ตอนที่ 1344 ทางเลือกของชะตาชีวิต

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1344 ทางเลือกของชะตาชีวิต โดย Ink Stone_Fantasy

พระผู้สร้างคือผลงานชิ้นเอกของเผ่าพันธุ์มันหลังจากที่ยกระดับขึ้นมา มันคือปาฏิหาริย์ที่ต้องเวลาเกือบร้อยปีและทรัพยากรอีกจำนวนนับไม่ถ้วนกว่าจะสร้างขึ้นมาได้สำเร็จ มันถูกมองว่าเป็นก้าวกระโดดในการใช้เวทมนตร์ของเผ่าพันธุ์ แล้วก็เป็นเครื่องมือที่จะใช้บดขยี้อาณาจักรซีสกาย

พอคำพูดนี้ออกไป ภายในหอเจ้าชีวิตตกอยู่ในความเงียบอย่างน่าประหลาดไปชั่วขณะ

เฮคซอดอยากจะถอนคำพูดของตัวเองที่พูดไปเมื่อครู่นี้ แต่พอคิดถึงสถานการณ์การรบที่อาจจะดำเนินไปถึงจุดที่เลวร้ายที่สุด มันจึงพยายามฝืนสะกดความคิดที่จะถอนคำพูดเอาไว้

มันจำเป็นต้องรับผิดชอบต่อชะตาชีวิตของเผ่าพันธุ์

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง น้ำเสียงราบเรียบของจักรพรรดิดังขึ้นอีกครั้ง “ข้าจำได้ว่าเราเคยคุยเรื่องนี้ไปเมื่อครั้งที่แล้ว เจ้าน่าจะรู้ว่าพระผู้สร้างมันมีความหมายอย่างไรต่อเผ่าพันธุ์ของเรา”

“ความหวังที่จะเอาชนะอาณาจักรซีสกาย” สกายลอร์พยักหน้า “แต่มันก็เท่านั้นขอรับ”

“อะไรคือแต่ก็เท่านั้น?” ในที่สุดบลัดดี้คองเคอเรอร์ก็ทนไม่ไหว มันคำรามเสียงดังออกมา “มันไม่เพียงแต่จะทำให้พวกเรากำจัดข้อจำกัดของละอองชีวิตได้  แต่พวกเรายังสามารถอาศัยมันในการโจมตีกลับอาณาจักรซีสกายได้ด้วย ต่อให้เอามันไปใช้ในสนามรบทางฝั่งตะวันออก มันก็สามารถช่วยลดความกดดันของแนวป้องกันได้อย่างมาก! ซึ่งนี่หมายถึงความตายของเผ่าพันธุ์นับสิบๆ ล้าน แต่เจ้ากลับบอกว่ามันก็เท่านั้นอย่างนั้นเหรอ?”

“ตอนแรกก็เป็นลูกน้องอัจฉริยะของเจ้าที่มาขอให้ทุ่มกำลังทั้งหมดที่มี แล้วตอนนี้เจ้ายังมาขอให้เอาพระผู้สร้างไปใช้รับมือแมลง เจ้าสองตัวนี่เหมือนกันจริงๆ” เดอะแมสก์ยิ้มเยือกเย็นขึ้นมา มันมองทุกคนที่อยู่ในสภาหอเจ้าชีวิตอย่างชั่วร้าย “ไม่ทราบว่าทุกคนมีความเห็นยังไงบ้าง?”

“….ขอโทษด้วยที่ข้าไม่เห็นด้วย” เฮทริตตอบออกมาสั้นๆ

ราชาตัวอื่นๆ เองก็แสดงออกมาว่าไม่เห็นด้วย

มีเพียงไซเลนท์ดิสแอสเตอร์เท่านั้นที่ไม่พูดอะไร

สำหรับสถานการณ์แบบนี้ เฮคซอดคิดเอาไว้แต่แรกแล้ว มันรู้ว่าเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างมาก จนมันไม่สามารถไปคุยกับจักรพรรดิตามลำพังด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ัตัดสินใจขอให้เรียกประชุมสภา ถ้าไม่ได้รับความเห็นชอบจากในสภา ทุกสิ่งที่มันทำก็จะไร้ความหมาย

ตอนนี้มนุษย์คล้ายกับพวกมันตอนหลังสงครามแห่งโชคชะตาครั้งแรกอย่างมาก

ด้วยการดูดซับการสืบทอด เผ่าพันธุ์มันได้ยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ เทคนิคการใช้พลังเวทมนตร์แบบใหม่ๆ หลั่งไหลออกมา ทุกๆ สิบปีจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อัตราการยกระดับเพิ่มขึ้นสูงจนทำให้ร่างยกระดับระดับต้นไม่ใช่สิ่งที่หายากอีกต่อไป การประดิษฐ์ร่างซิมไบออนท์ขึ้นมาทำให้ร่างชั้นต่ำที่ไม่มีพลังเวทมนตร์กลายเป็นนักรบได้ การใช้หินเวทมนตร์เองก็แพร่หลายขึ้นมาในช่วงเวลานั้น ผลสำเร็จเหล่านี้ล้วนแต่สะท้อนออกมาให้เห็นในสงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่สอง ถึงแม้อาณาจักรซีสกายจะได้รับการยกระดับที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกมัน แต่พวกมันก็ยังใช้เวลาไม่ถึง 30 ปีในการขับไล่มนุษย์ออกไปจากดินแดนแห่งรุ่งอรุณ

แต่ตอนนี้ชะตาชีวิตเหมือนจะยืนอยู่ข้างมนุษย์

ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วในการเปลี่ยนแปลงของพวกเขาก็ยังเร็วกว่าเผ่าพันธุ์ของมันในตอนนั้น เมื่อฟังจากปากขุนนางที่สวามิภักดิ์ต่อมันทำให้มันได้รู้ว่าเมื่อสิบปีก่อนอาณาจักรเกรย์คาสเซิลก็ไม่ได้ต่างอะไรตากอาณาจักรอื่นๆ เลย ส่วนราชาของเกรย์คาสเซิลในตอนนี้ หรือก็คือเจ้าชายลำดับที่สี่ขอตระกูลวิมเบิลดันก็ยิ่งไม่มีค่าอะไรให้พูดถึงเลย

ดังนั้นความลังเลกับการล่าช้าจึงมีแต่จะทำให้อีกฝ่ายแข็งแกร่งขึ้น

มันจำเป็นต้องทำให้ทุกคนรู้ถึงจุดนี้

“เราพ่ายแพ้ศึกทางตะวันตกแล้ว” เฮคซอดสูดหายใจ มันนึกภาพออกเลยว่าบลัดดี้คองเคอเรอร์กับเดอะแมสก์จะทำหน้าแบบไหน แต่เพื่ออนาคตของเผ่าพันธุ์แล้ว มันได้โยนความรู้สึกส่วนตัวทิ้งไป “ถึงแม้เผ่าพันธุ์เราจะยึดเอาอาณาจักรของมนุษย์มาได้สองอาณาจักร แต่เราก็ไม่มีกำลังเหลือพอที่จะบุกเข้าไปต่อ การที่ไม่สามารถบุกเข้าไปต่อก็หมายความว่าพวกเรายากที่จะได้เศษชิ้นส่วนสืบทอดมาในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งนี่ไม่ได้ต่างอะไรกับความพ่ายแพ้เลย”

“เจ้าว่าอะไรนะ?” เดอะแมสก์ถามอย่างแปลกใจ “นั่นมันกองทัพที่มีกำลังมากกว่าแสนตัว แถมยังมีร่างซิมไบออนท์อีกตั้งหลายตัวนะ! แล้วจะไปแพ้ให้แมลงพวกนั้นได้ยังไง?”

“เจ้ากำลังหลอกจักรพรรดิงั้นเหรอ!” บลัดดี้คองเคอเรอร์คำรามใส่สกายลอร์ด “ก่อนหน้านี้ไม่นานเจ้ายังบอกอยู่เลยว่าสถานการณ์ทางตะวันตกเรียบร้อย เผ่าพันธุ์เราสามารถเข้าไปเหยียบในดินแดนของมนุษย์ได้อย่างราบรื่น! ละอองชีวิตปกคลุมไปทั่วทั้งดินแดน แล้วตอนนี้เจ้ากลับมาบอกว่าไม่สามารถเอาชนะแมลงได้? นี่มันช่างน่าขันจริงๆ!”

“อุรูคเคยเตือนข้าเอาไว้แล้ว แต่ข้าไม่ได้ให้ความสำคัญต่อคำเตือนนั้นมากพอ ก็เหมือนพวกเจ้าในตอนนี้ที่กำลังมองข้ามคำเตือนของข้า” มันค่อยๆ พูด เพราะว่าคำพูดมันยากจะอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแนวรบตะวันตกได้ ถ้าอยากจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ ข้าก็คงได้แต่ต้องให้พวกเจ้าเห็นด้วยตาของพวกเจ้าเองแล้วล่ะ”

จากนั้นเฮคซอดก็ก้มหัวไปทางจักรพรรดิ เพื่อให้จักรพรรดิดึงความทรงจำออกมา

นี่เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนมันไม่มีวันทำอย่างแน่นอน เพียงแต่เมื่อมาถึงตอนนี้ มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก อย่างน้อยจักรพรรดิก็คงไม่ถือสาคำพูดที่มันเผลอคิดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจล่ะมั้ง

ดวงตาบนหอคอยแห่งความกำเนิดเบิกโพลงพร้อมกัน สัมผัสอันเยือกเย็นไหลทะลักเข้าไปในหัวของมัน เฮดซอดฝืนเปิดจิตสำนึกของตัวเอง พร้อมกับท่องว่าข้าจงรักภักดีต่อจักรพรรดิ แล้วปล่อยให้สัมผัสเยือกเย็นนั้นไหล่ไปทั่วร่างกาย!

นกเหล็กที่บินไปมาบนฟ้า ฝนเพลิงที่ตกลงมาจากฟ้า ลูกบอลเพลิงที่ทั้งใหญ่และสว่างเจิดจ้า อีกทั้งลูกดอกหินอาญาสิทธิ์ที่สามารถยิงมาจากระยะไกล…ภาพแต่ละภาพค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา มันรู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับไปสู้กับมนุษย์อีกครั้ง

หลังความรู้สึกหนาวเย็นหายไป สีหน้าของราชาทุกตัวต่างดูย่ำแย่ไปตามๆ กัน เฮคซอดรู้ว่าพวกมันต่างก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ถูกมนุษย์ซุ่มโจมตีและเฉียดความตายไปเพียงนิดเดียวเหมือนกับตน

แม้แต่ทะเลหมอกแดงที่อยู่ใต้เท้าก็เดือดพล่านขึ้นมา

ถึงแม้อุรูคจะเคยรายงานเรื่องการเปลี่ยนของอาวุธที่มนุษย์ใช้ในการสู้รบมาแล้ว แต่คำพูดใดๆ ก็ไม่อาจเทียบกับประสบการณ์ที่ได้สัมผัสด้วยตัวเองได้ ไม่มีสุดยอดอมนุษย์ แล้วก็ไม่มีอาวุธเวทมนตร์ มีเพียงแค่วัตถุโลหะรูปทรงแปลกๆ ที่ขี่โดยมนุษย์ที่ไม่มีเวทมนตร์ ร่วมมือกับแม่มดอีกแค่ไม่กี่คนก็สามารถเล่นงานราชาจนเกือบตายได้

“แมลง…สร้างของพวกนั้นขึ้นมาจริงๆ เหรอ?” เดอะแมสก์พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ข้าสัมผัสถึงพลังเวทมนตร์ไม่ได้เลย”

“ความจริงนั่นคือจุดเด่นของพวกเขา” เฮคซอดรู้ว่าโอกาสเพียงหนึ่งเดียวของมันมาถึงแล้ว “ความแข็งแกร่งของมนุษย์ไม่สามารถใช้แม่มดที่มีจำนวนเพียงน้อยนิดมาเป็นเกณฑ์วัดได้อีก หากแต่ควรจะนับรวมผู้ที่ไม่มีพลังเวทมนตร์เข้าไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากมีอาวุธเหล่านี้แล้ว มนุษย์ที่ไม่มีพลังเวทมนตร์ที่เดิมเป็นพวกอ่อนแอก็สามารถสู้รบได้ไม่ต่างจากร่างระดับต้นเลย เผลอๆ มันอาจจะเล่นงานร่างยกระดับระดับต้นหรือร่างยกระดับระดับสูงได้ด้วยซ้ำ”

“แล้วยังไง? เจ้าคิดจะพูดอะไรกันแน่?”

“ข้าอยากจะถามทุกคนว่า ต่อให้ใช้พระผู้สร้าง พวกเจ้ามั่นใจไหมว่าภายในสิบปีจะสามารถบุกเข้าไปยึดอาณาจักรซีสกายได้?

คำตอบคือไม่อย่างไม่ต้องสงสัย

พระผู้สร้างนั้นเป็นแค่เครื่องมือที่ใช้ในการโจมตีกลับ แต่มันกลับไม่ใช่สิ่งที่จะรับประกันว่าพวกมันจะคว้าชัยชนะมาได้ อาณาจักรซีสกายเองก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่ยกระดับเหมือนกัน ไม่มีใครรู้ว่าเมื่ออยู่ในดินแดนของพวกมัน พวกมันจะแข็งแกร่งขนาดไหน แผนการที่พวกมันวางเอาไว้ในตอนแรกก็คือป้องกันแบล็คสโตนเอาไว้ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็กลืนกินชิ้นส่วนสืบทอดของมนุษย์ หลังจากที่เผ่าพันธุ์ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นแล้วค่อยใช้พระผู้สร้างในการทำลายอาณาจักรซีสกาย

“ต่อให้เอาความผิดทั้งหมดโยนมาที่ข้าก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้แนวรบตะวันตกพ่ายแพ้เป็นที่แน่นอนแล้ว นี่คือความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้!” เสียงของเฮคซอดดังขึ้นมากกว่าเดิม “ถ้าเราไม่ทำอะไรล่ะก็ หลังจากนี้อีกสิบปีพวกเราไม่เพียงแต่จะไม่สามารถโจมตีกลับอาณาจักรซีสกายได้ แต่พวกเราอาจจะเอาชนะมนุษย์ไม่ได้ด้วยซ้ำ! ผลลัพธ์สุดท้ายคือพวกเราถูกศัตรูบุกเข้ามาบดขยี้ในดินแดนของตัวเอง ข้าขอถามหน่อยว่าพระผู้สร้างสำคัญกว่าเรื่องนี้อีกอย่างนั้นเหรอ!”

“นี่มันก็แค่ความเห็นของเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น..” บลัดดี้คองเคอเรอร์กัดฟันพูด

“ไม่ใช่แน่นอน”

“หรือเจ้าอยากจะพูดถึงอุรูคอีก?”

“ไม่” สกายลอร์ดชะงักไปเล็กน้อย “ข้าหมายถึงไนท์แมร์ลอร์ดต่างหาก”

ในเมื่อตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นการหลอกลวงเพียงเล็กน้อยก็ทำไปเพื่อความจงรักภักดี ในเวลาแบบนี้ มันไม่สามารถถอยกลับได้อีกแล้ว “ข้าไม่รู้ว่าไนท์แมร์ไปเจอเบาะแสอะไรในโลกแห่งจิตสำนึกกันแน่ จนทำให้มันเลือกที่จะเสี่ยงอยู่ในนั้นแล้วทิ้งสงครามในแนวหน้า แต่ก่อนที่จะเข้าไปในโลกแห่งจิตสำนึกครั้งสุดท้าย วัลคีรีย์เคยบอกข้าว่ามันเริ่มจะเชื่อในการคาดเดาของไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ที่บอกว่ามนุษย์น่าจะได้รับการสืบทอดบางอย่างมา”

บลัดดี้คองเคอเรอร์ตกตะลึงอยู่บนบัลลังก์

เสียงในสภาที่เดิมเทไปด้านหนึ่งเริ่มสั่นคลอนแล้ว

……………………………………………………………