ตอนที่ 1359 โน้มน้าว (1) โดย Ink Stone_Fantasy
“คุณร็อค!” มีคนเหมือนพยายามจะห้าม
“ไม่เป็นไร” ร็อคโบกมือ “ถ้าผมจำไม่ผิดล่ะก็ สามสิบเปอร์เซ็นต์ของแกนพลังเหล่านี้ล้วนแต่เป็นแกนพลังที่โรแลนด์ยึดมาได้ ถ้าเขาคิดจะเอาแกนพลังไปจริงๆ เขาคงไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงตอนนี้หรอก บอกตามตรง โรแลน์จะใช่ผู้สร้างโลกหรือไม่ผมก็ยากที่จะบอกได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องการสู้กับฟอลเลนอีวิลแล้ว เขาคือหนึ่งในคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด” พอพูดจบเข้าก็พยักหน้าให้เลขา “ไปเอากล่องแกนพลังมา”
เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไรสำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูง หลายคนเคยได้ยินเรื่องที่ว่ามีนักล่าที่ยอดเยี่ยมคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นมา ฝ่ายยุคเก่าเองก็ภูมิใจกับเรื่องนี้มาก มีอยู่ช่วงหนึ่งที่พวกเขาพอจะมีปากมีเสียงในสมาคมมากขึ้นกว่าเดิม
เพราะที่ผ่านมาการกำจัดจัดฟอลเลนอีวิลแล้วยึดเอาแกนพลังมานั้นเป็นภารกิจที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันของหลายฝ่าย อีกทั้งศัตรูมักจะเลือกลงมือกับผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่แข็งแกร่ง ปกติพวกมันจะแอบซ่อนตัวอยู่ในที่ๆ ไม่มีใครรู้ โอกาสที่สมาคมจะลงมือได้จึงมีน้อยมาก
แต่หลังจากที่นักล่าหน้าใหม่ปรากฏตัวขึ้น พวกฟอลเลนอีวีลก็พากันถูกเขากำจัดไปตัวแล้วตัวเล่าเหมือนกับแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟ ประสิทธิภาพในการไล่ล่านี้ถือได้ว่าเป็นอันดับต้นๆ ในประวัติศาสตร์ของสมาคมเลยก็ว่าได้
ภายในห้องประชุมเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นชายวัยกลางคนคนหนึ่งจึงถูมือแล้วพูดขึ้นมาว่า “เรื่องพระเจ้าอะไรนั่น เอาไว้พิสูจน์เรียบร้อยแล้วค่อยมาว่ากัน แต่ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามคุณโรแลนด์ซักหน่อย”
โรแลนด์ยักไหล่เหมือนบอกให้ถามมาเลย
“เหตุการณ์ตอนที่คุณเฟยอวี่หานได้รับบาดเจ็บ ผมได้ไปถามคุณหมอที่ทำการช่วยเหลือในตอนนั้นมาแล้ว นั่นไม่ใช่บาดแผลที่พลังแห่งธรรมชาติกับการแพทย์ในยุคปัจจุบันจะรักษาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เลย พวกเขาบอกว่าตอนนั้นคุณใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ดูธรรมดาๆ แล้วก็ไม่ได้มาตรฐานบางอย่าง แต่มันกลับให้ผลที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก เหมือนกับว่า…เหมือนกับว่ามันทำให้เลือดเนื้อเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งอย่างไรอย่างนั้น” ชายคนนั้นสูดหายใจ “บางทีคุณอาจจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้ไม่สะดวกบอกที่มาและวิธีผลิตอุปกรณ์เหล่านี้ ผมเองก็ไม่อยากถามอะไรบาง เพียงแต่ว่า คุณพอจะขายอุปกรณ์ทางการแพทย์เหล่านั้นให้กับทางสมาคมได้หรือเปล่า? ผมรับรองว่าเรื่องราคาเราคุยกันได้!”
“ฉันก็อยากถามนายเรื่องนี้เหมือนกัน” จู่ๆ เฟยอวี่หานก็ยื่นหน้ามากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูเขา “อย่าบอกฉันนะว่าของที่นายใช้ช่วยชีวิตฉันที่อยู่ในสภาพแบบนั้นกลับมาได้ ความจริงแล้วเป็นพวกสมุนไพรหรือยาที่ประเมินค่าไม่ได้ของอีกโลกหนึ่ง ส่วนอุปกรณ์การแพทย์เหล่านั้นเป็นแค่ฉากบังหน้าเท่านั้น ถึงฉันจะพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่ฉันไม่ได้รวยขนาดนั้นหรอกนะ”
โรแลนด์หลุดขำออกมาทันที เขาคิดไม่ถึงว่าผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะที่คนอื่นๆ พากันบอกว่าเข้าหายากจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมา “สบายใจได้ อันนั้นฟรี”
“ฟู่ว…ค่อยยังชั่ว” เฟยอวี่หานโล่งใจ “แต่นายอย่าไปพูดแบบนี้กับพวกเขานะ บางครั้งของยิ่งได้มาฟรี พวกเขายิ่งไม่เห็นค่า”
โรแลนด์ทำมือบอกว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นจึงหันไปมองชายกลางคนคนนั้น “ได้สิครับ ผู้ฝึกยุทธ์คือแนวหน้าในการต่อสู้กับการกัดกิน ผมย่อมต้องอยากให้ทุกคนไม่ต้องกังวลเรื่องการบาดเจ็บและสู้กับศัตรูอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ผมเองก็ไม่ได้คิดที่จะปิดบังความเป็นมาของพวกมัน ของพวกนั้นมันไม่ได้เป็นของจากโลกนี้ หากแต่มาจากอีกโลกหนึ่ง พวกมันผ่านการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยพลังเวทมนตร์ ในอีกแง่หนึ่งก็คือมันไม่ใช่อุปกรณ์การแพทย์ธรรมดาๆ”
นี่เป็นเรื่องใหญ่อย่างมากเรื่องหนึ่ง
ภายในห้องประชุมแตกตื่นขึ้นมาทันที
“อีก…โลกหนึ่ง?”
“พลังเวทมนตร์คืออะไร?”
“เดี๋ยวๆ เมื่อกี้เขาพูดถึงเรื่องที่จะปลดปล่อยพลังเวทมนตร์ที่ถูกกักขังเอาไว้ หรือว่าพลังแห่งธรรมชาติเองก็เป็นพลังเวทมนตร์อย่างหนึ่ง?”
“เดี๋ยวพวกคุณจะได้รู้เองครับ” เมื่อเห็นทุกคนถามขึ้นมาอย่างตกใจ โรแลนด์จึงตอบกลับไปอย่างใจเย็น “รวมไปถึงเรื่องที่ว่าผมอยู่ที่ไหนก่อนที่โลกนี้จะถือกำเนิดขึ้นมา เจตนารมณ์เดิมของพระเจ้าคืออะไร และพลังเวทมนตร์มันเกี่ยวข้องกับโลกนี้ยังไง…ทั้งหมดนี้ผมจะเล่าให้พวกคุณฟังเอง แต่ว่าก่อนหน้านั้น เดี๋ยวผมจะให้ทุกคนได้เห็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดแล้วกัน”
พอพูดจบ เลขาของผู้คุมก็ถือกล่องนิรภัยเดินเข้ามาในห้องประชุม
หลังจากร็อคแสกนลายนิ้วมือกับม่านตา กล่องก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ ก่อนจะเผยให้เห็นโหลแก้ววางอยู่ในกล่องอย่างเป็นระเบียบ
ในกล่องมีโหลแก้วอยู่ 6 ใบ แต่ละใบมีผลึกสีแดงอยู่ 1 ชิ้น
ซึ่งนั่นคือแกนพลังแห่งธรรมชาติที่แข็งตัวแล้ว
“แค่นี้พอไหม?” ร็อคถาม
“พอแล้วครับ” โรแลนด์พยักหน้า
หลังผู้คุมส่งสัญญาณ เลขาก็เอาหลอดแก้วส่งโรแลนด์
“ตรงปากหลอดแก้วแต่ละหลอดจะติดตั้งอุปกรณ์แจ้งเตือนเอาไว้ ไม่ว่าใครก็ตามเปิดมันออก สมาคมก็จะได้รับการแจ้งเตือนทันที” ร็อคอธิบาย “ถ้าคนธรรมดาสัมผัสกับแกนพลัง พวกเขาก็จะถูกช่วงชิงจิตใจไปทันที แล้วก็จะกลายเป็นฟอลเลนอีวิลชั้นต่ำที่ทำอะไรตามสัญชาตญาณ ส่วนผู้ตื่นรู้นั้นจะมีความสามารถในการต้านทานแกนพลังอยู่ แต่ถ้าสัมผัสมันเป็นเวลานานก็จะถูกกัดกินได้เหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นหากถูกกัดกินแล้วจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ด้วย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ฟอลเลนอีวิลใช้ประโยชน์จากมัน สมาคมจึงต้องสร้างป้อมปราการขนาดใหญ่เอาไว้หลายแห่งเพื่อเก็บมันเอาไว้ เรียกได้ว่าโบราณสถานที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์เหล่านั้นล้วนแต่เคยถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับเก็บแกนพลังทั้งสิ้น เมื่อมาถึงยุคปัจจุบัน ถึงแม้เทคโนโลยีต่างๆ จะก้าวหน้าไปมาก แต่ในเรื่องการจัดการกับแกนพลังยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ซึ่งเมืองปริซึมก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ใช้เก็บแกนพลังแห่งธรรมชาติ”
“นับจากนี้เป็นต้นไป พวกคุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นอีกแล้วครับ” โรแลนด์พูดจบก็เปิดฝาออก จากนั้นก็เอาแกนพลังเทออกมาวางบนฝ่ามือ
ภายในห้องประชุมมีเสียงสูดหายใจด้วยความตกใจดังขึ้นมา
แกนพลังที่หยุดนิ่งเริ่มหมุนขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่ใช่เท่านี้ สีของมันยังค่อยๆ เปลี่ยนจากสีแดงกลายเป็นสีน้ำเงินด้วย เหมือนกับว่ามันได้ถูกชำระล้างอย่างไรอย่างนั้น
จากนั้นแกนพลังก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นลำแสงพุ่งขึ้นไปด้านบน ลำแสงพุ่งทะลุเพดานแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย บริเวณรอบๆ เหลือเพียงแค่จุดลำแสงที่กระจัดกระจาย ราวกับว่าเมื่อกี้เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น
ทุกคนตกตะลึง
นับตั้งแต่ที่สมาคมถูกก่อตั้งขึ้นมา พวกเขาก็ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน ถึงแม้จะย้อนกลับไปเมื่อหลายพันปีก่อนหน้านี้ ในบันทึกประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับผู้ตื่นรู้ก็ไม่มีการเขียนบันทึกเอาไว้ว่าสามารถทำให้แกนพลังสามารถหายไปเฉยๆ ได้ ทันทีที่มีฟอลเลนอีวิลปรากฎตัวขึ้นมา แกนพลังที่ถูกกัดกินก็จะคงอยู่แบบนั้นไม่หายไปไหน แล้วก็จะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ที่แฝงเอาไว้ด้วยความอันตรายและหายนะที่ถูกส่งต่อมาเรื่อยๆ นี่แทบจะเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างรู้กัน ถ้าอยากจะทำลายแกนพลัง วิธีที่ทำแบบนั้นได้ก็คือการโยนมันเข้าไปในรอยแตกของการกัดกิน แต่การทำแบบนั้นจะทำให้รอยแตกเกิดการขยายตัวอย่างรุนแรง ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ สมาคมก็ไม่มีทางใช้วิธีนี้เด็ดขาด
แต่ภาพที่เกิดขึ้นตรงนี้กลับทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาเคยรับรู้มา
“คุณโรแลนด์…แกนพลังหายไปที่ไหนแล้ว?” ร็อคที่ปกติเป็นคนสุขุมทำสีหน้าตื่นเต้น
“ก็เหมือนกับที่ผมได้บอกไปก่อนหน้านี้ พวกมันได้กลับคืนสู่โลกนี้แล้ว ซึ่งนี่คือสิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดระหว่างโลกแห่งความฝันกับโลกแห่งความเป็นจริง การคงอยู่และสืบทอดต่อไปของมันล้วนแต่อยู่ได้เพราะพลังเวทมนตร์” โรแลนด์หยิบเอาแกนพลังอีกอันหนึ่งขึ้นมา แล้วก็ทำให้มันกลายเป็นลำแสงอีกครั้ง “จากข้อมูลที่ผมมีอยู่ในตอนนี้ พลังเวทมนตร์นั้นแทบจะทำได้ทุกอย่าง มันสามารถทำให้ผู้ตื่นรู้มีพลังและร่างกายที่เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป แล้วก็สามารถทำให้เลือดเนื้อเกิดขึ้นมาใหม่ได้ด้วย ความจริงแล้วพลังแห่งธรรมชาติก็เป็นรูปแบบหนึ่งของพลังเวทมนตร์ ตอนนี้แหล่งกำเนิดของพลังที่ว่านี้ยังไม่แน่ชัด แต่มีจุดหนึ่งที่สามารถมั่นใจได้ นั่นคือมันเกี่ยวข้องกับพระเจ้า”
จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องโลกอีกโลกหนึ่งกับการมีอยู่ของเทวทูตทรยศออกมาคร่าวๆ และเพื่อที่จะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เขาจึงใจที่จะข้ามรายละเอียดส่วนใหญ่ไป แล้วก็อธิบายโดยเน้นไปที่สงครามแห่งโชคชะตาที่เกิดขึ้นหมุนเวียนไปไม่จบสิ้น
“ผมไม่รู้ว่าการที่ทั้งสองโลกมีการบันทึกเกี่ยวกับสงครามแห่งโชคชะตาเอาไว้มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ แต่ถ้าเราไม่หยุดวังวนอันนี้ พระเจ้าก็จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในตอนนี้ พูดอีกอย่างก็คือ ตอนนี้มันกำลังทำแบบนั้นอยู่” โรแลนด์ชะงักไปเล็กน้อย “ถ้าพวกเราเอาแต่ยืนมองอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร เมื่อเวลานั้นมาถึง ไม่ว่าจะเป็นโลกแห่งความจริงหรือว่าโลกแห่งความฝันก็จะสลายหายไป”
………………………………………………………………