“เพคะ! ”
ซูจิ่นซีพยักหน้าและชักกระบี่เฟิ่งอวี่ออกมา
ทันทีที่เห็นกระบี่เฟิ่งอวี่ ดวงตาของวิญญาณสีแดงก็ทอประกายด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง นางระงับความตื่นเต้นไว้ในใจและพุ่งเข้าโจมตีซูจิ่นซี
ทูตที่จักรพรรดิแคว้นจิ้นโหลวไว้ใจให้อยู่พิทักษ์ตำหนักเทพหวงอินย่อมไม่ธรรมดา อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีไม่คิดดูแคลนคู่ต่อสู้
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุด ซูจิ่นซีก็เอาชนะทูตทั้งสี่ได้สำเร็จ ทว่าซูจิ่นซีรู้จักแยกแยะ แม้วิญญาณทั้งสี่จะพ่ายแพ้ แต่พวกนางไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด
วิญญาณสีแดงเป็นหัวหน้าของวิญญาณทั้งสี่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความชื่นชม ก่อนจะพาซูจิ่นซีไปตำหนัก
“ท่านเซียน ไฟศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างใน เมื่อท่านเอาชนะพวกเราทั้งสี่ได้ ไฟศักดิ์สิทธิ์ก็จะเป็นของท่าน ท่านเซียนเชิญ! ”
ซูจิ่นซีมีท่าทางสงบนิ่ง นางหยิบกระถางหงส์สัมฤทธิ์ออกมาจากระบบถอนพิษอีกครั้ง และเดินเข้าไปในตำหนักด้วยจังหวะก้าวที่มั่นคง
ขณะที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์กำลังลุกโชน ซูจิ่นซีเปิดกระถางหงส์สัมฤทธิ์ เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังลุกโชนค่อยๆ ไหลเข้าไปในกระถางหงส์สัมฤทธิ์ดั่งกระแสน้ำ
จนกระทั่งรวบรวมเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดแล้ว ซูจิ่นซีจึงวางกระถางหงส์สัมฤทธิ์ลงบนพื้นอย่างมั่นคง
ทันใดนั้น วิญญาณทั้งสี่ก็พุ่งเข้ามาและคุกเข่าข้างหนึ่งลงเบื้องหน้าซูจิ่นซี
“ในเมื่อท่านเซียนรับไฟศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เช่นนั้น โปรดรับวิญญาณของพวกเราทั้งสี่ไปด้วย! ”
“ใช่แล้ว ท่านเซียน ผนึกของตำหนักเทพหวงอินถูกทำลายไปแล้ว ไฟศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว หากพวกเราอยู่ที่นี่ก็ไม่มีหน้าที่อันใด ท่านเซียนรับพวกเราไปด้วยเถิด จากนี้พวกเราจะติดตามท่านเซียนตลอดไป! ”
“ท่านเซียน รับพวกเราไปด้วยเถิด! ”
รับเลี้ยงดู?
รับดูแล?
ซูจิ่นซีชั่งน้ำหนักความสามารถของตนเอง นางรับเลี้ยงทั้งสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสี เพียงวิญญาณทั้งสี่คงไม่น่าจะมีปัญหาอันใด
ทว่า นางไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้เพียงผู้เดียว!
อย่างไรเสีย หญิงงามทั้งสี่ก็ไม่เหมือนสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสี พวกมันเป็นสัตว์ในตำนาน
มีสาวงามเคียงข้างทั้งวันทั้งคืน อีกทั้งสามีของนางก็หล่อเหลาเอาการ ไม่สะดวกอย่างมาก!
เมื่อครุ่นคิดมาถึงจุดนี้ ซูจิ่นซีก็อดมองไปทางเยี่ยโยวเหยาไม่ได้