บทที่ 618 ส่งออกมาเถอะ

The king of War

ท่านถังขมวดคิ้วอย่างไร้ร่องรอย รู้สึกอยู่เสมอว่าอวี๋เหวินปิงนั้นเป็นคนหยิ่งผยองอย่างมาก หากความรู้สึกลึกๆในใจของอวี๋เหวินปิงนั้นยังไม่แก้ไขล่ะก็คงเป็นเรื่องยากที่จะไปแข่งขันกับหยางเฉิน

ยิ่งไม่ต้องพูดถือตำแหน่งบัลลังก์ของตระกูลเฉาเลย

เวลานี้เป็นชั่วโมงเร่งด่วนในยามค่ำคืน มีรถรามากมายอยู่บนท้องถนนและความเร็วในการเคลื่อนตัวรถก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า ท่านถังนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าในเวลานี้ไม่ใกล้ไม่ไกลนักได้มีรถโฟล์คเภาตันสีดำคันหนึ่งขับตามมาอย่างติดๆ

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถเบนท์ลีย์ได้เลี้ยวเข้าไปในทางแยกโดยมีรถโฟล์คเภาตันตามไปอย่างกระชั้นชิด

ในครั้งนี้ ท่านถังก็ได้เห็นรถโฟล์คเภาตันที่อยู่ด้านหลังของรถเบนท์ลีย์ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมในทันใด “นายนี่กำจัดยังไงก็ไม่สิ้นซากไปซะที?”

“ใคร?”

“กำจัดใครไม่สิ้นซาก?”

เมื่ออวี๋เหวินปิงได้ยินสิ่งที่ท่านถังพูด ขนบนร่างกายของเขาก็ลุกชันขึ้นทันที

“หยางเฉิน!” ท่านถังพูดความจริง

“อะไรนะ?”

“เขามาแล้ว?”

“เขาอยู่ไหน?”

เมื่ออวี๋เหวินปิงได้ยินชื่อของหยางเฉินก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมากและถามออกมาอย่างเป็นกังวล

“เงียบปาก!”

ท่านถังตะโกนออกมาอย่างโกรธเคืองพร้อมกัดฟันพูดว่า “อย่าลืมสิว่านายคือคนที่จะมาสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา ก็แค่เด็กหนุ่มที่มีพละกำลังก็สามารถทำให้นายตกใจกลัวได้ถึงเพียงนี้เลยเหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี๋เหวินปิงก็รีบเงียบปากลงในทันที หยางเฉินนั้นได้เหลือร่องรอยทางจิตใจขนาดใหญ่ไว้กับเขา ในเวลานี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ไม่ต้องห่วง ฉันเตรียมพร้อมมาแล้ว!อยากจะหยุดพวกเรา เป็นไปไม่ได้ซะหรอก!”

ท่านถังหรี่ตาลงพร้อมกับพูด เมื่อสิ้นเสียงเขาก็ได้กดโทรศัพท์โทรออกไป “ถนนเต้าเชียน มาหยุดรถโฟล์คเภาตันสีดำคันหลังเราซะ!”

เมื่อพูดจบเขาก็วางสายลง

“ท่านถัง นี่ท่านโทรหาใครกัน?” อวี๋เหวินปิงถาม

“องค์กรนักฆ่าอันดับสามของโลก นักฆ่าของพายุหิมะ!” ท่านถังตอบตามความจริง

เมื่อได้ยินพายุหิมะสี่คำนี้ ใบหน้าของอวี๋เหวินปิงก็เกิดความประหลาดใจ “คิดไม่ถึงเลยว่าท่านถังจะยังคงติดต่อนักฆ่าของพายุหิมะได้”

“เคยได้ยินมาว่านักฆ่าของพายุหิมะนั้นไม่รับคำสั่งจากจิ่วโจว ไม่คิดว่าท่านจะสามารถเชิญพวกเขามาได้”

“ต่อให้หยางเฉินจะเก่งกาจแข็งแกร่งมากแค่ไหนแต่ถ้ามาเจอกับนักฆ่าของพายุหิมะนั้นจุดจบก็คงมีแต่หนทางสู่ความตายสถานเดียว!”

ในที่สุดอวี๋เหวินปิงก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของท่านถังไม่ได้ดูผ่อนคลายลงแต่กลับดูเคร่งขรึมขึ้นอีกต่างหาก

“พี่เฉิน พวกเขาพบเราแล้ว!”

หม่าชาวที่กำลังขับรถโฟล์คเภาตันที่อยู่ด้านหลังของรถเบนท์ลีย์พูดขึ้นมาในทันใด

“ขับชนไป!” หยางเฉินออกคำสั่ง

“ครับ!”

หม่าชาวเหยียบไปที่คันเร่ง เดิมทีนี่เป็นรถโฟล์คเภาตันที่ทำการดัดแปลงมาอย่างพิเศษ เครื่องยนต์ส่งเสียงร้องดังออกมาและนั่นทำให้ความเร็วของรถพุ่งทะยานขึ้นตรงไปที่รถเบนท์ลีย์

“ช้าลงหน่อย!”

ขณะนี้ เมื่อรับรู้ได้ถึงการโจมตีที่เป็นวิกฤตร้ายแรง สีหน้าของหยางเฉินก็ดูเปลี่ยนไปเป็นอย่างมากพร้อมกับตะโกนออกมาในทันที

“ปัง!”

“อ๊าก~”

ทันทีที่หยางเฉินตะโกนให้ชะลอความเร็วก็มีเสียงปืนไรเฟิลที่ซุ่มโจมตีอยู่ดังขึ้นมา

ปฏิกิริยาของหม่าชาวเองก็เร็วมากเช่นเดียวกัน เขาเหยียบเบรกจนสุดแรงและนั่นทำให้กระสุนกระทบกับฝากระโปรงหน้ารถอย่างจัง

“สไนเปอร์!”

สีหน้าของหม่าชาวนั้นดูแย่อย่างถึงที่สุด ลมหายใจที่รุนแรงระอุออกมาจากร่างกายของเขา

“เปลี่ยนให้ฉันขับ!”

หยางเฉินรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

หม่าชาวจะปฏิบัติตามคำสั่งของหยางเฉินเสมอ

การร่วมมือกันของทั้งสองคนนั้นสมบูรณ์แบบ ในเวลานี้หม่าชาวได้เขยิบร่างมานั่งที่เบาะของคนนั่งและหยางเฉินที่นั่งอยู่เบาะหลังได้ขยับตัวขึ้นมานั่งในตำแหน่งคนขับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ปังปังปัง!”

หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีเสียงปืนไรเฟิลดังขึ้นอีกหลายที

เพียงแต่ในตอนนี้หยางเฉินได้ควบคุมรถเอาไว้แล้ว รถที่อยู่บนถนนดริฟท์ไปมาหลายต่อหลายครั้งและสามารถหลีกเลี่ยงลูกกระสุนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

การจัดการดูแลอาวุธปืนของประเทศจิ่วโจวนั้นเข้มงวดเป็นอย่างมาก ในเวลานี้สไนเปอร์ได้ปรากฏตัวขึ้นและไม่ใช่จากรถเบนท์ลีย์ที่อยู่ทางด้านหน้าเสียด้วย ด้วยการเปลี่ยนแปลงเพียงชั่วอึดใจก็ทำให้เกิดระยะห่างขนาดใหญ่ระหว่างรถโฟล์คเภาตันแล้ว

หยางเฉินจับพวงมาลัยแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ดวงตาจับจ้องไปที่รถเบนท์ลีย์ที่อยู่ด้านหน้าพร้อมกับเหยียบคันเร่งจนมิด เครื่องยนต์ส่งเสียงร้องคำรามอย่างดังและพุ่งตรงไล่ตามไปในทันที

เสียงกระสุนปืนของสไนเปอร์ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่ในทุกๆครั้งที่เสียงปืนดังขึ้นหยางเฉินก็จะสามารถควบคุมรถให้หลบได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“ไอ้พวกระยำนี่มันบ้าจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะใช้สไนเปอร์ด้วย!”

หม่าชาวพูดพร้อมกับกัดฟันกรอดๆ

ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายนั้นจะเตรียมพร้อมกันมาอย่างดี

ในเวลานี้ หยางเฉินนั้นไม่ได้สนใจพวกสไปเปอร์ที่ซุ่มโจมตีแต่อย่างใด ได้แต่ขับตามรถของอวี๋เหวินปิงไปอย่างดุเดือด

“ท่านถัง พวกมันตามมาแล้ว พวกมันตามมาแล้ว!”

ภายในรถเบนท์ลีย์ อวี๋เหวินปิงเมื่อเห็นรถโฟล์คเภาตันที่ขับใกล้เข้ามา สีหน้าก็ตกตะลึงในทันที

เดิมทีเมื่อได้ยินท่านถังพูดว่าจ้างพวกนักฆ่าจากพายุหิมะมา เขาคิดว่าหยางเฉินก็คงจะตายสถานเดียวแต่ผลคือพวกนั้นสามารถยับยั้งหยางเฉินไว้ได้เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ครึ่งของหยางเฉินเลยแม้แต่น้อย

ท่านถังเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าเตรียมพร้อมมาดีขนาดนี้ยังไม่สามารถที่จะหยุดหยางเฉินเอาไว้ได้เลย

เสียงปืนของสไนเปอร์นั้นหายไป เห็นได้ชัดว่ารถของหยางเฉินนั้นขับเลยจุดที่พวกสไนเปอร์อยู่แล้ว

“ท่านถัง ท่านยังมีทางหนีทีไล่อีกใช่ไหม?”

เมื่ออวี๋เหวินปิงเห็นความเคร่งขรึมในดวงตาของท่านถังก็รู้สึกกังวลขึ้นมาจนอยากจะร้องไห้ พร้อมกับพูดออกมาเสียงดัง “ท่านบอกเองนี่ว่าฉันจะเป็นคนสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา จะให้มาตายที่นี่ได้ยังไง?”

“ท่านต้องมีวิธีรับมืออีกสิ ท่านถัง รีบบอกฉันมาสิ!”

อวี๋เหวินปิงกลัวจริงๆ เขาเกือบถูกหยางเฉินนั้นฆ่าถึงสองครั้งสองครา เขารู้ว่าหากเขาไปอยู่ในเงื้อมมือของหยางเฉินล่ะก็เขาคงตายสถานเดียว

“ถ้านายพูดอีกแม้แต่คำเดียว ฉันจะโยนนายลงจากรถเดี๋ยวนี้ล่ะ!” ท่านถังพูดขึ้นมาในทันที

แน่นอนว่าได้ผล อวี๋เหงินปิงสงบปากสงบคำในทันทีแต่ความกลัวที่อยู่ในรูม่านตาของเขานั้นยังคงดูรุนแรงอย่างที่สุด

ท่านถังตกอยู่ในภวังค์ครุ่นคิด ตามองดูรถโฟล์คเภาตันที่ตามมาทางด้านหลัง เขารู้ดีเลยว่ามีเพียงแค่การต่อสู้เท่านั้นที่จะสามารถพาอวี๋เหวินปิงออกไปได้

“จอดรถ!” ท่านถังพูดขึ้นในทันใด

คนขับจอดรถในทันที เมื่ออวี๋เหวินปิงเห็นว่ารถหยุดลงก็รู้สึกแขนขาไร้เรี่ยวแรง เขาตกใจจนเป้ากางเกงเปียกชุ่มไปด้วยปัสสาวะ

ท่านถังเหลือบมองอวี๋เหวินปิงด้วยความผิดหวัง ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่าการที่ตนทำอยู่นั้นมันช่างไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ต่อให้เขาต้องตายแต่ก็ห้ามให้อวี๋เหวินปิงตายด้วยเด็ดขาด

“นายอยู่บนรถไม่ต้องขยับไปไหน ถ้ามีโอกาสก็ให้คนขับพานายไปได้เลย” ท่านถังเหลือบมองไปที่อวี๋เหวินปิงจากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถไป

ในเวลานี้ หยางเฉินและหม่าชาวเองก็ออกมาจากรถเช่นเดียวกัน

“ส่งคนมา!”

หยางเฉินพูดพร้อมกับมองไปที่ท่านถังอย่างไร้สีหน้าใดๆ

หม่าชาวที่ออกมาจากรถก็ได้มายืนที่ด้านข้างของหยางเฉินพร้อมกับมองไปที่ท่านถังอย่างระวังตัว

เขารับรู้ได้ถึงอันตรายอันแรงกล้าจากตัวของท่านถัง

หยางเฉินจ้องไปที่ท่านถังด้วยสายตาที่เย็นชาพร้อมกับพูดอีกครั้ง “ปล่อยคนมาซะ!”

“หนุ่มน้อย ให้อภัยกันได้ก็ให้อภัยเสียเถอะ นายกับอวี๋เหวินปิงนั้นเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกัน ฆ่าเขาแล้วนายจะไม่ละอายใจต่อพ่อของนายเหรอ?”

ท่านถังไม่ได้ตัดสินใจที่จะปล่อยคน แต่กลับใช้ไพ่ไม้ตายเล่นความรู้สึกทางอารมณ์

“ไม่ฆ่าเขาก็ได้แต่ต้องให้เขาตอบคำถามฉันมาหนึ่งข้อแล้วในอนาคตก็ต่างคนต่างอยู่กันซะ” หยางเฉินกล่าว

สำหรับหยางเฉินนั้นอวี๋เหวินปิงจะอยู่หรือตายก็ไม่สำคัญ เขาเพียงต้องการรู้ความลับของแม่ก็เท่านั้น