ใต้ต้นไม้เทพผลาญจิต มีใบไม้สีม่วงเข้มร่วงหล่นเต็มพื้น
หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิบำเพ็ญอย่างเงียบๆ อยู่ที่นี่
“สี่ร้อยล้านปีเต็มแล้ว จ้าวหิมะเหินผู้นี้คงไม่ยืดเวลาออกไปหรอกกระมัง” มีสาวใช้นางหนึ่งคอยปรนนิบัติอยู่ไกลออกไป “รออีกสักประเดี๋ยว หากครบหนึ่งปีสุดท้ายแล้วเขายังไม่ไป ก็คงได้แต่เชิญให้เขาไปเท่านั้น”
ใต้ร่มไม้ หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวพลันยืนขึ้นมาทันที
“เอ๊ะ” สาวใช้สะดุ้งเฮือกแล้วรีบเข้าไปต้อนรับทันที ขณะเดียวกันก็ถ่ายเสียงให้บุคคลระดับสูงของสกุลฝาน “จ้าวขุยเฉิน เค่อชิงระดับบนหิมะเหินผุดกายขึ้นยืน หยุดบำเพ็ญแล้วเจ้าค่ะ”
เขาก็รีบมาถึงข้างกายตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วพูดด้วยความเคารพว่า “เค่อชิงระดับบนหิมะเหิน”
“การบำเพ็ญของข้าสิ้นสุดลงแล้ว ควรไปได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว จากนั้นเขาก็เงยหน้ามอง ไกลออกไปมีบุรุษร่างกำยำผู้หนึ่งทะยานเข้ามา ซึ่งก็คือจ้าวขุยเฉินที่ตงป๋อเสวี่ยอิงคุ้นเคยดีนัก จ้าวขุยเฉินเอ่ยขึ้นด้วยความกระตือรือร้นว่า “น้องหิมะเหิน บัดนี้ท่านมหาเคารพกำลังเก็บตัวอยู่ ก่อนจะเก็บตัวได้กำชับข้าว่าให้ข้าต้อนรับน้องหิมะเหิน น้องหิมะเหินมีเรื่องอันใดก็บอกข้ามาได้เลย”
“ไม่มีอะไรหรอกขอรับ คุณูปการก็แลกเปลี่ยนจนหมดแล้ว ควรจะไปได้แล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มน้อยๆ
“ฮ่าฮ่า สำหรับน้องหิมะเหินแล้ว คุณูปการก็มิใช่เรื่องยากอันใดเลย” จ้าวขุยเฉินพูดยิ้มๆ พวกเขาต่างก็รู้ดีว่า คาดว่าเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์ของอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้คงจะแลกเป็นเคล็ดวิชาและสมบัติล้ำค่าต่างๆ กับรัฐโบราณอื่น อาศัยสมบัติล้ำค่าเหล่านั้นก็สามารถแลกเป็นคุณูปการในสกุลฝานได้อีกอย่างสบายๆ! ถึงตอนนั้นก็สามารถใช้คุณูปการแลกเป็นเวลาบำเพ็ญใต้ ‘ต้นไม้เทพผลาญจิต’ ได้อีก
“หากภายหลังข้าอยากจะมา ก็ต้องมาอีกแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้พูดให้มากความอีก
“ได้สิๆๆ” จ้าวขุยเฉินพยักหน้า “ข้าจะไปส่งน้องหิมะเหินเอง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกสะท้อนใจอยู่บ้าง
คุณูปการแลกไปจนหมดแล้ว หลังจากเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้นำเคล็ดวิชาอันล้ำค่าวิชาใหม่ออกมาอีก! ความกระตือรือร้นของสกุลฝานในการต้อนรับเขาก็ลดลงไปไม่น้อย ต่อให้มหาเคารพซือเทียนเก็บตัวอยู่จึงมิอาจออกมาต้อนรับเขาได้ ก็ควรส่งยอดฝีมือระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองสักคนมาต้อนรับเขา ส่วน ‘จ้าวขุยเฉิน’ นั้นเป็นเพียงเทพจักรวาลชั้นที่หนึ่งเท่านั้น
หรือพวกมหาเคารพซือเทียนจะคิดว่าตงป๋อเสวี่ยอิงเสียหายในวังเทพจิตโลกามากเกินไป! ต่อให้เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์สามารถแลกผลประโยชน์ในรัฐโบราณอื่นมาได้ เกรงว่าก็คงพยายามอยากจะได้สมบัติลับระดับยอดสุดมาเท่านั้น
หากไม่มีผลประโยชน์…
บัดนี้สำหรับสกุลฝาน พลังของตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีส่วนช่วยน้อยนิดจนสามารถมองข้ามไปได้ ระดับความกระตือรือร้นที่สกุลฝานต้อนรับตนจะลดลงก็เป็นเรื่องปกตินัก
“อันที่จริงแล้วข้ามีเคล็ดวิชาที่ดียิ่งกว่า เพียงแต่ว่ามิได้รีบร้อนต้องไปแลกเปลี่ยนมาเสียหน่อย!” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
ใช่แล้ว
เขาบำเพ็ญใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตมาสี่ร้อยล้านปี บวกกับโลหิตหัวใจของ ‘มารดามังกรหมื่นสัมผัส’ จากวังเทพจิตโลกาหยดนั้นทำให้วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงแข็งแกร่งขึ้นเป็นอันมาก การฝึกฝนครั้งนี้ ก็เป็นการพิสูจน์อย่างแท้จริงว่าพรสวรรค์ทางด้านโลกเทียมของตงป๋อเสวี่ยอิงน่าหวาดหวั่นเพียงใด! เขาเคยลองหลอมรวม ทางสาย ‘เขตลวงโลกเทียม’ ดู แต่กลับพบอุปสรรคอยู่บ้าง…
เขามิได้ก้มหน้าก้มตาบำเพ็ญเต็มที่ หากแต่หันกลับมาศึกษาวิธีการบำเพ็ญวิถีอากาศในตอนนั้น แล้วยกระดับสองสายสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่จาก ‘โลกเทียมห้าสาย’ ให้ไปถึงขั้นเทพจักรวาล ซึ่งใช้เวลาไปสองร้อยกว่าล้านปี
หลังการบรรลุนี้
ห้าสายล้วนสำเร็จจนสิ้น! ห้าสายของเขตลวงโลกเทียม แฝงไว้ด้วยห้าทิศทางที่แตกต่างกัน ภายใต้การประทับรอยซึ่งกันและกัน ทำให้การลองหลอมรวมของตงป๋อเสวี่ยอิงสบายขึ้นเป็นอย่างมาก
เขาลองหลอมรวม ‘โลกาและภาพลวง’ สองสายที่สั่งสมได้ลึกล้ำที่สุดและเข้าถึงได้มากที่สุดเพียงร้อยกว่าล้านปีก็หลอมรวมได้สำเร็จ และทำให้ ‘เขตลวงโลกเทียม’ บรรลุถึงเทพจักรวาลชั้นที่สองได้!
หากเผยแพร่ออกไป…
เพียงพอให้สั่นสะท้านไปทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา
เนื่องจากการบำเพ็ญทางสายวิญญาณนั้นได้ชื่อว่ายากลำบาก อย่างวิถีเขตลวงโลกเทียม ทั้งดินแดนจิตโลกาก็มีเพียงสามคนเท่านั้นที่บรรลุถึงระดับเทพจักรวาลชั้นที่สอง ได้แก่บรรพชนฝาน ประมุขรัฐเสียดฟ้าและ ‘อ๋องมารจิต’ ยอดฝีมือระดับจอมเคารพของรัฐโบราณสหโลกา พวกเขาทั้งสามต่างก็กระหายที่จะได้เห็นคัมภีร์โลกเทียมชั้นที่สองอื่นๆ เป็นอันมาก! โดยเฉพาะอย่างยิ่งอันที่แตกต่างกับของตนเอง
อย่างบรรพชนฝานนั้นมีโลกา ปรารถนาและวิญญาณ สามสายหลอมรวมกัน! ส่วนการหลอมรวมกับ ‘ล้างสังหาร’ และ ‘ภาพลวง’ นั้นล้มเหลวมาโดยตลอด
ประมุขรัฐเสียดฟ้านั้นเป็นการรวมกันของโลกาและวิญญาณ
‘อ๋องมารจิต’ แห่งรัฐโบราณสหโลกาผู้นั้นเป็นภาพลวงและวิญญาณ สองสายหลอมรวมกัน
ที่ผ่านมา…
บรรพชนฝานนั้นไม่สนใจประมุขรัฐเสียดฟ้า แต่กลับอยากได้คัมภีร์ที่ ‘อ๋องมารจิต’ คิดค้นขึ้นเองเป็นอย่างมาก เนื่องจากนี่ก็เพียงพอจะช่วยเหลือเขาได้แล้ว
ในดินแดนจิตโลกาอันกว้างใหญ่ไพศาล บรรดาเทพจักรวาลขั้นสุดยอดก็ค่อยๆ รับรู้ร่วมกันแล้วว่า คิดจะหนีออกจากกรงขังนี้ และบรรลุถึงระดับที่สูงขึ้นอีกชั้นหนึ่ง เกรงว่าทางสายวิญญาณก็คงต้องบรรลุถึงระดับเทพจักรวาลขั้นสุดยอดจึงจะใช้ได้! น่าเสียดาย ทั้งดินแดนจิตโลกามีสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูจำนวนไม่น้อย เทพจักรวาลขั้นสุดยอดก็มีมากกว่าอยู่บ้าง แต่กลับไม่มียอดฝีมือขั้นสุดยอดทางสายวิญญาณแม้แต่คนเดียว
“บัดนี้ข้าทำให้โลกาและภาพลวงหลอมรวมกัน ขอเพียงข้าบันทึกสิ่งที่ได้รับรู้จากการบำเพ็ญและการชี้แนะต่างๆ คัมภีร์ฉบับนี้ก็เพียงพอให้ขายราคาสูงลิ่วเทียมฟ้าได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในข้อนี้เป็นอย่างดี
จะขายสมบัติล้ำค่าก็ต้องดูว่าขายให้ใคร
หากขายให้ขั้นอลวนคนหนึ่ง ราคาก็มีจำกัด!
หากขายให้สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู ราคาก็ย่อมสูงเสียจนเกินจริง! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับว่าจะสามารถก้าวออกไปจากก้าวที่สำคัญที่สุดนั้นได้หรือไม่
บรรพชนฝานและประมุขรัฐเสียดฟ้าล้วนยินดีที่จะทุ่มเทราคามหาศาล เนื่องจากพวกเขาล้วนปรารถนาว่าจะมีสักวันหนึ่งที่ทางสายโลกเทียมบรรลุถึงเทพจักรวาลขั้นสุดยอด วิญญาณในตอนนั้นก็จะเหนือกว่าเทพจักรวาลทั้งหมด มีวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด บวกกับที่วิถีสองสายล้วนบรรลุถึงขั้นสุดยอด บางทีอาจมีหวังจะกระโดดออกจากกรงขังก็เป็นได้!
“ข้าไม่รีบร้อนขายคัมภีร์หรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในข้อนี้ดี
อาศัยคัมภีร์โลกเทียมที่คิดค้นขึ้นเอง ‘อ๋องมารจิต’ จึงได้รับความโปรดปรานจาก ‘จักรพรรดิเทพผลาญโลกา’ หนึ่งในห้าบรรพชนแห่งรัฐโบราณสหโลกาทันที และได้รับมอบสมบัติลับระดับยอดสุดมา ทั้งยังสร้าง ‘วังมารจิต’ พิเศษแห่งหนึ่งให้เขา มีจักรพรรดิเทพผลาญโลกาคุ้มครอง แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูของรัฐโบราณสหโลกาอย่าง ‘เจ้าเมืองอนันต์’ และ ‘อ๋องสัตว์โลกา’ ก็ยังลอบช่วยเหลือ ผู้ใดก็มิอาจบังคับจับกุมอ๋องมารจิตไปได้
คิดจะศึกษาคัมภีร์โลกเทียมน่ะหรือ ทางรัฐโบราณสหโลกานั้นต้องบอกราคาสูงเทียมฟ้าเป็นแน่! บรรพชนฝานก็ยังทำใจไปศึกษามิได้
ยอดฝีมือระดับเทพจักรวาลชั้นที่หนึ่ง จะศึกษาคัมภีร์จำพวกวิญญาณและทุ่มเทราคามหาศาลก็ยังพอมีหวัง (อย่างตงป๋อเสวี่ยอิงก็ต้องทุ่มเทไปแปดหมื่นมหาคุณูปการ! บรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู (และเทพจักรวาลขั้นสุดยอดไม่ว่าคนไหน) คิดจะศึกษา ราคาก็ต้องสูงเสียจนเกินเหตุ!
……
คัมภีร์ทางสายวิญญาณนั้นไม่มีขั้นสุดยอด วังเทพจิตโลกาก็ยังไม่มี!
ระดับสูงสุดก็คือเทพจักรวาลชั้นที่สอง
ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงก็บรรลุถึงระดับขั้นนี้แล้ว ขอเพียงอยู่ภายในขอบเขตที่บรรพชนฝานและประมุขรัฐเสียดฟ้าสามารถรับได้ ต่อให้พวกเขาต้องทุ่มเทอะไรไปมากมายก็ยินดีศึกษา! อาศัยคัมภีร์ฉบับนี้ก็เพียงพอให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปเป็นอาคันตุกะของสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูได้แล้ว
“หากไม่มีพลังพอ แล้วนำคัมภีร์พรรค์นี้ออกมา เกรงว่าข้าคงจะถูกรัฐโบราณคิมหันตวายุจองจำทันทีกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในข้อนี้ดี อ๋องมารจิตผู้นั้นอาศัยอยู่ในวังมารจิตมาอย่างยาวนาน ร่างจริงจึงไม่กล้าออกมาเลย เช่นนั้นก็มิใช่การคุมขังชนิดหนึ่งหรอกหรือ
******
ณ เมืองหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณา
เพียงพริบตาเดียววังเทพจิตโลกาก็เปิดออกมาสามแสนล้านกว่าปีแล้ว สำหรับเทพจักรวาลซึ่งยืนอยู่แทบจะในระดับยอดสุดของเส้นทางบำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วน ครั้งหนึ่งเก็บตัวหมื่นล้านปีก็เป็นเรื่องปกตินัก นี่เพียงแค่สามแสนล้านกว่าปีเท่านั้น สำหรับสิ่งมีชีวิตระดับเทพจักรวาลแล้ว ก็นับว่าสั้นนัก! เพราะถึงอย่างไรตอนนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงไล่ล่าฝูงมารผลาญทำลายก็ใช้เวลาไปนับล้านล้านปีเลยทีเดียว
ณ ข้างทะเลสาบในจวนจ้าว ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์สีขาวทั้งร่างกำลังนั่งตกปลาอยู่
ในบรรดาเทพจักรวาล หากพูดถึง ‘จ้าวหิมะเหิน’ แห่งรัฐเมฆทักษิณาแล้วก็ล้วนแต่ต้องทอดถอนใจหลายครั้ง ด้วยความรู้สึกว่าจ้าวหิมะเหินผู้นี้น่าสงสารนัก แต่ใน ‘เมืองหิมะเหิน’ ในสายตาคนของตระกูลอิงซานจำนวนนับไม่ถ้วน ‘จ้าวหิมะเหิน’ ก็คือความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูลอิงซาน!
บัดนี้เมืองหิมะเหินเป็นตัวเมืองใหญ่อันดับสองของรัฐเมฆทักษิณา คนตระกูลอิงซานส่วนใหญ่ล้วนอพยพย้ายถิ่นมาอยู่ที่นี่ จนกลายเป็นจุดศูนย์กลางของตระกูลอิงซาน แม้แต่ ‘แม่เฒ่าอิงซาน’ ก็ยังพำนักอยู่ที่นี่ด้วย
“ฮึบ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสาวเบ็ดตกปลาขึ้นมาเบาๆ ปลาใหญ่ตัวหนึ่งถูกตกขึ้นมา มันยังคงงับเหยื่อล่อปลาอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยความละโมบ
“ช่างละโมบเสียจริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงสะบัดเบาๆ คราหนึ่ง ปลาก็ถูกสะบัดจนจมลงไปกลางทะเลสาบ ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่งเพื่อเก็บเบ็ดตกปลาขึ้นมาก่อนจะยืดกายขึ้น “น่าเสียดาย เสียบุปผาโลกาไปตั้งดอกหนึ่งยังมิอาจก้าวข้ามขั้นสุดท้ายและบรรลุเป็นเทพจักรวาลขั้นสุดยอดได้ เห็นทีการบรรลุในขั้นสุดท้ายคงจะไม่ง่ายดายถึงเพียงนั้น อื้น ตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ควรเคลื่อนไหวแล้ว”
ฟิ้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงสาวท้าวเดินออกไปจากเมืองหิมะเหินอย่างสบายๆ เขากบดานมาจวบจนบัดนี้ ตอนนี้ถึงเวลาที่จะเหินทะยานแล้ว!
……
ส่วนในอากาศอันสับสนอลหม่านบ้านเกิด
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่บำเพ็ญอย่างหนักมาตลอดคืนวันอันยาวนาน ยามนี้กลับมีร่างแยกร่างหนึ่งเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน
“สวบ”
เมื่อสาวเท้าออกไป ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ทะลุผ่านอุปสรรคของมิติจำนวนนับไม่ถ้วน และมาถึงฟากฟ้าเหนือดินแดนเก้าเมฆา
“ที่แท้แล้วเตาสามขาเพลิงโลกันตร์ สมบัติล้ำค่าของจักรพรรดิเก้าเมฆาที่ทำให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยากได้มาตลอดคือสิ่งใดกันแน่” ตงป๋อเสวี่ยอิงอยากรู้อยากเห็นนัก แม้จักรพรรดิเก้าเมฆาจะเก็บไว้อย่างเคร่งครัดมาก แต่ในฐานะที่ด้านวิถีอากาศลึกล้ำกว่าจักรพรรดิเก้าเมฆาอยู่บ้าง เป็นยอดฝีมือที่ห่างจากระดับขั้นของวิถีอากาศขั้นสุดยอดเพียงก้าวเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งเจ็ดกระบวนคละถิ่นอยู่ในมือ วิธีการที่จักรพรรดิเก้าเมฆาแอบซ่อนเอาไว้ สำหรับเขาในทุกวันนี้นั้นก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลย
……………………………………