บทที่ 709 จะรับได้ไหม

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 709 จะรับได้ไหม

เด็กหนุ่มที่มาขวางทางเยว่หงเซียงมีนามว่าเหลียงซือมู่

เขาคือ ‘ศิษย์อัจฉริยะ’ จากสถาบันกระบี่หลวงประจำนครเจาฮุย

และยังเป็นรองประมุขสมาคมผู้ใช้ค่ายอาคมรุ่นเยาว์ของนครเจาฮุยอีกด้วย

กล่าวได้ว่าเหลียงซือมู่เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงพอสมควรในกลุ่มผู้ใช้ค่ายอาคมรุ่นใหม่

และพื้นเพครอบครัวของเขาก็ไม่ธรรมดา เหลียงซือมู่มีบิดาเป็นถึงเจ้าเมืองผู้ปกครองนครเจาฮุย และยังกินตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลเฟิงอวี่อีกเช่นกัน

เหลียงซือมู่มีหน้าตาหล่อเหลา ทั้งยังมีพรสวรรค์ ความสามารถไม่เป็นสองรองใคร

ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าในชีวิตนี้ มีเด็กสาวดาหน้าเข้ามาให้เหลียงซือมู่คัดเลือกมากมายถึงเพียงใด

แต่ไม่กี่วันก่อน เขาเข้าร่วมงานชุมนุมของสมาคมผู้ใช้ค่ายอาคมรุ่นเยาว์ นั่นคือครั้งแรกที่เหลียงซือมู่ได้พบเห็นเยว่หงเซียงและเขาก็ถูกดึงดูดใจราวกับโดนมนต์สะกด

ไม่ใช่ว่าเหลียงซือมู่จะไม่เคยเห็นเด็กสาวที่งดงามมากกว่าเยว่หงเซียง มีความสง่างาม มีสถานะสูงส่ง และมีพรสวรรค์มากกว่าเยว่หงเซียง แต่เด็กหนุ่มก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด เขาถึงได้รู้สึกว่าใบหน้างามใสที่อยู่ภายใต้การปกคลุมของหน้ากากครึ่งซีกนั้นกลับดูมีเสน่ห์อย่างลึกลับเหลือเกิน

และสีหน้าที่เคร่งเครียดจริงจังตลอดเวลานั้นอีกเล่า มันทำให้เหลียงซือมู่รู้สึกเหมือนได้ค้นพบรักแท้ของชีวิต

ถึงจะใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ราบเรียบไม่เลิศหรู แต่สำหรับสายตาของเหลียงซือมู่ เยว่หงเซียงมีความสวยงามมากยิ่งกว่าเหล่าเด็กสาวที่สวมใส่เสื้อผ้าราคาแพงตัวละหลายพันเหรียญทองคำเสียอีก

ทุกครั้งที่ได้พบหน้าเยว่หงเซียง เหลียงซือมู่ก็รู้สึกเหมือนวิญญาณของตนเองจะหลุดลอยออกจากร่างเสมอ

หลังจากงานชุมนุมครั้งนั้น เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจเลิกรากับเหล่าเด็กสาวหลายสิบคนที่เขาพัวพันอยู่ เหลียงซือมู่ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะทุ่มเทความรักทั้งหมดที่มีให้แก่เยว่หงเซียงเพียงผู้เดียวเท่านั้น

แต่ทุกครั้งที่มาสารภาพรักกับนาง เหลียงซือมู่ไม่ต่างจากพูดใส่กำแพง

นี่คือครั้งแรกที่เหลียงซือมู่ถูกเพศตรงข้ามปฏิเสธ

แต่ยิ่งเยว่หงเซียงปฏิเสธมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งดึงดูดใจสำหรับเขามากเท่านั้น

วันนี้เป็นการสารภาพรักครั้งที่ 21 แล้ว

เหลียงซือมู่เชื่อมั่นเหลือเกินว่าด้วยความหล่อเหลาของเขา ด้วยพื้นฐานครอบครัวที่สูงส่งของเขา เช่นเดียวกับความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อและแสดงความจริงใจอย่างเพียงพอ ก็จะต้องสร้างความประทับใจให้แก่เยว่หงเซียง ผู้มาจากครอบครัวยากจนได้แน่นอน

“โอ้โห น่ารักที่สุด”

“นับว่าคุณชายเหลียงเป็นสุภาพบุรุษยิ่งนัก…”

“การเป็นคนรักของคุณชายเหลียง คือฝันที่เป็นจริงของเด็กสาวทุกคนบนโลกนี้เลยนะ”

บรรดาศิษย์ที่รวมตัวอยู่โดยรอบส่งเสียงพูดคุยกันอึงอล

โดยเฉพาะเหล่าศิษย์สาวงามที่ไม่สามารถซ่อนความอิจฉาริษยาในแววตาได้เลย

เยว่หงเซียงเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย

ความดื้อรั้นของเหลียงซือมู่ทำให้นางรู้สึกรำคาญใจ

แม้นับตั้งแต่เข้ามาอาศัยอยู่ในนครเจาฮุย ผู้คนจำนวนมากจะตั้งฉายาให้กับเยว่หงเซียงว่า ‘ธิดาหน้ากากปริศนา’ และมีพวกคุณชายจำนวนมากพยายามมาสารภาพรักกับนาง แต่เมื่อถูกเด็กสาวปฏิเสธไปสองถึงสามครั้ง สุดท้ายคุณชายเหล่านั้นก็ต้องถอดใจยอมแพ้กลับไปเอง

ไม่มีใครเป็นเหมือนเหลียงซือมู่มาก่อน ถึงจะถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ไม่มีแววว่าจะยอมแพ้เลยสักนิด

“ท่านชื่นชอบสิ่งใดในตัวข้า?”

เยว่หงเซียงจ้องมองเหลียงซือมู่เขม็ง

เด็กหนุ่มผู้นี้อาจจะเป็นคนดีในหัวใจของเด็กสาวหลายคน

หากเยว่หงเซียงไม่เคยผจญโลกกว้างมาก่อน ก็คงต้องหลงเสน่ห์เขาเป็นแน่แท้

แต่บัดนี้ไม่ใช่อีกแล้ว

ในเมื่อเยว่หงเซียงเคยเห็นความสวยงามของคลื่นทะเลในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่มาแล้ว นางจะไปตื่นเต้นกับกระแสน้ำที่เกิดจากการพายเรือในคลองเล็กๆ สายหนึ่งได้อย่างไร?

“แม่นางเยว่ ข้าชื่นชอบทุกอย่างในตัวเจ้า”

เมื่อเห็นว่าเยว่หงเซียงเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง เหลียงซือมู่ก็ละทิ้งศักดิ์ศรีของคุณชายอันสูงส่งและพูดด้วยความดีใจว่า “ข้ายินดีทำทุกอย่างเพื่อเจ้า ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ข้าจะไปหามาให้ ไม่ว่าเจ้าจะมีข้อเสียตรงไหน ข้าก็สามารถรับได้เสมอ…”

“จริงหรือ?”

เยว่หงเซียงขัดขึ้นกลางคัน

แล้วนางก็ปลดหน้ากากบนใบหน้าลงมา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ท่านรับสิ่งนี้ได้หรือไม่?”

แสงแดดอันหรุบหรู่ส่องต้องใบหน้าซีกซ้ายของเยว่หงเซียง รอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่เหมือนตะขาบยักษ์ไขว้กันสองตัวปรากฏขึ้นบนแก้มของนาง รอยแผลเป็นรากยาวจากหางคิ้วมาจรดปลายคาง สวนทางกับใบหน้าซีกขวาที่งดงามปราศจากตำหนิ

นี่คือใบหน้าอันสวยงามอย่างสยองขวัญที่แท้จริง เมื่อผู้คนได้ชำเลืองมองสักครั้งหนึ่งแล้ว อาจจะต้องกลับไปนอนฝันร้ายเลยทีเดียว

ได้ยินเสียงฮือฮาดังขึ้นรอบกาย

เมื่อกลุ่มศิษย์คนอื่นๆ เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเยว่หงเซียง พวกเขาก็อดส่งเสียงอุทานออกมาไม่ได้

โดยเฉพาะเหล่าเด็กหนุ่มที่พร้อมใจกันผงะถอยหลังไปด้วยความตื่นกลัว

ส่วนบรรดาเด็กสาวที่อุทานออกมาด้วยความตกใจนั้น ในแววตาของพวกนางก็ไม่ได้มีความอิจฉาริษยาอีกแล้ว เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความสะใจ แต่ก็มีบางคนที่แสดงแววตาสงสารเวทนาออกมาเช่นกัน

“ท่านจะรับใบหน้าส่วนนี้ของข้าได้หรือไม่?”

เยว่หงเซียงยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเมื่อจ้องมองเหลียงซือมู่ด้วยแววตาเย็นชา

เหลียงซือมู่อ้าปากพะงาบๆ พูดอะไรไม่ออก

เขารู้สึกเหมือนหัวสมองว่างเปล่า

เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?

เหตุผลที่เยว่หงเซียงจำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากครึ่งซีก ก็เป็นเพราะว่าต้องการปิดบังโฉมหน้าที่อัปลักษณ์ของตนเองอีกครึ่งหนึ่งอย่างนั้นหรือ?

นางไปโดนอะไรมานะ?

เหลียงซือมู่รวบรวมความกล้าหาญและจ้องมองใบหน้าซีกซ้ายของเด็กสาวอีกครั้ง

ถึงจะเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่เหลียงซือมู่ก็คลื่นไส้เกือบอาเจียนออกมา

น่ากลัวเกินไป อัปลักษณ์เกินไป น่าขยะแขยงมากเกินไป

ยามจ้องมองตอนกลางวันทำให้รู้สึกกินอาหารไม่ลง ยามจ้องมองตอนกลางคืนก็เหมือนกำลังอยู่ในฝันร้าย

“ขะ… ข้า…”

เหลียงซือมู่ไม่คาดคิดเลยว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้ เด็กหนุ่มผู้มีปฏิภาณไหวพริบเป็นเลิศอย่างเขา ถึงกับพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว

บนเส้นทางแห่งการสารภาพรักต่อเยว่หงเซียง เขาพร้อมเผชิญความยากลำบากนานาชนิดไม่หวั่นไหว แต่เหลียงซือมู่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจรับความเป็นจริงข้อนี้มาก่อน

เยว่หงเซียงไม่พูดอะไรอีก

นางเฝ้ามองสีหน้าว่างเปล่าของเหลียงซือมู่ ก่อนจะหันหน้าสำรวจมองความตกตะลึงในดวงตาของทุกคนที่อยู่โดยรอบ และแล้ว เยว่หงเซียงก็คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย

บัดนี้ เมื่อไม่มีหน้ากากปิดบังใบหน้าอีกต่อไป เด็กสาวก็รู้สึกได้ถึงความตื้นตันใจบางอย่างในหัวใจ

ในเมื่อทุกคนรู้กันหมดแล้ว นางยังจะต้องสวมใส่หน้ากากอีกหรือ?

เยว่หงเซียงสะบัดข้อมือ

หน้ากากเงินครึ่งซีกลอยขึ้นไปในอากาศ

ก่อนที่มันจะแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผง

นับจากนี้ไป เยว่หงเซียงไม่ต้องการหน้ากากอีกแล้ว

นางยิ้ม และหมุนตัวเดินออกมา

ขณะนี้ เยว่หงเซียงรู้สึกเหมือนกับว่าน้ำหนักนับพันชั่งที่แบบอยู่บนหัวไหล่ ได้ถูกยกออกไปหมดสิ้น เด็กสาวรู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน…

เสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือ…

หน้ากากชิ้นนั้นเป็น ‘เขา’ ให้มาแท้ๆ

มันถูกทำลายไปเสียแล้ว รู้อย่างนี้เก็บเอาไว้เป็นของแทนความทรงจำก็ดีหรอก

ยิ่งไปกว่านั้น เขายิ่งใหญ่และสูงส่งมากเกินไป ไม่ว่าทำอย่างไรนางก็ไม่สามารถไล่ตามทัน และคงไม่มีทางไปยืนเคียงข้างอย่างสมศักดิ์ศรีได้อีกแล้ว

ความหวังเล็กๆ ในหัวใจของเยว่หงเซียงพังทลาย

ความเศร้ากัดกินหัวใจ

“ขออภัย ไม่ทราบว่าศิษย์ท่านนี้คือเยว่หงเซียงใช่หรือไม่?”

ใครบางคนเดินมายืนขวางหน้า

เยว่หงเซียงหยุดชะงักและเงยหน้ามอง

และเด็กสาวก็พบว่าผู้ที่มายืนขวางหน้าตนเองนั้นเป็นชายฉกรรจ์วัยกลางคนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน พวกเขาสวมใส่เสื้อคลุมสีเทา ใบหน้าขาวซีดไม่มีหนวดเครา สีหน้าเย็นชา แม้เป็นคนที่ยังไม่ตาย แต่กลับให้ความรู้สึกไม่ต่างไปจากซากศพที่มีชีวิต

รัศมีอันตรายแผ่ออกมาจากร่างกายชายฉกรรจ์คู่นี้

“พวกท่านเป็นใคร?”

เยว่หงเซียงถามเสียงแข็งกระด้าง

หนึ่งในชายฉกรรจ์ชุดเทายกมือขึ้นแสดงป้ายประจำตัวตำแหน่งเจ้าหน้าที่มือปราบ ก่อนกล่าว “พวกเราได้รับคำสั่งจากใต้เท้าเซี่ยให้มาเชิญตัวแม่นางเยว่ไปสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดคดีฆาตกรรมใต้เท้าเหลียวหวังซู”

เยว่หงเซียงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ถึงนางจะไม่เคยเห็นหน้าชายฉกรรจ์สองคนนี้มาก่อน แต่ป้ายประจำตัวที่แสดงออกมานั้น ไม่ใช่ของปลอมอย่างแน่นอน

“เชิญพวกท่านนำทาง”

เด็กสาวยอมติดตามสองชายฉกรรจ์ไปแต่โดยดี

ห่างออกมาไม่ไกล

เหลียงซือมู่ผู้ยังไม่หายจากอาการตกตะลึงก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเช่นกัน

“นั่นมันคนจากหน่วยมือปราบอินทรีธูมระของท่านพ่อไม่ใช่หรือ?”

เมื่อพบเห็นชายฉกรรจ์วัยกลางคนในชุดสีเทาคู่นั้น เหลียงซือมู่ก็หายจากอาการตกตะลึงทันที

หน่วยมือปราบอินทรีธูมรณะเป็นหน่วยงานที่รับใช้บิดาเขาโดยตรง ภารกิจหลักคือการไล่ล่าสังหารศัตรูโดยไม่ให้มีผู้ใดจับได้ เจ้าหน้าที่มือปราบเกือบทุกคนในหน่วยล้วนถูกจับตอนเครื่องเพศตั้งแต่เด็ก จิตใจจึงโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์

ไม่ทราบเลยว่าผู้ที่ล่วงรู้ความลับอันน่าอับอายของบิดาเขาจำนวนเท่าไหร่ ต้องตายไปด้วยฝีมือของมือปราบอินทรีธูมรณะเหล่านี้

เหลียงซือมู่ทราบดีว่าบิดาของตนเองเป็นคนโรคจิตและมีความอำมหิตเพียงใด

เด็กหนุ่มล่วงรู้ความลับดำมืดหลายอย่างของบิดา นั่นทำให้หลายครั้งเขาต้องนอนฝันร้ายและสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยสภาพที่มีเหงื่อออกท่วมตัว

มือปราบอินทรีธูมรณะได้ชื่อว่าเป็นหน่วยงานที่ไม่เคยทำภารกิจล้มเหลว

บิดาของเขามีความโหดร้ายอำมหิตมากแค่ไหน เจ้าหน้าที่มือปราบเหล่านี้ก็มีความโหดร้ายอำมหิตมากเท่านั้น

แม้แต่เหลียงซือมู่กับบุตรชายคนอื่นๆ ของท่านเจ้าเมืองก็ยังไม่ค่อยอยากข้องเกี่ยวกับมือปราบเหล่านี้สักเท่าไหร่

“ว่าแต่พวกเขามารับตัวแม่นางเยว่ไปทำไมกันนะ?” เหลียงซือมู่อดรู้สึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้

ไม่มีทาง

เรื่องนี้เขาสมควรสืบสวนให้รู้คำตอบ

เมื่อสักครู่ เหลียงซือมู่ตกตะลึงกับโฉมหน้าที่แท้จริงของเยว่หงเซียงจนความคิดความอ่านของเขาสับสนวุ่นวาย

แต่ขณะนี้ เด็กหนุ่มไม่ได้รู้สึกรังเกียจใบหน้าที่เสียโฉมของเยว่หงเซียงอีกแล้ว

เพราะในจังหวะที่เห็นนางถูกมือปราบอินทรีธูมรณะคุมตัวจากไป ในหัวใจของเหลียงซือมู่ก็เกิดความรู้สึกเร่งเร้าอยากเข้าไปช่วยเหลือเยว่หงเซียงออกมาทันที

เมื่อคิดได้ว่าเยว่หงเซียงอาจเป็นเป้าหมายของบิดาผู้มีจิตใจวิปลาส และนางอาจจะถูกนำตัวไปทรมานแสนสาหัสอย่างโหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนา เหลียงซือมู่ก็รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกขึ้นมาทันที

เขารักนาง

เขารักนางจากหัวใจจริงๆ

เหลียงซือมู่จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด

ในหัวใจของเด็กหนุ่มพลันเกิดความกล้าหาญอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เหลียงซือมู่รีบใช้วิชาตัวเบาพลิ้วกายติดตามไปทันที