ภาคที่ 35 มหาเคารพหิมะเหิน ตอนที่ 2 เตาสามขาเพลิงโลกันตร์

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่กลางท้องฟ้าเหนือดินแดนเก้าเมฆาพลางเหลือบมองลงไปยังฟ้าดินอันกว้างใหญ่ไพศาลเบื้องล่าง แล้วกำหนดจิตคราหนึ่ง

รอบกายเขากลายเป็นมืดมนไป น้ำวนอันไร้รูปร่างมีเขาเป็นศูนย์กลาง แล้วแผ่ออกไปทั่วทุกทิศทุกทางในทันใด  อันที่จริงแล้ว ‘น้ำวน’ นี้ก็คืออณูทรงกลมของหมอกดำซึ่งเป็นแก่นแท้ที่สุดของอากาศซึ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ แทบจะในชั่วพริบตาเดียว  อณูทรงกลมของหมอกดำทั้งหมดของดินแดนเก้าเมฆาก็ถูกตงป๋อเสวี่ยอิงกวาดไปรอบหนึ่ง

“อยู่นั่น!” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พบวังที่จักรพรรดิเก้าเมฆาเก็บซ่อนสมบัติล้ำค่าไว้เข้าจนได้

“ฟิ้ว”

ตรงหน้าพลันแยกตัวออกเป็นรอยแยกสีดำขนาดราวหนึ่งจั้ง ณ อีกปลายหนึ่งของรอยแยกสีดำปรากฏเป็นภาพวังขึ้นมารางๆ ตงป๋อเสวี่ยอิงสาวเท้าเข้าไปก้าวหนึ่ง ก็ทะลุรอยแยกสีดำนั้นไปถึงที่อีกแห่งหนึ่ง

ดูเหมือนจะง่ายดาย

อันที่จริงแล้ว ‘รอยแยกสีดำ’ นี้ก็คือศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกานั่นเอง! นอกจากนี้จากการที่เจ็ดกระบวนคละถิ่นของตงป๋อเสวี่ยอิงปรับเปลี่ยนพลังคละถิ่นด้วยกลเม็ดต่างๆ ทำให้ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาที่อาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาคิดค้นขึ้นถูกเขาแก้ไขอย่างใหญ่หลวงไปตั้งนานแล้ว หากประมุขรัฐเมฆทักษิณาสำแดงออกมาก็ต้องมีการเคลื่อนไหวใหญ่โตนัก แต่เพียงชั่วความคิดเดียวของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ทั้งรวดเร็วและมั่นคงกว่า!

อย่างวิธีผนึกค่ายกลในวังเก็บสมบัติล้ำค่าของจักรพรรดิเก้าเมฆา ด้วยพลังของตงป๋อเสวี่ยอิง การทำลายก็มีอยู่สองวิธีด้วยกัน หนึ่งคือใช้พลังทำลายกฎเหมือนกับการโจมตีห้าภาพผนึกมิติของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่จักรพรรดิเก้าเมฆาผนึกมิติด้วยการวางค่ายกล จึงย่อมมั่นคงกว่า หากจะฝืนทำลาย ด้วยพลังของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ที่แข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก เกรงว่าก็คงต้องใช้หลายกระบวนท่า ส่วนอีกวิธีหนึ่งก็คือศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา ศาสตร์การส่งถ่ายระดับนี้ล้วนสามารถมุ่งหน้าไปยังโลกกำเนิดอื่นๆ ได้ สถานที่ที่สามารถขัดขวาง ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ ให้มิอาจไปถึงได้นั้น ก็ช่างหาได้ยากจริงๆ อย่างน้อยวังของจักรพรรดิเก้าเมฆาก็ยังขัดขวางเอาไว้ไม่ได้

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ของผู้แกร่งกล้า หรือว่าซ่อนอยู่ในสถานที่ปิดผนึกพิเศษสักแห่ง ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ ก็สามารถตรงเข้าไปได้อยู่ดี

โดยทั่วไปผู้แกร่งกล้าจะวางสมบัติล้ำค่าต่างๆ เอาไว้ในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ที่พกติดตัวเอาไว้ ระดับขั้นอย่างตงป๋อเสวี่ยอิง ก็สามารถอาศัยศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาตรงเข้าไปในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ของผู้อื่นแล้วหอบสมบัติล้ำค่าออกมาจนว่างเปล่าได้! แน่นอนว่านี่ก็เท่ากับเป็นการเปิดศึกแล้ว!

……

ภายในวังอันเก่าแก่ที่เงียบงัน ไม่มีสิ่งมีชีวิตมาเยี่ยมเยือนที่นี่นานแสนนานแล้ว

รอยแยกสีดำสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางวัง จากนั้นชายหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้หนึ่งสาวเท้าเข้ามาจากกลางรอยแยกสีดำแล้วหันมองรอบด้าน จากนั้นก็สาวเท้าเดินตรงแน่วไปเพียงสองสามก้าวก็มาถึงนอกระเบียงและมาถึงหน้าลานแห่งหนึ่ง

กลางลานแห่งหนึ่งในวังของจักรพรรดิเก้าเมฆา มีเตาสามขาสีแดงเพลิงอันหนึ่งวางอยู่ กลิ่นอายของเตาสามขาโหมซัดออกมา กลิ่นอายนั้นกลายเป็นสัตว์ปีกให้เห็นรางๆ อานุภาพกดดันแผ่ออกมา

ตอนนั้นที่เขามาที่นี่เป็นครั้งแรก ยังรู้สึกว่าอานุภาพกดดันนี้น่ากลัว บัดนี้กลับไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยเสียแล้ว

“เตาสามขาเพลิงโลกันตร์”

“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยากได้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ จักรพรรดิเก้าเมฆาไม่สามารถรับรู้ความลับของเตาสามขาเพลิงโลกันตร์นี้จนกระจ่างแจ้งได้ แม้แต่ชื่อก็ยังรู้มาจากจอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั่น” ตงป๋อเสวี่ยอิงแปลกใจนัก ดีร้ายอย่างไรจักรพรรดิเก้าเมฆาก็เป็นยอดฝีมือระดับเทพจักรวาลชั้นที่สอง การหลอมแปรสมบัติลับก็ควรจะมิใช่เรื่องยาก จะไม่เข้าใจสมบัติลับที่แข็งแกร่งชิ้นหนึ่งได้อย่างไรกัน

“เจ้า!”

ด้านข้างมีบุรุษอาภรณ์ดำร่างกายง่อนแง่นผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้น เขามองตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “เจ้าเข้ามารึ เข้ามาได้อย่างไรกัน เจ้าสามารถทำลายค่ายกลปิดผนึกของนายท่านได้ รอยแยกสีดำเมื่อครู่นั่นมันอะไรกัน”

เขาพูดรวดเดียวเป็นชุด เห็นได้ชัดว่าตื่นตระหนกเหลือแสน

เนื่องจากค่ายกลปิดผนึกเช่นนี้เป็นผลสำเร็จอันใหญ่หลวงทางด้านอากาศของเจ้านาย ซึ่งเป็นค่ายกลที่แม้แต่ตัวของจักรพรรดิเก้าเมฆาเจ้านายของเขาเองก็ยังมิอาจทำลายได้

“ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาน่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย

บุรุษอาภรณ์ดำยังคงมึนงงไปหมด ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตหุ่นเชิดเท่านั้น แม้จะติดตามจักรพรรดิเก้าเมฆา แต่กลับรู้สิ่งที่เจ้านายเคยพูดมาเพียงครึ่งๆ กลางๆ เท่านั้น หากจักรพรรดิเก้าเมฆายังมีชีวิตอยู่ เมื่อได้ยินว่าเป็น ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ ก็จะสามารถเดาได้ว่านี่เป็นเคล็ดลับจำพวกใดแล้ว

“จะว่าไปแล้ว…” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูบุรุษอาภรณ์ดำผู้นี้แล้วก็อดนึกสนุกขึ้นมามิได้ “นี่คือการพบหน้ากันครั้งที่สองของข้ากับเจ้าแล้ว”

“ครั้งที่สองรึ เจ้าเป็นใครกัน” บุรุษอาภรณ์ดำสะดุ้งเฮือก

“อ้อ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกระจ่างแจ้งขึ้นมา เมื่อกลับชาติมาจุติ กลิ่นอายวิญญาณก็เกิดความเปลี่ยนแปลงไป มีแต่ตอนที่พบหน้าบุตรภรรยาเท่านั้นจึงจงใจใช้การกลายเป็นอากาศธาตุเก็บงำกลิ่นอายจนหมด แล้วแสร้งเผยกลิ่นอายที่ผ่านมาออกมา หากเก็บตัวและเคลื่อนไหวเพียงลำพัง เขาก็คงไม่ว่างถึงขั้นคงการกลายเป็นอากาศธาตุเอาไว้ตลอดเวลา เพราะยุ่งยากยิ่งนัก

“ไม่มีอะไรหรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่พูดให้มากความอีกต่อไป “เจ้ารู้ความลับของเตาสามขาเพลิงโลกันตร์หรือไม่”

“เจ้ามาเพื่อเตาสามขาเพลิงโลกันตร์หรอกหรือ” บุรุษอาภรณ์ดำร่างกายง่อนแง่นสีหน้าเปลี่ยนแปรไป เขาโบกมือคราหนึ่ง ค่ายกลก็พลันเคลื่อนไหว รอบเตาสามขาเพลิงโลกันตร์พลันมีอากาศอันบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที แล้วเตาสามขาขนาดใหญ่นั้นก็อันตรธานไป บุรุษอาภรณ์ดำผู้นี้พูดเสียงต่ำว่า “นี่คือสมบัติล้ำค่าของเจ้านายข้า เจ้ามิอาจชิงเอาไปได้ หากคิดจะเอาไป ก็ต้องทำตามเงื่อนไขที่เจ้านายข้าตั้งเอาไว้ให้สำเร็จ เจ้าจะต้องสังหารจอมเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิทิพย์โบราณผู้นั้นหรือไม่ก็เทพจักรวาลผู้นั้น…”

“เดิมทีข้าและจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นคู่อริกันอยู่แล้ว ทว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาลงมือ ส่วนเจ้า…เจ้าไม่มีสิทธิ์มาข่มขู่ข้า” ตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

วิ้ง!

ทั้งวังพลันยุบลงไป กลายเป็นภาพแผ่นหนึ่ง ซึ่งเป็นแผ่นภาพที่แสนจะบาง ในภาพนั้น  บุรุษอาภรณ์ดำผู้นั้นยังอยู่ในนั้น ทว่าบุรุษอาภรณ์ดำในภาพนี้ก็ยังคงวิ่งพล่านไปทั่วทิศด้วยความตื่นตระหนกและร้อนใจ แต่กลับออกมามิได้! เขามิได้คิดร้าย ภาพนี้กลับเป็นโลกใบหนึ่ง ซึ่งต้นไม้ใบหญ้าและมวลสรรพสิ่งภายในล้วนแต่มิได้รับความเสียหายอันใดทั้งสิ้น

มีเพียงเตาสามขาสีแดงเพลิงอันหนึ่งเท่านั้นที่ล่องลอยอยู่เหนือภาพแผ่นนี้

“เดิมทีข้าคิดว่าจะเก็บทั้งวันขึ้นมาก่อน แล้วค่อยนำเอาเตาสามขาเพลิงโลกันตร์มาจากในนั้น คิดไม่ถึงว่า สมบัติล้ำค่าไปจนถึงสมบัติลับอื่นๆ ในวังของจักรพรรดิเก้าเมฆาล้วนถูกข้ากดดันเสียจนอยู่ในภาพแผ่นหนึ่ง เตาสามขาใหญ่นี้ข้ากลับมิอาจกดดันได้เลยอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงอยู่บ้าง จากนั้นก็โบกมือคราหนึ่งเพื่อเก็บภาพแผ่นนี้ลงไป

จากนั้นเขาก็คว้าเตาสามขานี้ติดมือเอาไว้

ตัวเตาสามขาขนาดใหญ่นี้ร้อนระอุ ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย สาวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง เขาก็จากดินแดนเก้าเมฆาและกลับไปภายในคูหาสำหรับเก็บตัวของตนทันที

คูหาของเขา หากพูดถึงการปิดผนึกและการแอบซ่อนก็ยังเหนือกว่าจักรพรรดิเก้าเมฆาเสียอีก

เพราะถึงอย่างไรเขาก็บรรลุถึงแปดสายผสานกันแล้ว ห่างจากขั้นสุดยอดเพียงแค่เส้นบางๆ เท่านั้น ทั้งยังมีการรับรู้เคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งด้วย วิธีการจึงย่อมสูงส่งกว่าเป็นอันมาก

……

ภายในคูหา

เตาสามขาอันหนึ่งวางอยู่ภายในโถงตำหนัก ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิลงไปแล้วเริ่มส่งสติรับรู้ระลอกหนึ่งเข้าไปในเตาสามขาใหญ่นั้น แล้วเริ่มรับรู้เตาสามขาเพลิงโลกันตร์อันเร้นลับนี้

“เอ๊ะ”

เมื่อแทรกซึมเข้าไป เขาก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา

“นี่มันอะไรน่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงจ้องมองโดยละเอียด ภายใต้การแทรกซึมของสัมผัสรับรู้เตาสามขาเพลิงโลกันตร์ของเขา ผิวของเตาสามขาขนาดใหญ่นี้ก็เริ่มมีอักขระลับสีทองตัวแล้วตัวเล่าปรากฏขึ้นมา ดูพิสดารไม่เป็นสองรองใคร “สิ่งนี้เกี่ยวโยงกับความเร้นลับของพลังคละถิ่น หากมิได้รับรู้พลังคละถิ่นจนถึงระดับหนึ่งก็มิอาจทำลายได้เลย”

ภายใต้สถานการณ์ปกติ หากบรรลุถึงเทพจักรวาลขั้นสุดยอดก็จะพยายามรับรู้กฎเกณฑ์อันสูงส่งทันที ระหว่างขั้นตอนนี้ โดยทั่วไปก็จะรับรู้โลกในระดับที่สูงกว่าบ้าง และรู้จักพลังคละถิ่นขึ้นมาบ้าง

ภายในดินแดนจิตโลกา…ก็มีสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูที่เก็บเกี่ยวบางสิ่งจากพลังคละถิ่นจนได้ ‘แก่นแท้อลวน’ ออกมา

แม้ในฐานะยอดฝีมือวิถีอากาศ ตงป๋อเสวี่ยอิงจะได้สัมผัสพลังคละถิ่นมาตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วก็ตามที ทว่าหากพูดถึงระดับการปะทุของการเข้าถึงแล้ว ก็ยังคงเป็นหลังจากได้รับเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งมา เกรงว่าการควบคุมและใช้งานพลังคละถิ่นของเขาคงจะสูงส่งกว่าจักรพรรดิเซี่ยเสียอีก! ปุจฉวิถีคละถิ่นที่จักรพรรดิเซี่ยคิดค้นขึ้นนั้น บัดนี้เขาก็ได้ปรับปรุงแก้ไขไปบ้างแล้ว

“ไม่ยากเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับรู้ดูเล็กน้อย เวลาเพียงแค่ชั่วจอกชาหนึ่งก็รู้แจ้งความเร้นลับของอักขระลับบนเตาสามขาเพลิงโลกันตร์เหล่านี้แล้ว

เตาสามขาเพลิงโลกันตร์ที่ตามรบกวนจักรพรรดิเก้าเมฆามาตลอดคืนวันอันยาวนาน เตาสามขาเพลิงโลกันตร์ที่ทำให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยากได้ บัดนี้กลับถูกตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจจนทะลุปรุโปร่งแล้ว

“โลกที่บรรจุอยู่ภายในหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพบแล้วว่าช่างสมชื่อจริงๆ ภายในเตาสามขาเพลิงโลกันตร์นี้มีโลกบรรจุอยู่ภายในจริงๆ “เป็นสมบัติลับที่พิเศษนัก สมบัติลับกระตุ้นขึ้นมาได้ยากถึงเพียงนี้ นอกจากนี้อาศัยศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาก็ยังมิอาจบุกฝ่าเข้าไปได้ด้วย” เรื่องนี้ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงพอจะคาดเดาได้รางๆ ตั้งแต่การกระตุ้นพลังที่แฝงอยู่ในอักขระลับ และเมื่อดูจากความเร้นลับคละถิ่นแล้ว สมบัติลับนี้ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นหลอมแปรขึ้นมาก็เป็นได้

สวบ

เพียงชั่วความคิดเดียว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าไปในเตาสามขาเพลิงโลกันตร์แล้ว

ร่างแยกของเขามีตั้งมากมาย จะเสียร่างแยกไปสักร่างก็เป็นเรื่องเล็ก จึงย่อมไม่กลัวว่าภายในเตาสามขาเพลิงโลกันตร์นี้จะมีภัยคุกคามใดอยู่หรือไม่

 ………………………………