บทที่ 711 ไม่พบข้อมูล

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 711 ไม่พบข้อมูล

ให้ตายสิ

หลินเป่ยเฉินลอบสบถคำหยาบอยู่ในใจ

แต่เพราะสวมใส่แว่นกันแดด จึงทำให้อีกฝ่ายมองไม่เห็นแววตาที่แท้จริงของเขา

ชายอ้วนคนนี้เรียกได้ว่าเสียสติโดยสมบูรณ์

หลินเป่ยเฉินลงความเห็นอย่างมั่นใจ

ก็ถึงขนาดจับขุนพลระดับแม่ทัพของกองทัพหลวงมาต้มกินได้หน้าตาเฉย ถ้าไม่เรียกว่าเสียสติ แล้วยังจะเรียกว่าเป็นอะไรได้อีก

“ไต้จือฉุนอยู่ในกำมือท่านจริงหรือไม่?”

เด็กหนุ่มจุดบุหรี่ อัดควันเข้าปอดและพ่นออกมาอย่างคล่องแคล่ว “บอกมาเลยดีกว่าว่าท่านต้องการอะไร”

บรรยากาศในห้องนี้ทำให้หลินเป่ยเฉินรู้สึกไม่สบายใจสักเท่าไหร่

เขาอยากจบธุระครั้งนี้ให้เร็วที่สุด

“หึหึ รู้ไหมว่าในจำนวนผู้ที่มาตำหนักต้าหลง มีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สงบเยือกเย็นได้ถึงขนาดนี้ นับว่าเจ้าเป็นลูกแกะเกิดใหม่ไม่หวาดกลัวเสือร้ายจริงๆ”

เหลียงหยวนเตาไม่ยอมตอบคำถามของเด็กหนุ่ม

แต่กลับจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาแปลกประหลาด

คล้ายกำลังสงสัยว่าข่าวลือที่เขาได้ยินมาเกี่ยวกับเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นความจริงหรือไม่

การที่คุณชายตระกูลใหญ่สักคนหนึ่งจะกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้งหลังพบเจอความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่การลุกขึ้นมาสร้างความยิ่งใหญ่อย่างที่หลินเป่ยเฉินสามารถกระทำได้ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่าปาฏิหาริย์เท่านั้นถึงจะสามารถทำได้สำเร็จ

“หลินเป่ยเฉิน เจ้าเคยได้ยินตำนานของตำหนักต้าหลงหรือไม่?”

เหลียงหยวนเตาถามพร้อมกับยิ้มกว้าง

หลินเป่ยเฉินส่ายหน้า “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน และไม่เคยสนใจด้วย ข้าแค่อยากรู้ว่าไต้จือฉุนยังปลอดภัยดีหรือไม่ และท่านจับตัวเขาไปทำไม?”

น้ำเสียงของเด็กหนุ่มค่อนข้างสุภาพ

เหลียงหยวนเตายกมือที่อวบอูมขึ้นเท้าคางและกล่าว “ไต้จือฉุนได้พบเจอคนโง่งมเช่นเจ้า… ถือเป็นโชคดีของเขาจริงๆ บัดนี้เขาอยู่ในป้อมปราการของข้า ได้รับการทรมานไม่ใช่น้อย แต่แทนที่จะห่วงความปลอดภัยของผู้อื่น เจ้าสมควรห่วงความปลอดภัยของตนเองก่อนดีกว่า”

หลินเป่ยเฉินขยี้ก้นบุหรี่ลงบนโต๊ะ ก่อเกิดเป็นสะเก็ดไฟแปลกประหลาดกระจายในอากาศ

“มาพูดเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ที่ท่านเรียกข้ามาในวันนี้ ท่านต้องการอะไรกันแน่?”

หลินเป่ยเฉินพยายามข่มความโกรธแค้นและไม่พูดคำหยาบคายออกมา

ไต้จือฉุนตกอยู่ในกำมือของชายวิกลจริตผู้นี้ หลินเป่ยเฉินจึงไม่อยากทำให้อีกฝ่ายเดือดดาลโดยไม่จำเป็น

“ถ้าบอกว่าข้าเชิญเจ้ามารับประทานอาหารด้วยกัน เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”

เหลียงหยวนเตายังคงไม่ยอมตอบคำถาม ชั้นไขมันบนร่างกายของเขาไหวกระเพื่อมเหมือนเกลียวคลื่น

หลินเป่ยเฉินพยักหน้า “ตกลง งั้นเรามาทานอาหารกัน”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”

เหลียงหยวนเตาพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ก่อนจะยิ้มอย่างชั่วร้าย

“ประเสริฐ”

เมื่อเสียงหัวเราะหยุดลง ชายอ้วนก็เอื้อมมือมายังหม้อไฟขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ

เขาเปิดฝาหม้อออก

ควันสีขาวลอยขึ้นมาทันที

ในหม้อไฟเป็นหมูต้มที่แช่อยู่ในน้ำซุปหอมหวานตัวหนึ่ง

ในห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นหอมของน้ำซุป

เหลียงหยวนเตาโบกสะบัดมือหนึ่งครั้ง ขาหมูจากในหม้อไฟก็ลอยเข้าไปอยู่ในมือของเขา หลังจากนั้น ชายอ้วนก็ใช้สองมือประคองขาหมูกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย คราบไขมันเปรอะเปื้อนเต็มมือและเต็มใบหน้าของเขา ก่อนที่พวกมันจะไหลหยดเปื้อนชุดนอนที่สวมใส่

“เจ้าก็รับประทานด้วยกันสิ”

เหลียงหยวนเตาพูดโดยไม่เงยหน้ามองขึ้นมา

หลินเป่ยเฉินกลืนน้ำลายและเกือบอาเจียน

กลิ่นหอมชวนรับประทานของน้ำซุปในหม้อไฟ กลับกลายเป็นความขยะแขยงขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก

เขาจ้องมองเหลียงหยวนเตารับประทานขาหมูเหมือนวิญญาณเร่ร่อนที่ไม่ได้กินอะไรมานานหลายร้อยปี

มูมมาม น่าขยะแขยง

แล้วเขายังจะกินลงอีกได้อย่างไร?

หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบและนั่งดูอยู่เฉยๆ

เหตุการณ์ดำเนินมาจนถึงตอนนี้ เด็กหนุ่มยังไม่รู้เลยว่าเหลียงหยวนเตามีระดับพลังอยู่ในขั้นไหนกันแน่

แต่คาดการณ์ว่าน่าจะไม่ต่ำกว่าขั้นยอดปรมาจารย์

ใช่แล้ว

การโบกสะบัดมือที่ทำให้ขาหมูลอยขึ้นมาจากหม้อไฟได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีพลังไม่ต่ำกว่าขั้นยอดปรมาจารย์เป็นแน่แท้

“เสี่ยวจี้ สแกนคิวอาร์โค้ดของไอ้อ้วนคนนี้ให้หน่อย”

หลินเป่ยเฉินออกคำสั่งอยู่ในใจ

“รับทราบเจ้าค่ะ นายท่าน”

เสียงของผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะดังตอบกลับมา

ขณะนี้ โทรศัพท์มือถือของเขามีฟังก์ชันสามารถสแกนหาระดับพลังของฝ่ายตรงข้าม เช่นเดียวกับหาจุดอ่อนในร่างกายของคู่ต่อสู้

หลินเป่ยเฉินไม่ได้ใช้ฟังก์ชันนี้มานานแล้วจนเขาเกือบจะลืมมันไปเหมือนกัน

หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงดัง ‘ติ๊ง!’

แล้วหน้าต่างข้อความก็เด้งขึ้นมาแจ้งเตือนว่า

‘ไม่พบข้อมูล’

ต่อท้ายด้วยเครื่องหมายคำถามสีแดงราวโลหิต

‘ไม่พบข้อมูล’

ข้อความเดิมย้ำเตือนขึ้นมาอีกครั้ง

แล้วหน้าจอโทรศัพท์ของเขาก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายตกใจสีแดงสด

หลินเป่ยเฉินหนังหัวชายิบ

เกิดอะไรขึ้น

นี่คือครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้

“นายท่านเจ้าคะ บุคคลผู้นี้อันตรายมาก นายท่านได้โปรดระวังตัว”

น้ำเสียงของเสี่ยวจี้บ่งบอกถึงความเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย

หลินเป่ยเฉินพยายามบอกให้ตัวเองใจเย็นๆ

ถึงแม้หัวใจจะเต้นรัวเร็วมากแล้วก็ตาม

นี่แหละคือสิ่งที่เขาหวาดกลัว

ต้องมีความน่ากลัวขนาดไหนกันนะ โทรศัพท์ของเขาถึงไม่สามารถสแกนค่าพลังได้?

นี่ล้อกันเล่นใช่ไหม?

“ทำไมเจ้าไม่รับประทาน?”

เหลียงหยวนเตาส่งเสียงพูดออกมาอีกครั้ง เพียงพริบตาเดียว ขาหมูทั้งข้างก็สลายหายไปแล้ว

“ข้าไม่หิว”

หลินเป่ยเฉินตอบ “อาหารของท่านหน้าตาอัปลักษณ์เกินไป เห็นแล้วข้ารับประทานไม่ลง”

“นับเป็นคนที่จริงใจนัก”

เหลียงหยวนเตาพูดในระหว่างที่หัวหมูลอยจากหม้อไฟเข้าไปอยู่ในมือทั้งสองข้างของเขา ก่อนที่ชายอ้วนจะเริ่มกัดแทะหัวหมูไปด้วยพลางพูดคุยไปด้วย “คนสุดท้ายที่พูดประโยคนี้ แม้แต่กระดูกของมัน ข้าก็แทะจนไม่เหลือเนื้อแม้แต่คำเดียว…”

“ท่านมันน่ารำคาญเกินไปแล้ว”

หลินเป่ยเฉินพูดด้วยความร้อนใจ “เวลาของข้าเป็นเงินเป็นทอง ยังคงมีเรื่องราวอีกมากมายรอให้ข้ากลับไปจัดการ แต่ท่านกลับสั่งให้ข้าอยู่ที่นี่และนั่งดูตนเองรับประทานอาหาร แล้วท่านยังคาดหวังให้ข้าพูดจาหวานหูให้รับฟังอีกหรือ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…”

เหลียงหยวนเตาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง

เขาพอใจกับการตอบรับของหลินเป่ยเฉินมากทีเดียว

เด็กหนุ่มไม่ได้มีลักษณะเยือกเย็นเหมือนตอนที่เข้ามาแรกๆ อีกแล้ว บัดนี้ หลินเป่ยเฉินถึงกับแสดงความหงุดหงิดใจออกมาอย่างชัดเจน

นี่เป็นเพราะว่า… เด็กหนุ่มผู้สร้างปาฏิหาริย์มากมายนับไม่ถ้วนกำลังรู้สึกกดดัน

“ถ้าอย่างนั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยก็ได้”

เหลียงหยวนเตาวางหัวหมูในมือลง ก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดคราบไขมันบนริมฝีปาก “ข้ามีสิ่งที่ต้องการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คืออยากให้เจ้าช่วยกำจัดเกาเฉิงฮั่นให้หน่อย เป็นอย่างไร เรียบง่ายดีหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินถึงกับชะงักกึก

เรียบง่ายกับผีน่ะสิ

“ไม่ทราบว่าท่านเข้าใจอะไรผิดหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินพูด “การสังหารผู้ที่มีพลังระดับเซียน คิดว่าคนอย่างข้าจะสามารถกระทำได้จริงหรือ?”

เหลียงหยวนเตาตอบว่า “แต่สามวันก่อน เจ้าเป็นคนที่ระเบิดกองทัพชาวทะเลด้วยตัวคนเดียว”

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจ “และท่านก็คิดว่าแรงระเบิดเพียงเท่านั้นจะสามารถฆ่าผู้ที่มีพลังระดับเซียนได้?”

ดวงตาของเหลียงหยวนเตาเป็นประกายแวววาวเหมือนสัตว์ร้ายยามเห็นเหยื่อ “แน่นอนว่าไม่ วิชากระบี่เขย่าโลกาหัตถาครองพิภพของเจ้า สามารถฆ่าผู้ที่มีพลังขั้นเซียนระดับหนึ่งได้อย่างไม่มีปัญหา แต่เกาเฉิงฮั่นมีพลังอยู่ในขั้นเซียนระดับสอง เจ้าไม่สามารถใช้แรงระเบิดนั้นสังหารเขาเด็ดขาด”

หลินเป่ยเฉินพูด “แล้วทำไมท่านถึงต้องฝากความหวังไว้ที่ข้า ทำไมท่านถึงไม่ทำเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”

เหลียงหยวนเตามองหน้าหลินเป่ยเฉิน ยิ้มออกมาเล็กน้อยและกล่าว “ถึงเจ้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเกาเฉิงฮั่น พลังระเบิดของเจ้าไม่สามารถฆ่าเขาได้ แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าย่อมมีวิธีอื่น ข้าจะไม่ถามหรอกว่าเจ้าใช้วิธีใด ขอแค่สังหารเขาได้ก็พอแล้ว มิฉะนั้น อย่าว่าแต่ไต้จือฉุนจะต้องจบชีวิตลงเลย แม้แต่สาวงามเพื่อนๆ ของเจ้า อย่างเช่นเยว่เว่ยหยาง หวังซินอวี่ และพวกคนอื่นๆ นั้น ก็ไม่มีทางรอดพ้นชะตากรรมเช่นกัน…”

น้ำเสียงของชายอ้วนเย็นเยียบยิ่งกว่าน้ำแข็ง

ก่อนที่จะประคองหัวหมูขึ้นไปกัดแทะด้วยความมูมมามอีกครั้ง

ไม่ต่างไปจากสัตว์ร้ายที่กำลังหิวโหย

หลินเป่ยเฉินตกตะลึง

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

เด็กหนุ่มลุกพรวดขึ้นยืน

ไอสังหารแผ่ออกมาจากร่างกาย มวลอากาศโดยรอบปั่นป่วนเป็นระลอกคลื่นจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า