ลู่ฝานหรี่ตาลงครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ท่านผอ.อย่าบอกนะว่า……ฝ่าบาทจะฆ่าผม!”

เทียนหยาจื่อตบไหล่ลู่ฝานแล้วพูดว่า “ความเข้าใจไม่เลว อธิบายนิดหน่อยก็เข้าใจทันที ลู่ฝาน นายต้องรู้ว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะที่มีศักยภาพ ฝ่าบาทชอบคนมีความสามารถ นายกับพวกลูกน้องของไท่จื่อ สู้กันไปสู้กันมา ถึงนายฆ่าพวกองครักษ์ในจวนไท่จื่อจนหมด แค่ไม่ทำร้ายไท่จื่อ นายก็จะไม่มีปัญหาอะไร เพราะแค่ฝ่าบาทรู้สึกว่านายสามารถบ่มเพาะได้ เป็นอัจฉริยะของประเทศอู่อาน อย่างมากก็แค่ส่งนายไปเป็นทหาร หลังจากนั้นก็ออกแรงช่วยเหลือที่ชายแดน สร้างความดีความชอบในการสู้รบ แล้วค่อยกลับมา

แต่ถ้านายฆ่าคนเพื่อองค์ชายรอง ลักษณะจะเปลี่ยนไปทันที นายจะกลายเป็นสุนัขรับใช้ กลายเป็นตัวสร้างความวุ่นวาย เป็นคนที่ขัดขวางความสามัคคีของราชวงศ์ แม้เป็นเพียงความสามัคคีแค่เปลือกนอกก็เถอะ ไม่ว่าฝ่าบาทจะเห็นว่านายเป็นอัจฉริยะยังไงก็เถอะ ยังไงก็ต้องฆ่านาย ใช้กฎหมายลงโทษตักเตือน เพราะเรื่องที่นายทำ อาจทำให้สงครามระหว่างองค์ชายทั้งสอง ถูกเปิดเผยออกมาได้ เหมือนอุจจาระถังหนึ่ง อย่ามากก็แค่ส่งกลิ่นไปทั่วห้อง แต่เมื่อมีตัวป่วนที่เป็นไม้กวนอุจจาระอย่างนาย ก็จะทำให้กลิ่นเหม็นฟุ้งไปสิบลี้ ถ้านายไม่ตาย แล้วจะให้ใครตายล่ะ!”

ลู่ฝานพยักหน้าอย่างเข้าใจ ที่แท้อันตรายที่แท้จริงอยู่ตรงหน้านี่เอง เมื่อเทียบกับสิ่งนี้แล้ว การต่อสู้ของเขากับจางกวัง ธรรมดาจนไม่ควรค่าให้พูดถึงเลยจริงๆ

ลู่ฝานรับคำสอนอย่างอ่อนน้อมถ่อมตัว เขาถามว่า “งั้นต่อไปผมควรทำยังไงครับท่านผอ.”

เทียนหยาจื่อพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่านายรับผลประโยชน์จากองค์ชายรองมาเท่าไร และทำข้อตกลงส่วนตัวอะไรกับองค์ชายรองเอาไว้บ้าง แต่ตอนนี้ฉันจะเตือนนายว่า ถ้าครั้งหน้าองค์ชายรองมาหานายอีก ให้นายปฏิเสธทันที เมื่อถึงตอนนั้นยิ่งโจ่งแจ้งมากเท่าไรยิ่งดี ทำให้คนในใต้หล้ารู้ว่านายไม่ได้คิดเหมือนองค์ชายรอง อย่างน้อยก็ไม่ใช่พวกเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้องค์ชายรองกับไท่จื่อเกลียดนาย แต่ตัวนายสุขสบายไร้เหตุกังวลใจ ถือโอกาสบอกนายเลยแล้วกัน ฝ่าบาทจับตามองนายแล้ว และเมื่อฝ่าบาทจับตามองนาย แผนชั่วร้ายลับๆ มากมาย ก็จะไม่มายุ่งกับนายอีก”

ลู่ฝานทำความเคารพอีกครั้ง ได้ยินคำพูดของเทียนหยาจื่อ ตอนนี้นับว่าเขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว

“ศิษย์เข้าใจแล้วครับท่านผอ.”

เทียนหยาจื่อยิ้มแล้วพูดว่า “เด็กอย่างนายเป็นคนฉลาด มีความสามารถ จะขาดก็แต่ประสบการณ์อีกนิดหน่อย อันที่จริงการต่อสู้ของนายกับจางกวัง ฉันไม่กังวลเลยสักนิด ได้ยินว่านายเข้าสู่แดนปราณดินแล้วใช่ไหม”

ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “ใช่ครับ เข้าสู่แดนปราณดินแล้ว เพิ่งทำให้ระดับแดนมั่นคงครับ”

เทียนหยาจื่อลูบเครา แล้วพูดว่า “ดูเหมือนภายในสิบปี นายต้องเข้าสู่แดนปราณฟ้าแน่นอน สถาบันสอนวิชาบู๊เขตตงหวา จะมีชื่อเสียงเพราะนายแล้ว จำไว้ว่าถ้าต่อไปมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาจริงๆ กลายเป็นผู้โดดเด่นมีอำนาจ เวลาพูดเรื่องในอดีตกับใคร ต้องพูดถึงสถาบันสอนวิชาบู๊เยอะๆ นะ ให้คนที่ใกล้ตายอย่างฉัน ได้มีความสุขในช่วงสุดท้าย”

ลู่ฝานพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้วครับ!”

เมื่อทั้งสองคุยเรื่องสำคัญเสร็จเรียบร้อย ก็เริ่มดื่มเหล้ากัน

คุยกันไปคุยกันมา มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง

เทียนหยาจื่อยังเล่าเรื่องเกี่ยวกับคนและเรื่องที่ต้องระวังในเมืองหลวง รวมถึงอำนาจใหญ่ๆ สิบตระกูลใหญ่ หน่วยองครักษ์เสิ่นหวา เป็นต้น

เรื่องพวกนี้ทำให้ลู่ฝานได้ประโยชน์มาก รู้จักอำนาจใหญ่ต่างๆ ในเมืองหลวงอย่างถ่องแท้ขึ้นทันที แต่ลู่ฝานก็ยังไม่เข้าใจนิดหน่อย เหมือนท่านผอ.เทียนหยาจื่อแน่ใจมากว่าเขาจะอยู่ในเมืองหลวงต่อไป ในคำพูดเต็มไปด้วยความหมายที่ว่าต่อไปนายอยู่ที่เมืองหลวงต้องทำยังไง ใครไม่ควรติดต่อภายในหนึ่งปี และใครที่ไม่ควรไปยั่วยุภายในสิบปี