ตอนที่ 1357 การร่วมมือช่วยเหลือ

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1357 การร่วมมือช่วยเหลือ โดย Ink Stone_Fantasy

หลังจากนั้น 5 วัน ซีกัลก็มาลงจอดที่โรงเรียนอัศวินอากาศของเมืองเนเวอร์วินเทอร์

ทิลลีพานาน่าเดินลงมาจากเครื่องบิน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอไม่ได้ถามโรแลนด์ถึงเครื่องบินของเธอ หากแต่ถามเขาด้วยสีหน้าร้อนใจว่า  “พวกข้ายังมาทันใช่ไหม?”

เนื่องจากตารางรหัสโทรเลขของโปรเจคไอรอนทาวเวอร์ยังทำขึ้นมาไม่เสร็จ อีกทั้งอัศวินอากาศฝึกหัดที่เรียนรู้ภาคทฤษฎีเสร็จเรียบร้อยแล้วต่างก็เดินทางไปทำการฝึกบินจริงที่เมืองธอร์นกันหมดแล้ว ด้วยเหตุนี้วิธีการติดต่อสื่อสารที่เร็วที่สุดจึงเหลือเพียงแค่นกส่งจดหมายเท่านั้น ถึงแม้การใช้เวลาในการส่งข่าว 4 วันบวกกับเวลาเดินทางกลับมา 1 วันข้ามมาสองอาณาจักรครึ่งจะไม่ถือว่าช้า แต่สำหรับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว มันก็ยังถือว่าค่อนข้างช้าอยู่ดี

“ไม่ พวกเจ้ามาทันพอดี” โรแลนด์ตอบ

“งั้นเหรอ อย่างนั้นก็ดี…ครั้งหน้าข้าทิ้งอัศวินอากาศไว้ที่เนเวอร์วินเทอร์ซักคนดีกว่า เผื่อมีเหตุฉุกเฉินแบบนี้เกิดขึ้นอีก” ทิลลีถอนหายใจออกมา “เออใช่ แล้วคนเจ็บคือใครล่ะ?”

“เอ่อ…” โรแลนด์เป็นใบ้ไปทันที นกส่งจดหมายสามารถส่งจดหมายได้จำนวนจำกัด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อธิบายละเอียดมาก เขาเพียงแต่บอกให้ทิลลีรีบพานาน่ากลับมาที่เนเวอร์วินเทอร์ ตอนนี้เมื่อถูกถามเช่นนี้ เขากลับพบว่าตัวเองไม่รู้จะอธิบายยังไง หลังนิ่งเงียบอยู่ครู่ สุดท้ายเขาจึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า “คนที่ไม่ได้อยู่ในโลกนี้น่ะ”

“หา?” มุมปากทิลลีกระตุกขึ้นมา “ท่านหมายถึงโลกแห่งความฝันเหรอ?”

สมแล้วที่เป็นองค์หญิงลำดับที่ห้า การตอบสนองถือว่าเฉียบแหลมอย่างมาก…โรแลนด์กระแอมเล็กน้อย “ก็ประมาณนั้นแหละ”

“อย่างนั้นท่านบอกมาตรงๆ ก็ได้นี่นา ทำไมต้องพูดอ้อมค้อมด้วย” ทิลลีเหลือบมองเขาด้วยสายตารังเกียจ “ทำไม หรือท่านกลัวว่าข้าจะไม่พอใจที่ต้องเดินทางกลับมาเป็นพันๆ กิโลเพื่อช่วยคนที่อยู่ในความฝัน”

“ถูกเผงเลยเพคะ” นาน่าพูดเสริม

“ถ้าทายถูกก็ไม่จำเป็นต้องตรัสออกมาก็ได้นี่เพคะ” เวนดี้ส่ายหัวยิ้มๆ

นี่พวกเจ้าสามคน กำลังรุมข้าอย่างนั้นเหรอ?

“รู้สึกผิดมันก็เป็นเรื่องดี ท่านพี่” ทิลลีเขย่งเท้าขึ้นมา ก่อนจะยื่นนิ้วไปจิ้มที่หน้าอกของเขา “แต่ท่านเองก็ดูถูกทุกคนเกินไป ในเมื่อท่านคิดว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ ถึงแม้มันจะดูน่าขันแค่ไหน พวกเราก็จะทำมันก่อนแล้วค่อยว่ากัน แล้ว….หลังจากนี้ทำยังไงต่อล่ะ?”

นี่…น่าจะถือเป็นการแสดงความเชื่อใจอย่างหนึ่งหรือเปล่า?

โรแลนด์กดหัวทิลลีลง ก่อนจะหายใจเป็นไอสีขาวออกมา “กลับไปที่ปราสาท ตอนนี้บุ๊ครอพวกเราอยู่ที่นั่นแล้ว”

……

เมื่อมีการเตรียมพร้อม นาน่าก็สามารถสร้าง ‘ไหมเย็บแผลเวทมนตร์’ ขึ้นมากองใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว จากที่เธอบอกมา ถึงแม้จะเย็บแผลไม่เห็น แต่ขอเพียงเอาไหมเย็บแผลเหล่านี้ไปวางไว้ใกล้ๆ บาดแผล มันก็สามารถรักษาได้เหมือนกัน ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือต้องเอามันออกหลังจากบาดแผลหายดีแล้ว ไม่อย่างนั้นไหมเย็บแผลที่อยู่ไม่นิ่งเหล่านี้อาจจะสร้างปัญหาใหม่ให้คนเจ็บได้

เมื่อคำนึงถึงว่าวัตถุในโลกแห่งความจริงไม่มีทางที่จะหายไปเฉยๆ ได้ บุ๊คแค่เข้าไปในโลกแห่งจิตสำนึกไม่กี่ครั้งก็สามารถหาไหมเย็บแผลมาได้จำนวนมาก ด้วยเหตุนี้นาน่าถึงสามารถเก็บพลังเวทมนตร์เอาไว้ได้เป็นจำนวนมากเพื่อใส่ลงไปในอุปกรณ์ที่จะใช้ในการรักษาหลังจากนี้

ถึงแม้จะใช้เวลาในการเตรียมตัวไป 5 วัน แต่สำหรับโลกแห่งความฝันแล้วถือว่าแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น

แต่แน่นอน การทำแบบนี้อาจจะทำให้คนที่อยู่ในโลกแห่งความฝันผิดสังเกตได้ อย่างเช่นซีโร่ อย่างเช่นวัลคีรีย์…แต่ตอนนี้โรแลนด์ไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องพวกนั้นแล้ว

หลังทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็สูดหายใจ แล้วหันไปส่งสัญญาณมือบอกบุ๊คกับแม่มดคนอื่นๆ ว่าไม่ต้องห่วง จากนั้นจึงหลับตาแล้วเข้าไปในโลกแห่งความฝัน

หลังลืมตาตื่นขึ้นมา ภาพที่คุ้นเคยได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง

เฟยอวี่หานยังคงนอนจมกองเลือดอยู่ ส่วนอีกสองคนนั้นมองมาที่เขาอย่างประหลาดใจ ซีโร่คว้าแขนเสื้อเขาเอาไว้อย่างร้อนใจ “คุณอา คุณอามีวิธีช่วยเธอเหรอคะ?”

เวลากลับมาเดินอีกครั้ง เขาเหมือนได้กลับไปเมื่อ 5 วันก่อน

โรแลนด์เองก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาการ์เซีย

งานประลองยุทธ์จบลงแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ตอนนี้การ์เซียน่าจะอยู่ที่ตึกถงจึ

โทรศัพท์ถูกรับอย่างรวดเร็ว “ฮัลโหล มีอะไร?”

“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”

“ข้างนอก”

โรแลนด์ตกใจ “ทำไมถึงไม่อยู่ที่บ้าน?” ถ้าเกิดแผนการนี้ผิดพลาด เขาก็ได้แต่ต้องใช้แผนสำรอง นั่นคือแจ้งทางผู้คุมของสมาคมให้ส่งคนมา ซึ่งนั่นไม่เพียงแต่ต้องใช้เวลาอย่างมากในการอธิบาย แต่มันยังไม่แน่ว่าจะได้ผลเหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้ด้วย

“เฮ้ อะไรของนายเนี่ย ฉันมาซื้อขนมข้างล่างตึกไม่ได้เหรอไง?”

เขาโล่งใจ “เธออยู่ในตึกใช่ไหม? ตอนนี้พกกุญแจรถเอาไว้หรือเปล่า?”

“เหลวไหล” ในโทรศัพท์มีเสียงหงุดหงิดของการ์เซียดังขึ้นมา “นายจะพูดอะไรกันแน่?”

โรแลนด์กระแอม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ฟังนะ ฉันมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งอยากจะขอร้องเธอ ซึ่งเรื่องนี้มีแต่เธอเท่านั้นถึงจะทำได้”

“เอ่อ…”  จู่ๆ ท่าทีของเธอก็ดูอ่อนลงเล็กน้อย “แล้ว…ต้องพูดทางโทรศัพท์เท่านั้นเหรอ?”

“ถูกต้อง ไม่งั้นไม่ทันแล้ว ตอนนี้เธอรีบขับรถไปที่ลิ่วหลี่ถิงที่อยู่ถัดออกไปสองช่วงถนน ไปรับผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อบุ๊ค บุ๊คจะยืนรอเธออยู่ที่ปากทาง จากนั้นเธอก็พาบุ๊คมาส่งบนสะพานทางด่วนชานเมืองตะวันตก ซึ่งก็คือตำแหน่งที่ฉันอยู่ในตอนนี้” โรแลนด์ชะงักไปเล็กน้อย “ปกติจากตรงนั้นมาถึงสะพานทางด่วนนี่ต้องใช้เวลาประมาณ 30 นาที แต่ฉันไม่มีเวลามากขนาดนั้น ดังนั้นต้องรีบมาที่นี่ให้เร็วที่สุด ถ้ามีปัญหาอะไรฉันเป็นคนรับผิดชอบเอง ฝากด้วยนะ ตอนนี้เธอออกมาได้แล้ว!”

“…..” อีกฝ่ายเงียบไปหลายวินาที จากนั้นก็มีเสียงวิ่งเป็นจังหวะดังขึ้นมา “นายจะบอกว่าตอนนี้นายไม่มีเวลาอธิบายให้ฟังแล้วใช่มั้ย?”

“ใช่”

“โอเค ถ้าฉันไปถึงที่นั่นแล้วไม่มีเรื่องอะไรสำคัญอย่างที่นายว่าล่ะก็ นายรู้ใช่ไหมว่าผลมันจะเป็นยังไง!” วินาทีที่เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นมา เธอก็วางโทรศัพท์ไปทันที “แล้วก็ นายติดหนี้ฉันนะ”

จากนั้นโรแลนด์ก็กดเบอร์ของผู้คุมร็อก

ครั้งนี้เขาเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ให้ผู้คุมฟัง “คุณเฟยอวี่หานตอนนี้ได้รับบาดเจ็บหนัก ผมอยากจะให้ทางสมาคมส่งหมอและเครื่องมือแพทย์ที่ดีที่สุดมา แต่แค่นั้นมันยังไม่พอ ตอนนี้การ์เซียกำลังนำเอาของสำหรับช่วยชีวิตที่สำคัญอย่างมากมาที่จุดเกิดเหตุ หากเป็นไปได้ ผมอยากจะให้ทางสมาคมช่วยประสานงานกับทางตำรวจจราจรว่าช่วยเปิดทางให้หน่อย เพื่อให้การ์เซียมาถึงสะพานให้เร็วที่สุดครับ”

ผู้คุมรับปากทันที จากนั้นก็บอกว่าพวกเราจะรีบติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่โรแลนด์เองก็รู้ดีว่าถ้าไม่มีการติดต่อเอาไว้ก่อน โอกาสที่รัฐบาลจะลงมือจัดการทันทีนั้นมีน้อยมาก จะมาถึงที่สะพานได้อย่างราบรื่นหรือไม่ อันนี้ก็ต้องอยู่ที่ตัวการ์เซียแล้ว

ในตอนที่วางโทรศัพท์ เวลาก็ผ่านไปประมาณ 5 นาทีแล้ว

จากนั้นสิ่งที่เขาทำได้ก็มีแต่รอเท่านั้น

ในความโชคร้ายยังมีความโชคนี้อยู่ ในฤดูหนาวมีรถวิ่งบนถนนค่อนข้างน้อย ยิ่งเข้าใกล้เขตชานเมืองก็ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ ขอเพียงไม่ใช่ช่วงเวลาเข้างานหรือเลิกทำงาน การ์เซียก็น่าจะขับรถตู้ได้ด้วยความเร็วสูงสุดของมัน

“คุณอา อาจารย์เขา…เขา…ใกล้จะไม่ไหวแล้ว!” ทันใดนั้นเสียงร้องไห้ของซีโร่ก็ดังแทรกความคิดเขาขึ้นมา

โรแลนด์รีบกลับไปอยู่ข้างกายเฟยอวี่หาน ก่อนจะเห็นหน้าอกที่ขยับขึ้นลงเล็กน้อยก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ได้หยุดลงแล้ว

“หัวใจกับการหายใจของนางหยุดลงแล้ว” วัลคีรียขมวดคิ้วขึ้นมา “ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าคิดจะทำอะไร แต่เกรงว่ามันคงจะสายไปแล้วล่ะ”

“ไม่ เธอจะต้องอดทนได้แน่นอน” โรแลนด์ยื่นมือออกไปลูบหน้าผากที่เต็มไปด้วยรอยคราบเลือดของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา “มาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันเชื่อว่านางไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ แน่”

เขาเคยได้ยินว่าหลังจากร่างหายหยุดทำงานไปแล้ว สมองของคนเราจะยังทำงานต่อไปอีกระยะหนึ่ง ถ้าสั้นๆ ก็หลายสิบวินาที ถ้านานหน่อยก็หลายนาที คลื่นสมองจะแสดงลักษณะของคลื่นเหมือนเวลานอนหลับ เหมือนกับว่าหลับไปจริงๆ อย่างไรอย่างนั้น ช่วงเวลาสั้นยาวนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ถ้าว่ากันในเรื่องของความมุ่งมั่นแล้ว เฟยอวี่หานั้นไม่เป็นรองใคร

10 นาที 25 วินาที บนสะพานมีเสียงโครมครามดังขึ้นมา

โรแลนด์ดวงตาเป็นประกาย

จากนั้นพลันมีแสงไฟสีแดงคู่หนึ่งชนตู้บรรทุกสินค้าที่วางกองอยู่บนพื้นจนแตกกระจาย ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งสามคน

“ฝ่าบาท!” บุ๊คเปิดประตูรถ ก่อนจะเอาห่อกระดาษที่อยู่ในมือโยนให้โรแลนด์

โรแลนด์เปิดห่อกระดาษออกโดยไม่สนใจสีหน้าตกใจของซีโร่และการ์เซีย ก่อนจะเอาด้ายเย็บแผลปูไปบนร่างของเฟยอวี่หาน

“นี่คือ….วัตถุเวทมนตร์ที่แม่มดสร้างขึ้นมาเหรอ?” วัลคีรีย์เลิกคิ้วขึ้นมา

“ถูกต้อง” โรแลนด์พยักหน้า “ขอเพียงมันใช้ได้ผล ต่อให้เหลือลมหายใจแค่เฮือกสุดท้ายก็สามารถช่วยชีวิตกลับมาได้”

ในเวลานี้พลังของนาน่าได้ก้าวข้ามประตูของโลกแห่งความฝันกับความเป็นจริงเข้ามาแสดงผลอยู่บนตัวของหญิงสาวที่อยู่ในอีกโลกหนึ่ง ร่างกายของเธอส่งเสียงกึกกักๆ ด้วยการกระตุ้นของเวทมนตร์ เลือดเนื้อและอวัยวะภายในเริ่มประสานตัวกันอีกครั้ง

หลังจากนั้นสิบกว่านาที ทุกคนก็ได้ยินเสียง ‘ตึกตัก’ เบาๆ

ถึงแม้มันจะแผ่วเบาอย่างมาก แต่มันกลับเป็นเสียงที่ไพเราะกว่าเสียงอื่นใด

หน้าอกของเฟยอวี่หานเริ่มกลับมาขยับอีกครั้ง

…………………………………………………………………