ตอนที่ 461 กุมมือกัน

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตู๋กูซิงหลันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

 

 

ชั่วขณะที่เสียสมาธิไปนั้น หางของอสุรกายโลกันตร์ก็ฟาดมาทางนี้ พุ่งเป้ามาที่หน้าผากของนาง!

 

 

ในตอนนั้น ตู๋กูซิงหลันรู้สึกแต่ว่าใต้ฝ่าเท้าว่างเปล่า ร่างเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนที่เย็นยะเยือก

 

 

ได้ยินเสียง ‘ตึ้ง’ ดังขึ้นมา หางของอสุรกายโลกันตร์ฟาดลงมาบนแขนของจีเฉวียนอย่างรุนแรง

 

 

ขนาดตู๋กูซิงหลันถูกเขาโอบเอาไว้ในอ้อมแขน ยังรู้สึกได้ถึงแรงฟาดที่รุนแรงจนกระดูกสั่นสะท้าน

 

 

แทบจะทำให้คนกระอักเลือดออกมา!

 

 

บนแขนของจีเฉวียนปรากฏหมอกสีดำที่เข้มข้นหนาแน่น รับแรงฟาดของอสุรกายโลกันตร์เมื่อครู่นี้เอาไว้

 

 

มือของเขายังคงกุบดาบสีดำทองเล่มนั้นเอาไว้ ตัวดาบเกิดรอยร้าวขึ้นมารอยหนึ่ง

 

 

ดาบเล่มนั้นแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าดาบยักษ์ แม้แต่ยามที่เข้าปะทะกับพัดวายุหลายครั้งก็ยังไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย ตอนนี้ถูกอสุรกายโลกันตร์นั่นฟาดลงมา กลับเกิดรอยร้าว

 

 

เห็นได้ชัดว่า เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นแข็งแกร่งถึงเพียงไหน!

 

 

ตู๋กูซิงหลันลืมตาขึ้นมา ก็ได้สบตาเข้ากับสายตาของจีเฉวียนพอดี นางไม่เคยเห็นแววตาที่จริงจังในดวงเนตรหงส์คู่นั้นเช่นนี้มาก่อนเลย

 

 

เขาเอ่ยว่า “ซิงซิง เจ้าเป็นห่วงเรา”

 

 

ตู๋กูซิงหลันไม่ได้ตอบ นางสมควรคิดได้ตั้งแต่แรกแล้ว…..ว่าฮ่องเต้สุนัขผู้นี้ไม่มีท่างตายได้ง่ายๆ

 

 

เขามันคนบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ดวงแข็งยิ่ง!

 

 

“ข้ารู้อยู่แล้วว่า ในใจของเจ้าต้องมีข้าอยู่อย่างแน่นอน” มุมปากของเขายกโค้ง มือข้างที่กอดตู๋กูซิงหลันเอาไว้รัดจนแนบแน่น

 

 

ดวงพักตร์ที่งดงามล้ำโลกนั้นเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างปิดไม่มิด

 

 

เราไม่มีทางยอมตาย…..อย่างน้อยๆก่อนที่จะได้ปกป้องเจ้าให้ปลอดภัย ก็จะไม่ยอมตาย

 

 

พระองค์พลิกพระหัตถ์ที่กุมดาบสีดำทองนั้นไปไว้ด้านหลังในมุมที่ตู๋กูซิงหลันมองไม่เห็น ข้อพระหัตถ์มีโลหิตไหลซึมออกมา

 

 

พอเห็นว่ามนุษย์ที่เดิมสมควรถูกตนเองกระทืบจนตายไปแล้วกลับยังปรากฏตัวขึ้นมาได้อีก อสุรกายโลกันตร์ก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมา

 

 

มันถูกตู๋กูซิงหลันแทงดวงตาจนบอดไปข้างหนึ่ง เดิมที่ก็เดือดดาลจนบ้าคลั่งอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมาเห็นไอ้มนุษย์ที่สมควรตายผู้นั้นมาเพ้อรำพันความรักอีก ย่อมทนไม่ไหวอีกต่อไป!

 

 

มังส่งเสียงคำรามโบกหางขนาดใหญ่ที่มีลาวาติดอยู่ ฟาดออกไป

 

 

แต่ว่าคราวนี้ จู๋จู๋ที่มีใบหน้าเป็นคนร่างเป็นมังกรทะลวงร่างกายอันใหญ่โตโอฬารผ่านแผ่นน้ำแข็งที่สูงท่วมฟ้าเข้ามาแล้ว มันอ้าปากขึ้นพ่นเกล็ดน้ำแข็งจำนวนมหาศาลออกมา

 

 

เกล็ดน้ำแข็งแต่ละก้อนทั้งใหญ่และหนา หนักเท่าเสาหลักของวังมังกรทมิฬ

 

 

พอสาดออกมา แม้แต่หางของอสุรกายโลกันตร์ก็ยังแข็งค้าง

 

 

จีเฉวียนโอบตู๋กูซิงหลันเอาไว้ ขยับร่างไหววูบเหาะไปในอากาศร่อนลงบนศีรษะของจู๋จู๋ แววพระเนตรเย็นชา จับจ้องอยู่ที่อสุรกายโลกันตร์และด้านหลังของอสุรกายโลกันตร์…..เยี่ยเฉินที่กำลังจะหลบหนี

 

 

อุปนิสัยของเยี่ยเฉินนั้นทั้งหยิ่งผยองและดื้อดึง ทางว่าเป็นตัวเขาเพียงลำพัง เกรงว่าต่อให้ต้องตายก็จะรบให้ได้ ตอนนี้กลับคิดแต่จะหลบหนี ไปให้ไกลจากที่นี่

 

 

จีเฉวียนหรี่ดวงเนตรหงส์ทั้งคู่ลง ไม่คิดจะปล่อยเขาไปแม้แต่น้อย

 

 

พระองค์วางตู๋กูซิงหลันลง คนหนึ่งกุมดาบยักษ์เอาไว้ อีกคนหนึ่งถือดาบดำทอง ทั้งสองยืนอยู่บนร่างของจู๋จู๋ หนึ่งแดงหนึ่งดำ งดงามจนผู้คนต่างสูดลมหายใจเข้าไป

 

 

“ตัวประหลาดนี้หากไม่กำจัดให้สิ้นซาก เกิดหลุดออกไปนอกก้นทะเลก็จะกลายเป็นความยุ่งยากมหาศาล” ตู๋กูซิงหลันยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา ถัดจากก้นทะเลออกไปก็คือทะเลตะวันตก จากทะเลตะวันตกก็คือแคว้นเหยียน

 

 

เมื่อไม่นานมานี้แคว้นเหยียนพึ่งจะประสบกับมหันตภัยยิ่งใหญ่ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเวลาฟื้นฟู ไม่อาจทนรับกับมหันตภัยอีกครั้งได้

 

 

ในเมื่อนางเป็นฮ่องเต้หญิงแห่งแคว้นเหยียน ตู๋กูซิงหลันก็มีภาระและหน้าที่ที่จะต้องปกป้องประชาชนของตนเอง

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นหากว่าตัวประหลาดตัวนี้หลุดเข้าไปในแดนมนุษย์ เกรงว่าทั่วทั้งแผ่นดินคงต้องตกอยู่ในเปลวเพลิงแล้ว

 

 

เหล่านักพรตบนแผ่นดินหากต้องรับมือเจ้าตัวประหลาดนี้ เกรงว่าคงจะไม่พอให้มันยาขี้ฟันด้วยซ้ำ!

 

 

ขณะที่ตู๋กูซิงหลันมองไปยังจีเฉวียน จีเฉวียนก็หันมาสบตานางเช่นกัน

 

 

“เรารู้ถึงความคิดในใจของเจ้าอยู่แล้ว ย่อมต้องไม่ปล่อยมันออกไปอย่างแน่นอน” จีเฉวียนตรัสต่อไป พลางยื่นพระหัตถ์ออกไปหานาง “ซิงซิง เรารู้ว่าในใจของเจ้าห่วงใยชีวิตของผู้คนนับพันนับหมื่น ร่วมมือกับเรา เจ้าตัวประหลาดนี้ย่อมไม่อาจออกไปได้”

 

 

แม้จีเฉวียนเป็นคนโหดเ**้ยม แต่ก็เป็นฮ่องเต้ที่ดีอย่างยิ่ง จุดนี้เขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง

 

 

หวาชางสุ่ยนั้นตายไปแล้ว พระองค์กับตู๋กูซิงหลันสามารถเลือกที่ปล่อยทุกสิ่งตรงหน้าไว้ หลบหนีจากไป ทอดทิ้งเรื่องยุ่งยากเหล่านี้ไว้โดยไม่ต้องสนใจ หลบไปอยู่ในที่ปลอดภัยอย่างอิสระเสรี

 

 

ด้วยพลังและความสามารถของทั้งสองในยามนี้ คิดจะไปครอบครองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในที่ใดก็ได้ทั้งนั้น

 

 

แต่ว่าคนโหดๆทั้งสองคนนี้กลับเป็นผู้ที่มีความรักอันยิ่งใหญ่ต่อใต้หล้า

 

 

ไม่อาจทนมองดูซากศพกลาดเกลื่อนทั่วพื้นแผ่นดินได้ …..ดังนั้นความคิดและจิตใจจึงพุ่งไปในทางเดียวกัน

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูเขาอย่างลึกซึ้งคราหนึ่ง ในชั่วพริบตานั้นเหมือนนางจะได้เห็นเงาของท่านอาจารย์จากร่างของเขา

 

 

ตอนที่อยู่ในโลกปัจจุบัน ท่านอาจารย์เคยบาดเจ็บครั้งหนึ่ง เพราะใช้พลังทั้งหมดไปช่วยชีวิตของผู้คนในเมืองเมืองหนึ่งเอาไว้

 

 

ตอนนั้นท่านอาจารย์บอกว่า ผู้คนทั้งหลายใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก การช่วยชีวิตผู้คนก็เท่ากับเป็นการช่วยชีวิตตนเอง

 

 

ตอนนั้นนางไม่เข้าใจ

 

 

รู้สึกแค่ว่าการช่วยเหลือสรรพชีวิต ช่างเป็นเรื่องโอ้อวดศักดามากเกินไป

 

 

แต่ว่าตอนนี้นางได้เรียนรู้จากประสบการณ์แล้ว นางเคยได้พบเห็นแผ่นดินที่งดงามเจริญรุ่งเรือง และก็เคยได้พบเห็นผู้คนใต้หล้าที่ตกระกำลำบาก

 

 

ได้เจอญาติพี่น้อง พอเห็นคนมีครอบครัวมีความรักอันอบอุ่นจำต้องพรากจากกัน ……ก็เกิดความเห็นอกเห็นใจขึ้นมา

 

 

จีเฉวียนและท่านอาจารย์มีรูปโฉมที่ไม่เหมือนกัน อุปนิสัยยิ่งแตกต่างกันมาก แต่ว่ามีอย่างหนึ่ง ที่ทั้งสองมีตรงกัน นั่นก็คือจิตใจที่ห่วงใยสรรพชีวิต มีเมตตาอันยิ่งใหญ่

 

 

ทรวงอกของนางเต้นตึกตัก ในขณะที่แววตาของจีเฉวียนกำลังรอคอยด้วยความมุ่งมั่นอยู่นั้น ในที่สุดนางก็ยื่นมือออกไปกุมมือของเขาเอาไว้

 

 

“ตกลง ไปด้วยกัน” นางพยักหน้า เกาะกุมมือของจีเฉวียนเอาไว้อย่างแนบแน่น

 

 

ปล่อยเยี่ยเฉินเอาไว้ด้านนั้นก่อน รอให้จัดการเจ้าตัวประหลาดนี้เรียบร้อยแล้ว ค่อยไปคิดบัญชีกับเขาทีหลัง!

 

 

อสุรกายโลกันตร์ขุ่นเคืองจนกระทืบเท้าไปมา!

 

 

ไม่เห็นหรือว่ามันเอาจริงเอาจังกับการต่อสู้ครั้งนี้ถึงเพียงไหนหรือไง? เจ้ามนุษย์สองคนนี้ถึงได้ยังกล้ามาจับมือจับไม้แสดงความรักต่อกันอยู่อีก?”

 

 

ภาพตรงหน้าแทบจะทำให้มันย้อนนึกไปถึงเมื่อหมื่นปีก่อนโน่น สองคนนั้นก็เช่นกัน จะต่อสู้ก็ยังจะจับมือกันเอาไว้ จะเป็นจะตายก็จะไปด้วยกันอย่างเหนียวแน่น!

 

 

รักใคร่กลมเกลียวจนสมควรถูกเผาตายไปเสีย!

 

 

อย่าให้รอดไปได้แม้สักคน!

 

 

จู๋จู๋พ่นเกล็ดน้ำแข็งจำนวนมหาศาลออกมาควบคุมกำลังของน้ำทะเลที่จะทะลักเข้ามาเอาไว้ ขณะที่หางมังกรสีแดงขนาดใหญ่ของมันก็โบกสะบัดออกไป ต่อสู้อย่างพัวพันกับหางของอสุรกายโลกันตร์

 

 

ตัวหนึ่งครอบครองน้ำ ตัวหนึ่งครอบครองไฟ

 

 

หางของทั้งสองฟาดฟันเข้าใส่กัน จนเกิดเสียงอึกทึกคึกโครม เพียงแค่เสียงกระแทกฟาดฟันก็เพียงพอจะทำให้ร่างที่ได้ยินสะท้านจะสลายได้แล้ว

 

 

“โจมตีที่ตาของมัน!” ตู๋กูซิงหลันกุมดาบยักษ์เอาไว้ กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนออกไป

 

 

หากใช้กำลังเข้าสู้ เกรงว่าต่อให้นางกับจีเฉวียนรวมกันก็คงยังไม่อาจแทงเจ้าสัตว์ประหลาดนี้ให้ตายได้ ได้แต่ใช้แผนการเข้าจู่โจมแล้ว

 

 

ต้องบีบให้มันถอยกลับลงไปใต้ภูเขาไร้สิ้นสุด ค่อยกักขังมันเอาไว้ในนั้นอีกครั้ง

 

 

ตู๋กูซิงหลันวางแผนการเอาไว้เช่นนี้

 

 

จีเฉวียนขยิบตารับ ขยับร่างไหววูบ ควงดาบเข้าโจมตี

 

 

……………………..

 

 

ใต้หุบเหวไร้ก้น เยี่ยจ้านกังวลจนจิตใจไม่สงบ

 

 

ถึงแม้ว่าหุบเหวไร้ก้นจะอยู่ลึกสุดหยั่ง แต่ว่าเขาก็ยังได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากด้านบนอยู่ไม่ขาด

 

 

และยิ่งมีลาวาไหลลงมาในหุบเหวไร้ก้นอย่างต่อเนื่อง

 

 

เขาขมวดคิ้วมุ่น…..

 

 

อสุรกายโลกันตร์ถูกปลดปล่อยออกมาแล้วหรือ?

 

 

ด้วยกำลังของเสี่ยวหลัน ยังไม่อาจต้านทานมันได้ …..เพราะตอนนั้นยังต้องอาศัยกำลังของเขาและซื่อมั่วสองคนร่วมกันจึงจะสามารถบีบบังคับมันให้ลงไปใต้ภูเขาไร้สิ้นสุดได้

 

 

ในตอนนั้นเอง ในมือของเขาก็ปรากฏลูกแก้วลูกหนึ่งขึ้นมา

 

 

ท่ามกลางความมืดมิดในหุบเหวไร้ก้น ลูกแก้วกระพริบส่องแสงจากภายใน จากนั้นก็ปรากฏแสงสว่างที่งดงามออกมา

 

 

 

 

 

 

………………………………….

 

 

ตอนต่อไป “ซื่อมั่ว?”