ตอนที่ 1346 จดหมายจากทิลลี โดย Ink Stone_Fantasy
เมืองเนเวอร์วินเทอร์ เกรย์คาสเซิล
โรแลนด์พลิกดูรายงานที่ถูกส่งมาจากแนวหน้า ก่อนจะกำหมัดขึ้นมา
“มีอะไรหรือเพคะ ฝ่าบาท?” ไนติงเกลที่อยู่ข้างๆ สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา
“เปล่า…ไม่มีอะไร” เขานั่งพิงไปบนเก้าอี้ ก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา “ทุกคนต่างทำผลงานได้ดีกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ ข้าเพียงแค่ดีใจเท่านั้น”
“งั้นเหรอเพคะ?” ไนติงเกลตกตะลึง จากนั้นจึงยิ้มขึ้นมา “ดูเหมือนพวกเขาต่างกำลังพยายามอยู่นะเพคะ”
“ใช่” โรแลนด์ลุกขึ้นมาเทเครื่องดื่มยุ่งเหยิงสองแก้ว ก่อนจะยื่นไปให้ไนติงเกล “พวกเราต่างกำลังพยายามอยู่…”
นี่ไม่ใช่คำพูดที่พูดออกมาลอยๆ หากแต่เป็นความคิดที่ออกมาจากใจเขาจริงๆ หากไม่ได้เห็นทุกอย่างกับตาตัวเอง เขาก็ยากที่จะเชื่อมโยงกองทัพที่หนึ่งในปัจจุบันนี้กับทหารชาวบ้านที่ในมือถือหอกไม้เมื่อก่อนนี้ได้
ทำศึกต่อเนื่องยาวนานถึง 8 วัน แต่ก็ยังสามารถทำการถอยได้อย่างมีกลยุทธ์ คอยคุ้มกันซึ่งกันและกันในการทำศึกในพื้นที่เปิดโล่งและกระตือรือร้นที่จะปลุกขวัญและกำลังใจซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างชัยชนะในสนามรบ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่แสดงให้เห็นว่ากองทัพที่หนึ่งนั้นพัฒนาไปมากขนาดไหน นอกจากนี้ความร่วมมือของอาณาจักรดอว์นกับการที่ผู้อพยพเสนอตัวจะอยู่ช่วยเหลือกองทัพที่หนึ่งก็ทำให้เขาเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในภาพรวมของมนุษย์
แต่สิ่งที่ทำให้โรแลนด์รู้สึกประหลาดใจมากที่สุดก็คือเอดิธส์
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เธอจะเคยแสดงให้เห็นความสามารถที่ไม่ธรรมดาของเธอมาแล้ว แต่ความน่าประทับใจของเธอในศึกครั้งนี้เรียกได้ว่าเหนือกว่าครั้งก่อนๆ มาก
ใช้ประโยชน์จากความสามารถในการขนส่งที่แข็งแกร่งของรถบรรทุกไอน้ำในการทำศึกเคลื่อนที่ในดินแดนของวูล์ฟฮาร์ท แล้วก็แสดงจุดเด่นในเรื่องการยิงระยะไกลและอานุภาพที่รุนแรงของปืนใหญ่ป้อมออกมาได้อย่างเต็มที่ นี่ดูคล้ายสไตล์การทำศึกแบบสายฟ้าแลบเลย
ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังสั่งให้ทหารทิ้งเมืองออกมา ทำให้แนวป้องกันของศัตรูที่ขยายยาวขึ้นเกิดช่องโหว่จำนวนมากขึ้นมา จากนั้นค่อยใช้หน่วยเคลื่อนที่โจมตีจุดอ่อนของศัตรู
กองทัพที่หนึ่งสามารถกำจัดปีศาจไปได้เป็นจำนวนมากโดยเสียหายเพียงแค่นิดเดียว แถมยังทำให้การรุกคืบของปีศาจหยุดอยู่ที่ระยะ 2 – 3 ร้อยเมตรนอกเขตหมอกแดง หน่วยที่มีความดีความชอบมากที่สุดย่อมต้องหนีไม่พ้นทีมที่ปรึกษา
ถึงแม้โรแลนด์จะเคยคุยเรื่องมุมมองของรูปแบบสงครามหลังจากนี้และการเปลี่ยนแปลงของสงครามที่เกิดขึ้นจากเครื่องจักรกับเอดิธส์ แต่ว่าเขายังไม่เคยคุยไปถึงเรื่องรายละเอียดรูปแบบของเครื่องจักร ‘รถหุ้มเกราะ’ ที่เขาฝากความหวังเอาไว้ ตอนนี้ยังคงจอดอยู่ในโรงงานในรูปแบบรถแทรกเตอร์ การที่เอดิธส์สามารถคิดถึงรถบรรทุกที่ใช้ขนส่งได้ สายตาของเธอเรียกได้ว่าก้าวข้ามยุคสมัยไปแล้ว
เป็นเพราะการรวมตัวกันของความสามารถเฉพาะตัวและการรวมพลังกันของทุกคนถึงได้ทำให้มนุษย์ได้รับชัยชนะครั้งนี้มา
ตอนนี้ความเคลื่อนไหวของปีศาจถูกจำกัดเอาไว้ ส่วนทางด้านกองทัพที่หนึ่ง ทหารและทรัพยากรที่ถูกส่งเข้ากองทัพมาใหม่ต่างก็ทยอยถูกส่งไปที่แนวหน้า ในเวลานี้ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝั่งเริ่มทิ้งห่างกันแล้ว
เอาไว้เมื่อไรที่ทั้งคนและทรัพยากรถูกเตรียมเอาไว้พร้อม การโจมตีกลับที่แท้จริงก็จะเริ่มต้นขึ้น
โรแลนด์กับไนติงเกลชนแก้วกันเบาๆ
ความแข็งแกร่งของมนุษย์เริ่มเปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆ
…..
หลังดื่มเครื่องดื่มหมด เขาก็กลับมาที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง
ตามธรรมเนียมการรายงานของกองทัพที่หนึ่ง หลังรายงานข่าวดีแล้วก็จะเป็นการรายงานปัญหาต่างๆ
ซึ่งปัญหาเหล่านี้ก็มีแต่เขาเท่านั้นถึงจะแก้ไขได้
อย่างเช่นความสูญเสียอันน่าปวดใจที่เกิดจากการเคลื่อนไหวที่มีความคล่องตัวสูง
ปัญหาเรื่องนี้วางเอาไว้อันดับแรกในรายงาน เนื่องจากความไม่แน่นอนของสนามรบ ยิ่งสมาชิกในหน่วยรถบรรทุกหยุดอยู่บริเวณที่รถบรรทุกเสียนานเท่าไร มันก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น ในสถานการณ์ที่ขาดแคลนเครื่องมือและสภาพแวดล้อมในการซ่อมแซม คนแค่สอนคนอย่างมากก็จัดการได้แค่ปัญหาง่ายๆ อย่าเช่น ยางแตกหรือน้ำรั่วเท่านั้น หากต้องเจอกับปัญหาเกี่ยวกับโครงรถหรือระบบขับเคลื่อนแล้วล่ะก็ พวกเขาแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นรถบรรทุกไอน้ำส่วนใหญ่พังลงแล้ว พวกเขาก็ได้แต่ต้องถอดเอาลูกบาศก์เวทมนตร์ออกมา ส่วนตัวรถก็ทิ้งเอาไว้ในสนามรบ
นับตั้งแต่ที่ปีศาจบุกเข้ามา แนวหน้าก็สูญเสียรถบรรทุกไปมากกว่า 15 คัน ถ้าไม่เป็นเพราะยังต้องรถบรรทุกบางส่วนในการขนส่งของอยู่ โรแลนด์คิดว่าเอดิธส์คงจะเอารถบรรทุกทั้งหมดไปใช้ในวูล์ฟฮาร์ทแล้ว
ถ้าอยากจะแก้ไขสถานการณ์นี้ให้ดีขึ้น กองทัพที่หนึ่งจำเป็นต้องมีหน่วยสนับสนุนโดยเฉพาะ แล้วก็ต้องรีบสร้างที่ในการซ่อมบำรุงขึ้นมาเหมือนอย่างอัศวินอากาศ รถซ่อมบำรุงและรถลากคือสิ่งจำเป็นที่้ต้องใส่เข้าไปในตารางการผลิต
เขาสัมผัสได้อีกครั้งว่าการเอาเครื่องจักรขนาดใหญ่เหล่านี้ไปใช้ในสนามรบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แค่ว่าสร้างๆ ขึ้นมาให้แล้วเสร็จ หากแต่ยังมีเรื่องของทรัพยากรและเงินทุนอีกจำนวนมหาศาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่อาณาจักรในระบบศักดิดาจะแบกรับไหวเลย
นอกจากเรื่องที่มาขอรถบรรทุกเพิ่มขึ้นแล้ว ทางกองทัพยังแสดงความต้องการปืนใหญ่สนามขนาด 75 มม. และปืนกลเอนกประสงค์ด้วย จากสถิติต่างๆ ที่รวบรวมมาแสดงให้เห็นว่าพวกมันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรบให้กับกองทัพที่หนึ่งได้ ถ้าไม่เป็นเพราะว่ามันต้องใช้กระสุนปืนเป็นจำนวนมากแล้วล่ะก็ พวกมันถือได้ว่าเป็นอาวุธที่สมบูรณ์แบบชนิดหนึ่งเลยทีเดียว
โรแลนด์รู้สึกตื้นตันกับ ‘ข้อสรุปที่ดูเหมือนชมเชย แต่ความจริงแล้วคือการมาขอเงิน’ แบบนี้มาก จากนั้นเขาก็อนุมัติคำขอของกองทัพ
หลังพลิกอ่านมาถึงหน้าสุดท้ายของรายงาน เขาก็เห็นจดหมายของทิลลี
เขาเดาว่าเนื้อหาในจดหมายคงจะคล้ายๆ กับของทางกองทัพ ถ้าไม่มาเร่งให้สร้างเครื่องบินของเธอ ก็ต้องมาขอให้สร้างเฮฟเวนเฟลมเพิ่มมากขึ้น
‘ท่านพี่ ไม่เจอกันนานเลยนะ’
‘ท่านน่าจะยังไม่ลืมเรื่องที่รับปากข้าเอาไว้ใช่ไหม?’
‘ตอนนี้การโจมตีของปีศาจค่อยๆ อ่อนแรงลงแล้ว เดือนแห่งปีศาจปีนี้พวกเราผ่านไปได้อย่างปลอดภัย ข้าจะหาเวลากลับไปที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ หวังว่าตอนนั้นข้าจะได้เห็นหน้าตาที่แท้จริงของมันนะ’
อย่างที่คิดไว้เลย โรแลนด์กุมขยับ เขารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
โชคดีที่โครงสร้างทั้งหมดของเครื่องบินลำใหม่เป็นรูปเป็นร่างออกมาแล้ว เขาเองก็ต้องทำการทดสอบเครื่องบินลำใหม่ของทิลลีว่าใช้งานจริงได้หรือไม่
แต่คำพูดต่อมาของอีกฝ่ายกลับไม่เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้
ทิลลีร่ายปัญหาในการรบจริงของเฮฟเว่นเฟลมออกมายาวเหยียด เธอถึงขนาดคิดว่าควรจะหยุดการผลิตเฮฟเวนเฟลมเอาไว้ก่อน รอให้ปรับปรุงแก้ไขแล้วค่อยทำการผลิตใหม่ โดยปัญหาที่สำคัญที่สุดนั้นอยู่ที่ที่นั่งทั้งสอง
หลังทำการสรุปผลการรบของอัศวินอากาศ เธอพบว่าในจำนวนอสูรสยองจำนวน 65 ตัวที่สามารถยืนยันคนยิงตกได้ มีอสูรสยองแค่ตัวเดียวเท่านั้นที่ถูกยิงตกโดยพลยิงที่นั่งอยู่ข้างหลัง
เหตุผลนั้นก็เห็นได้อย่างชัดเจน นั่นเป็นเพราะในการสังหารระยะใกล้ ศัตรูไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการล็อกเป้าหมายนานเหมือนอย่างเครื่องบิน การขว้างหอกของปีศาจคุ้มคลั่งนั้นเป็นเหมือนกับเครื่องยิงหน้าไม้ที่มีมุมก้มกับมุมเงย 90 องศา และครอบคลุมพื้นที่ด้านหน้า 270 องศา ขอเพียงมีระยะห่างเพียงพอ มันก็สามารถโจมตีด้านบนกับส่วนท้องของเฮฟเว่นเฟลมได้ และในความเป็นจริงพวกมันก็มักจะมุดเข้ามาในมุมอับเหล่านี้บ่อยๆ ทำให้พลยิงที่นั่งอยู่ด้านหลังแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ต่อให้ศัตรูเข้ามาอยู่ในระยะยิง พลยิงที่อยู่กลางอากาศที่ไม่มีวัตถุอะไรให้ใช้อ้างอิงก็ยากที่จะระบุระยะห่างของเป้าหมายได้ แล้วก็ไม่สามารถคาดการณ์เส้นทางการบินของเครื่องบินล่วงหน้าได้ อัตราความแม่นยำในระยะ 100 เมตรเรียกได้ว่าต่ำจนน่าตกใจ บ่อยครั้งที่ยิงจนกระสุนหมดก็ยังยิงไม่ถูกศัตรู
ขณะเดียวกัน ในเวลาที่เฮฟเว่นเฟลมกราดยิงเป้าหมายบนพื้น พลยิงที่นั่งอยู่ด้านหลังจะมีโอกาสยิงเพียงเล็กน้อยในตอนที่เครื่องบินเชิดหัวขึ้นมา
ขณะเดียวกันทั้งตัวนักบิน อาวุธ กระสุน และแผ่นป้องกันตรงที่นั่งนักบินล้วนแต่เป็นการเพิ่มภาระให้กับเครื่องบิน อีกทั้งนักบินทั้งสองคนต้องผ่านการฝึกการบินจนครบทั้งหลักสูตรเพื่อที่จะได้ปรับตัวเข้ากับการบินได้ นี่ทำให้อาวุธปืนที่ติดตั้งอยู่ตรงที่นั่งข้างหลังมีประสิทธิภาพในการใช้งานที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับต้นทุนที่ต้องลงทุนไป ทิลลีพูดเอาไว้ตรงๆ ในจดหมายว่ามันเป็นการออกแบบที่ผิดพลาด ถ้าเอาที่นั่งด้านหลังออก มันไม่เพียงแต่จะทำให้มีจำนวนอัศวินอากาศเพิ่มขึ้นอีกเท่าหนึ่ง แต่ยังสามารถเอาน้ำหนักที่ลดน้อยลงไปใช้ทำอย่างอื่นได้
อย่างเช่นใส่น้ำมันเยอะขึ้น
อย่างเช่นติดตั้งระเบิดขนาดเล็ก
สรุปแล้วก็คือถึงแม้จะไม่สามารถผลิตเฮฟเวนเฟลมที่ทำการปรับปรุงออกมาได้ในทันที แต่อย่างน้อยก็ต้องยกเลิกการใช้งานที่นั่งด้านหลังไปก่อน
โรแลนด์ปิดจดหมายพร้อมยิ้มแห้งๆ ออกมา เขานึกภาพทิลลีตอนที่บ่นเรื่องเหล่านี้ออกมาได้เลย ถึงแม้เขาจะแอบรู้สึกเหนื่อยใจกับเรื่องที่การออกแบบของตนถูกวิจารณ์ แต่เมื่อเทียบกับข้อมูลที่อยู่ในโลกแห่งความฝันแล้ว ผลสรุปจากการรบจริงของทิลลีนั้นเป็นสิ่งที่เขาควรจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก
ในขณะที่เขากำลังจะพลิกดูแปลนเฮฟเว่นเฟลมเพื่อทำการปรับปรุง โทรศัพท์ที่แปะป้ายสำนักบริหารก็ดังขึ้นมา
โรแลนด์ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา อีกฝั่งหนึ่งมีเสียงตื่นเต้นของบารอฟดังขึ้นมาทันที
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทอันนาให้กระหม่อมมาทูลพระองค์ว่า ไอรอนทาวเวอร์ของพระองค์สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
…………………………………………………………………………..