หนานกงหยู่ส่งเสียงไม่พอใจ “เฉินไต้ซือฆ่าลูกหลานฉัน ฆ่าทายาทของฉัน ทำลายการสืบทอดของตระกูลหนานกง นายคิดว่าเป็นการเข้าใจผิดไหม?”

ในใจเฉินกั๋วเหลียงเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง บางทีเฉินไต้ซือจากปากของคนผู้นี้ เกี่ยวข้องกับเฉินโม่

เพียงแต่เฉินกั๋วเหลียงหวังว่าการคาดเดาของเขาผิดพลาด

“นายท่าน ตระกูลเฉินของฉันไม่มีเฉินไต้ซืออะไรจริงๆ หวังว่านายท่านจะสืบอย่างแน่ชัด!” เฉินกั๋วเหลียงพูดจบ ก็โค้งคำนับอีกครั้ง ท่าทางถ่อมตัวเป็นอย่างมาก

หนานกงหยู่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “บางทีหมอนั่นไม่ได้บอกสถานะของตัวเองกับพวกนาย เฉินไต้ซือก็คือเฉินโม่ อย่าบอกฉันนะว่าเฉินโม่ไม่ใช่คนตระกูลเฉินของนาย!”

อะไรนะ!

เฉินไต้ซือก็คือเฉินโม่

คราวนี้ทุกคนตระกูลเฉินตกใจหมด

“ที่แท้เฉินโม่ก็คือเฉินไต้ซือ ถึงว่าแม้แต่คนของตระกูลมู่หรงที่แห่งเจียงหนานก็เคารพนบนอบเฉินโม่เช่นนี้!”

“คราวนี้พวกเราได้รู้ต้นสายปลายเหตุสักที!”

คนตระกูลเฉินเหมือนกับลืมอันตรายตรงหน้า เริ่มพูดคุยกัน

เฉินจิงเย่มองไปทางหลี่ซู่เฟินอย่างตกตะลึงแล้วพูดขึ้น “เสี่ยวโม่ทำไมถึงได้กลายเป็นเฉินไต้ซือ?”

เฉินจิงเย่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของเฉินไต้ซือ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเชื่อมโยงเฉินไต้ซือกับเฉินโม่ลูกชายของเขาเข้าด้วยกันได้

หลี่ซู่เฟินเดาสถานะของเฉินโม่ได้ตั้งนานแล้ว ถึงแม้เฉินโม่ไม่ได้เป็นฝ่ายบอกเธอ ตอนนี้ถูกเฉินจิงเย่ถามขึ้น หลี่ซูเฟินไม่รู้จะตอบอย่างไรชั่วขณะ

เฉินจิงเย่สีหน้าแย่ “เธอรู้ตั้งนานแล้วใช่ไหม? พวกเธอปิดบังฉันมาตลอด!”

หลี่ซู่เฟินถอนหายใจ “จิงเย่ คุณอย่าเพิ่งโมโห ฉันก็ถูกปิดบังมาโดยตลอด เมื่อไม่นานนี้ฉันถึงเพิ่งเดาสถานะของเสี่ยวโม่ได้”

สำหรับเรื่องที่เฉินโม่คือเฉินไต้ซือ ในตอนนี้เฉินจิงเย่ไม่อยากพูดอะไรมาก แต่เฉินโม่ทำไมถึงได้บาดหมางกับยอดฝีมือแบบนี้ได้เยี่ยงไร?

และดูเหมือนว่าเฉินโม่แทบจะฆ่าล้างโคตรพวกเขา!

ตอนนี้เขาตามมาถึงบ้าน ควรจะทำอย่างไร?

เฉินกั๋วเหลียงควบคุมความตื่นตระหนกในใจ มองไปทางหนานกงหยู่ เสียงเข้มพูดขึ้น “เฉินโม่คือหลานชายของฉัน เด็กคนนี้อ่อนน้อมถ่อมตนและรักษาจริยธรรม ไม่น่าจะฆ่าครอบครัวของนายท่านอย่างไร้เหตุไร้ผล อยากถามนายท่านว่าได้เห็นหลานชายของฉันฆ่าครอบครัวของท่านด้วยตาตัวเองหรือไม่? นายท่านอย่าได้ถูกผู้อื่นหลอกใช้ล่ะ!”

“สามหาว!”หนานกงหยู่ตะโกนเสียงดัง สะเทือนจนขวดและโหลในลานโคลงเคลง

“กู่ฉางเฟิงผู้ดูแลกระบี่ของฉันบอกกับฉันด้วยปากตัวเอง จะเป็นเรื่องเท็จไปได้หรือ! เฉินโม่ล่ะ เรียกเขาออกมาพบฉัน!”

เฉินกั๋วเหลียงพูด “ไม่ปิดบังนายท่าน เสี่ยวโม่ถูกโส่วจ่างท่านหนึ่งรับตัวไปเมื่อวันก่อน กำลังรับใช้ประเทศชาติ ถ้าหากนายท่านเชื่อฉันแซ่เฉินได้ รอให้เสี่ยวโม่กลับมา ฉันจะพาเขามาพบนายท่านด้วยตัวเองเป็นเช่นไร?

หนานกงหยู่ส่งเสียงไม่พอใจ “รับใช้ประเทศชาติ? นายไม่ต้องใช้อำนาจของโลกมนุษย์มาขู่ฉัน ตอนนี้ฉันไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีสิ่งใดต้องเป็นห่วง ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น!”

“ฉันให้เวลานายสามวัน ส่งตัวเฉินโม่ออกมา และให้นายพาคนตระกูลเฉินทั้งหมด ไปคุกเข่าแสดงความเคารพและขอโทษต่อหน้าสุสานบรรพบุรุษตระกูลกงหนานของฉัน มิเช่นนั้น ฉันจะทำให้ตระกูลเฉินนองเลือด!”

พูดจบ หนานกงหยู่สะบัดแขนชุดคลุม เดินลอยหน้าลอยตาออกไป

เมื่อเห็นหนานกงหยู่ออกไป ทุกคนตระกูลเฉินรู้สึกว่าภูเขาใหญ่ที่ทับอยู่บนตัวหายไปแล้ว

“แม่เจ้า น่าหวาดกลัวมาก นี่ใช่คนหรือเปล่า?” มีคนรุ่นหลังตระกูลเฉินพูดขึ้นอย่างตกตะลึง

“เฉินโม่ล่ะ คนคนนี้เป็นเขาที่ยั่วยุมา ให้เขาไปจัดการสิ!”

“ใช่ ให้เฉินโม่ออกหน้าจัดการ ไม่เช่นนั้นเขาจะทำให้ตระกูลเฉินนองเลือดนะ!

คนตระกูลเฉินอุตลุดกันไปหมด พากันเรียกร้องให้เฉินกั๋วเหลียงพาเฉินโม่กลับมา

เฉินกั๋วเหลียงตะคอกเสียงดัง “หยุดเถียงกัน ตอนนี้เสี่ยวโม่กำลังรับใช้ชาติ ระยะเวลาสั้นๆ เกรงว่าจะกลับมาไม่ได้ ฉันคิดหาวิธีติดต่อเบื้องบนก่อน เชื่อว่าเรื่องนี้ประเทศชาติไม่มีทางไม่สนใจ!