“ห้าสิบลี้?” หวงฝู่เย่าเย่ว์ขมวดคิ้วอีกครั้ง ห้าสิบลี้ไกลเกินไป ต่อให้ตนคิดวิธีการส่งข่าวออกไปได้ ก็อาจไม่มีผู้ใดช่วยนาง
จนถึงตอนดึกหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ยังคงหาทางออกไม่ได้
ได้ยินเสียงหัวเราะแปลกๆ แว่วมาจากห้องด้านหน้า ใจของหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ยิ่งรู้สึกแย่ยิ่งขึ้น
ชายฉกรรจ์ยังคงให้คนมาส่งอาหาร หลังจากทั้งหมดกินอิ่มแล้ว ก็รออยู่ในห้องอย่างกระวนกระวาย
เป็นเช่นนี้ไปสามวัน นอกจากอาหารที่นำมาให้พวกเขาแล้ว ไม่มีเรื่องอื่นใดเกิดขึ้นเลย ใจของหวงฝู่เย่าเย่ว์แย่ลงกว่าเดิม
หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เฮ่าเองก็รู้สึกกลัวเช่นกัน หลายวันมาแล้วยังหาตัวหวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่พบ คงเป็นเพราะนางยังมาไม่ถึงชายแดน ข่าวจากทางฝั่งท่านแม่ทัพใหญ่บอกว่าหวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่ได้ไปหาพวกเขา เหลือแค่ความเป็นไปได้เดียว คือหวงฝู่เย่าเย่ว์เกิดเรื่องขึ้นระหว่างทาง
เมื่อมีความคิดนี้เกิดขึ้น ใจของหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เฮ่าก็ร้อนดั่งไฟ ระยะทางจากเมืองหลวงมายังชายแดนไกลถึงพันลี้ ต้องเดินทางผ่านหมู่บ้านหลายสิบหมู่บ้าน หากต้องไปค้นหาทีละที่ คงต้องใช้เวลาสักหน่อย อย่างนั้น หวงฝู่เย่าเย่ว์คงต้องลำบากเป็นแน่
ขณะที่ทั้งสองคน รวมทั้งหลินจ้งเองที่ยังไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรนั้น ฉู่เหวินเจี๋ยก็นำกองทัพมายังชายแดน
หลินจ้งนำพลทหารลาดตระเวนชายแดนทั้งหมดไปรอต้อนรับที่หน้าประตู
เหล่าชาวบ้านก็ต่างพากันมาต้อนรับด้วยความยินดี หลายสิบปีก่อน ฉู่เหวินเจี๋ยนำทัพทหารรบกับศัตรูเพื่อนบ้าน ปกป้องชีวิตของชาวบ้านไว้ได้ ชาวบ้านจดจำบุญคุณของเขาได้ บัดนี้เขานำทัพทหารมา ก็ต้องได้รับการต้อนรับอย่างไม่เคยมีมาก่อน
หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เฮ่าเองก็มาต้อนรับพวกเขา อยากจะบอกฉู่เหวินเจี๋ยว่าไม่ได้ข่าวของหวงฝู่เย่าเย่ว์เลย แต่เห็นการต้อนรับอย่างอบอุ่นของชาวบ้าน จึงเก็บคำที่อยากจะพูดเอาไว้ก่อน ยืนรออยู่เงียบๆ
เมิ่งชิงเห็นพวกเขา จึงควบม้าเข้ามาหา
ไม่รอเขาลงจากม้า หวงฝู่สือเมิ่งพูดอย่างร้อนใจว่า “ท่านน้าชิง เย่ว์เอ๋อร์อาจจะเจอเรื่องไม่ดีระหว่างทางเจ้าค่ะ”
เมิ่งชิงลงจากม้า รีบถามด้วยความร้อนใจว่า “เกิดอะไรขึ้น”
ทั้งสองนำการคาดเดาบอกเขาไป
เมิ่งชิงฟังจบ ขมวดคิ้ว และรู้สึกได้ว่าหวงฝู่เย่าเย่ว์อาจจะเจอปัญหาแล้ว จึงได้หันหลังไปมองฉู่เหวินเจี๋ยที่กำลังได้รับความสนใจจากชาวบ้านอยู่ หันมา พูดว่า “หลังจากที่พวกเจ้าแยกจากท่านแม่ทัพแล้ว เหยาเอ๋อร์ก็แยกจากแม่ทัพเช่นเดียวกัน ถามตลอดทางแต่ก็ไม่มีข่าวคราว เช่นนี้เย่ว์เอ๋อร์คงจะเจอปัญหาเข้าแล้วจริงๆ”
เมิ่งได้พบเมิ่งชิง ในที่สุดก็รู้สึกได้ว่ามีคนให้พึ่งพิง หลายวันมานี้ร้อนใจดั่งไฟลน หวงฝู่สือเมิ่งเหนื่อยล้าจนแทบไม่ไหว ตาแดงก่ำ ยื่นมือไปจับมือของเมิ่งชิงเอาไว้ ถามอย่างร้อนใจว่า “อย่างนั้นจะทำเช่นไรดี หากเกิดเรื่องกับเย่ว์เอ๋อร์ขึ้นจริงๆ…”
นางไม่ได้พูดต่อ และไม่กล้าพูดต่อ ไม่ต้องพูดถึงท่านพ่อและท่านแม่ อ๋องฉีและพระชายาเองก็คงจะรับไม่ไหวเช่นกัน
เมิ่งชิงเข้าใจความหมายของนาง จึงได้ปลอบใจนางว่า “อย่างร้อนใจไปเลยเมิ่งเอ๋อร์ เย่ว์เอ๋อร์ฉลาดนัก ไม่เกิดเรื่องอะไรหรอก ไม่แน่นางอาจจะคิดว่ากว่าจะออกมาได้ทั้งที อยากจะเดินเที่ยวไปรอบๆ ไม่กี่วันก็มาถึงแล้ว”
คำพูดเช่นนี้เขาเองยังรู้สึกว่าโกหกใครไม่ได้ พูดออกมาไม่มีความกล้า หวงฝู่สือเมิ่งที่กำลังไร้ความหวัง เมื่อได้ยินเช่นนี้แววตากลับมีประกายของความหวังขึ้นมา จึงรีบถามว่า “ท่านน้า เป็นเช่นนี้จริงหรือเจ้าคะ อีกไม่กี่วันเย่ว์เอ๋อร์ก็จะมาจริงหรือเจ้าคะ”
เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของนาง เมิ่งชิงไม่อาจส่ายหน้า ทำได้เพียงทรยศใจตนเองให้พยักหน้าลง
หวงฝู่สือเมิ่งเชื่อเช่นนั้น จึงได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย มองตาของเมิ่งชิงและพูดว่า “อย่างนั้นพวกเรารออีกสองสามวันหรือเจ้าคะ”
เมิ่งชิงพยักหน้า แต่ในใจกำลังวางแผนว่าจะสั่งคนให้ส่งข่าวไปยังเมืองหลวง ให้หวงฝู่อี้เซวียนเรียกำลังองครักษ์ลับออกมา สืบเสาะทุกหมู่บ้านตั้งแต่เมืองหลวงจนถึงชายแดน
กองทัพเข้าเมืองมา จัดการเรียบร้อย หลินจ้งพาฉู่เหวินเจี๋ยมายังจวนผู้บัญชาการ
เมื่อนั่งลง ฉู่เหวินเจี๋ยก็ถามเรื่องหวงฝู่เย่าเย่ว์ทันที เมื่อได้ยินข่าวว่ายังหาตัวนางไม่พบ ในใจก็เกิดลางสังหรณ์ร้ายขึ้นมา หันหลัง มองหลินจ้ง ถามตรงๆ ว่า “หลินจ้ง เจ้ามีคนที่สามารถใช้ได้กี่คน”
ใกล้การรบเข้ามาแล้ว คนในกองทัพไม่สามารถโยกย้ายได้ เมื่อฉู่เหวินเจี๋ยพูดเช่นนี้ หลินจ้งเข้าใจได้ทันที เขากำลังถามว่าตนมีกำลังเสริมอยู่เท่าใด จึงได้ตอบอย่างนอบน้อมว่า “เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ฝ่ายของข้า…ไม่มีคนที่สามารถใช้การได้เลยขอรับ”
เขาพูดความจริง ตอนอยู่ในเมืองหลวง เหล่าขุนนางข้าราชการต่างก็จะมีการเลี้ยงองครักษ์จวนเอาไว้ ราชวังอนุญาต แต่เมื่อมายังชายแดนแล้ว สถานะของเขาเป็นเพียงผู้บัญชาการเล็กๆ เท่านั้น ไม่มีสิทธ์จะเลี้ยงองครักษ์ได้ อีกอย่าง รายได้ของเขาไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูองครักษ์มากมายเพียงนั้น
เขาพูดจบ ฉู่เหวินเจี๋ยก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่พูดอะไร
เมิ่งชิงเปิดปาก “ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าคิดว่าอย่างไรเสีย ให้ม้าเร็วไปส่งจดหมายให้ซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยดีกว่า ซื่อจื่อเฟยมีองครักษ์ลับมากมายที่สามารถใช้ได้ สะดวกกว่ามาก”
ก็คงทำได้เพียงเท่านี้ ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า ขอหมึกมาจากหลินจ้ง เขียนจดหมายหนึ่งฉบับ สั่งให้องครักษ์ที่ติดตามมาด้วยรีบควบม้ากลับไปส่งจดหมายที่เมืองหลวง
ฉู่เหยายืนนิ่งอยู่ที่เดิม รู้สึกว่ามีอะไรแปลกไป ย่นคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็คิดไม่ออก
สองวันผ่านไป ใกล้เวลาเที่ยง แม่เล้าสั่งให้คนเปิดประตูห้องของหวงฝูเย่าเย่ว์ เดินนวยนาดเข้าไปด้านใน มองทุกคนอย่างพินิจพิจารณา เห็นว่าสีหน้าของทุกคนต่างมีเลือดฝาด และมีชีวิตชีวา จึงได้พยักหน้าอย่างพอใจ พูดว่า “เลี้ยงพวกเจ้ามาหลายวัน วันนี้ข้าจะได้ค่าตอบแทนเสียที ข้าจะบอกพวกเจ้าเอาไว้ คืนนี้จะมีแขกผู้ใหญ่เข้ามา หากพวกเจ้าปรนนิบัติเขาตามที่เขาต้องการได้ ไม่เพียงแต่พวกเจ้าที่จะสบาย ข้าเองก็จะได้ชื่อไปด้วย ได้เงินมา…” พูดถึงตรงนี้ เสียงก็ดังขึ้น พูดด้วยความดุร้ายว่า “แต่หากใครไม่ทำตามที่ข้าว่า ทำให้แขกพิเศษไม่พอใจ ข้าจะถลกหนังพวกเจ้าออกมา”
คนในห้อง รวมทั้งหวงฝู่เย่าเย่ว์กลัวจนตัวสั่น
แต่แม่เล้ากลับคิดว่ายังน่ากลัวไม่พอ จึงได้พูดเสียงแหลมว่า “ได้ยินหรือไม่”
ทั้งหมดตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ
แม่เล้าพอใจแล้ว หันหลังเดินออกไป พูดกับชายฉกรรจ์ว่า “พาพวกมันไปที่ห้องชำระล้าง ให้พวกมันได้อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด แล้วก็เตรียมชุดไว้ให้พวกมัน ส่วนจะถูกใจลูกค้าหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพวกมันเองแล้ว”
ชายฉกรรจ์ตอบรับ “ขอรับ” เมื่อเห็นแม่เล้าจากไปแล้ว ก็เดินไปหน้าประตู โบกมือให้คนในห้อง พูดด้วยน้ำเสียงน่าเกลียด ราวกับว่าเสียงนั้นถูกไฟเผา “ออกมาให้หมด”
ทั้งหมดเดินออกมา
ชายฉกรรจ์เดินนำ ทั้งหมดเดินตามด้านหลัง มายังห้องชำระล้าง
ตลอดทาง หวงฝู่เย่าเย่ว์อาศัยจังหวะที่ชายฉกรรจ์ไม่ได้สังเกต แอบมองลักษณะของบ้าน จำลักษณะของบ้านและการจัดวางเอาไว้ในใจ
ชายฉกรรจ์หยุดนิ่ง พูดกับทุกคนว่า “คนละห้อง น้ำร้อนจะเพิ่มขึ้นมาเอง อาบกันให้สะอาดล่ะ อีกครู่ข้าจะให้คนเอาเสื้อผ้าของพวกเจ้ามาให้”
เด็กหนุ่มเหล่านั้นตอบรับ จากนั้นก็ทยอยเดินเข้าไป
เมื่อเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำที่มีไอน้ำลอยโชย หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ได้วางใจลง เดินไปข้างๆ ถังน้ำ มองน้ำด้านในที่มีควันโชยขึ้นมา พร้อมโรยด้วยกลีบกุหลาบ จึงรีบถอดชุดออก เอาของที่แอบไว้ออกมา จากนั้นก็ถอดเอาของที่ติดตัวมาออกมา หาที่ซ่อนเอาไว้ จึงได้กระโดดลงไปในถังน้ำ นั่งสบายอยู่ด้านใน เริ่มอาบน้ำอย่างสบายใจ
ตอนอยู่ในจวนอ๋อง นางอาบน้ำทุกวัน แต่ว่ามาอยู่ที่นี่ ถูกขังไว้หลายวัน ได้อาบน้ำแบบนับครั้งได้ หวงฝู่เย่าเย่ว์ทนไม่ได้ วันนี้มีสวัสดิการดีเช่นนี้ ซ้ำยังไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนรู้ว่าเป็นผู้หญิง แน่นอนว่าจะต้องตั้งใจอาบน้ำเป็นอย่างดี
ในขณะที่นางกำลังอาบน้ำอยู่นั้น อดไม่ได้ที่จะร้องเพลงเบาๆ นั้น ก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆ
มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตนดีใจไปเสียหน่อย ล้างสีที่ทาตัวออกจนสิ้น หากมีคนเข้ามาเห็นผิวขาวของนาง อย่างนั้นต้องเป็นเรื่องแน่ ด้วยความร้อนใจ ตานางกลอกไปมา จากนั้นก็มุดตัวลงไปอยู่ในน้ำ เหลือไว้เพียงผมสีดำปกคลุมอยู่บนผิวน้ำ ไม่เพียงแต่บดบังสายตาของผู้มาเยือน ซ้ำยังบดบังร่างกายของนางอีกด้วย
ผู้มาเยือนเพียงแค่เข้ามาส่งเสื้อผ้าตามคำสั่งเท่านั้น เข้าประตูมา ไม่ชายตามองนางแม้แต่น้อย เดินตรงผ่านนางไป วางเสื้อผ้าไว้บนราวแขวนเสื้อที่ทำจากไม้ หันหลัง เห็นเสื้อผ้าที่นางโยนกองไว้ที่พื้น จึงก้มลงเก็บ กำลังจะเดินออกไปด้านนอก แต่กลับพบว่านางอยู่ในน้ำ ไม่ขยับ จึงสงสัย หวังจะเดินเข้าไปดูให้แน่ชัด
หวงฝู่เย่าเย่ว์โผล่หัวออกมาจากในน้ำ กระเด็นไปโดนเขาจนเปียกทั้งตัว ขณะที่เขากำลังรีบร้อนเช็ดอยู่นั้น ก็รีบกลับไปอยู่ในท่าเดิมทันที
ผู้มาเยือนเช็ดหยดน้ำที่อยู่เต็มหน้า เมื่อรู้ว่านางมิได้เป็นอะไร ก็เดินออกไปด้วยความโกรธ
เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็โผล่หัวออกมาจากน้ำ หายใจยาวเหยียด มือขวาทาบบนอก จับหัวใจที่เต้นระรัวของตน
เมื่ออาบน้ำเสร็จ ไปยังที่ซ่อนของ ใส่เสื้อผ้าที่ติดตัวมาให้เรียบร้อย จากนั้นก็นำชุดผ้าแพรที่มาส่งเมื่อครู่สวมทับ นำของที่ซ่อนอยู่ตลอดออกมา ทาบนหน้าของตน รวมทั้งลำคอและแขนขา ดีใจที่ตนเองไม่ได้นำของพวกนี้ไปไว้ในกระเป๋า ไม่เช่นนั้นก็คงถูกจับได้แล้ว จุดจบคงจะน่าสลดใจไม่น้อย
จัดระเบียบตัวเองเล็กน้อย เดินออกไป เด็กหนุ่มพวกนั้นอาบเสร็จแล้วเช่นกัน ชายฉกรรจ์กวาดตามองพวกเขา พยักหน้าด้วยความพอใจ พาพวกเขาเข้าไปในห้อง
พลบค่ำมาถึง ในบริเวณบ้านมีเสียงลอยแว่วเข้ามา เด็กหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความกระวนกระวาย
มีเพียงหวงฝู่เย่าเย่ว์เท่านั้นที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว รอให้แม่เล้ามาเรียกตัว
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม ขณะที่กำลังดึกได้ที่ ประตูก็ถูกเปิดออกมา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางค์ปรากฏที่หน้าประตู “แขกสำคัญมาถึงแล้ว พวกเจ้าออกมาพร้อมข้า”
ออกมา เดินตามแม่เล้ามายังด้านหน้า เดินผ่านชายมากหน้าหลายตาโดยไม่เหลียวตามอง มายังห้องหรูหราชั้นสอง หยุดเท้าลง
แม่เล้าเคาะประตู เสียงกังวาลดังลอยออกมา “เข้ามาได้”
แม่เล้าเปิดประตู เด็กหนุ่มหลายคนอยู่ด้านหลังด้วยความหวาดกลัว
“คุณชายเจ้าขา คนที่ท่านอยากได้มาแล้วเจ้าค่ะ เป็นของใหม่ทั้งหมด ท่านดูสิเจ้าคะ มีคนที่ท่านถูกใจหรือไม่” เสียงของแม่เล้าเต็มไปด้วยการประจบและออดอ้อน
“เงยหน้าขึ้นมาดูที” เสียงหนักแน่นดังขึ้นอีกครั้ง
ทั้งหมดเงยหน้าขึ้น หวงฝู่เย่าเย่ว์มองพิจารณาคนผู้นั้นเงียบๆ
เมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนจ้องอยู่ ชายผู้นั้นจึงได้หันมา สบตาพอดีกับหวงฝู่เย่าเย่ว์ ทันใดนั้น แววตาเขาก็มีประกายของความตื่นเต้นขึ้นมา สายตาเขามองมาราวกับเจอเหยื่อเข้าแล้ว
ความคิดในหัวของหวงฝู่เย่าเย่ว์ปรากฏขึ้นมาและหายไป ตัดสินใจไม่หลบตา ดวงตาที่ราวกับว่าเปล่งแสงได้เริ่มส่องประกาย ประจบ มองเขาอย่างมีความหวัง
ชายผู้นั้นชี้มาทางหวงฝู่เย่าเย่ว์ “เอาคนนี้ คนอื่นออกไปได้”
ถูกเลือกคนหนึ่ง แม่เล้ายินดีมาก รีบพูดประจบประแจงชายผู้นั้น
ชายผู้นั้นฟังแล้วรู้สึกรื่นหู หัวเราะชอบใจ โบกมือ คนข้างๆ เดินเข้ามา หยิบเงินจากกระเป๋ายื่นใส่มือแม่เล้า
มองเงินเหล่านั้น ตาของหวงฝู่เย่าเย่ว์หรี่ลง มองพิจารณาชายผู้นั้นด้วยความสงสัย จากนั้นก็มั่นใจ ว่าเขาไม่ใช่คนรัฐอู่
เมื่อได้เงินแล้ว เสียงหัวเราะน่าเกลียดของแม่เล้าดังก้องไปทั่วห้อง “ของคุณเจ้าค่ะคุณชาย ขอบคุณเจ้าค่ะ”
“ออกไปได้แล้ว” ชายผู้นั้นโบกมือ
แม่เล้าพาเด็กหนุ่มพวกนั้นออกมา
ชายผู้นั้นมองชายที่คอยรับใช้สองคนในห้อง
คนใช้เข้าใจ ก้มคำนับและจากไป จากนั้นก็ปิดประตูลงเบาๆ
ชายผู้นั้นยืนขึ้น เดินเข้าไปหาหวงฝู่เย่าเย่ว์
ร่างสูงใหญ่กำยำ ทำให้หวงฝู่เย่าเย่ว์กลัวจนอยากถอยออกไป
ชายหนุ่มเห็นว่าหวงฝู่เย่าเย่ว์กลัว แต่กลับแสร้งทำเป็นใจแข็งอยู่ จึงได้ยิ้มและเอื้อมมือไปคว้านางมา